“ไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว เดิมทีแล้วคุณก็ไม่ได้เป็นคนโรแมนติกอะไรอยู่แล้ว ในใจฉันเข้าใจดีอยู่แล้ว ไม่โกรธคุณหรอก เดินเข้าไปกันเถอะ” ซางหยูคล้องแขนเขาเดินเข้าไปด้านใน
ซางหยูเองก็นับว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นเลยทีเดียว ไม่มีนิสัยหยิ่งยโส และก็ไม่มีการอาศัยที่ตนอายุน้อยกว่าแล้วไปเรียกร้องอะไรกับเขา และยังเข้าใจงานและความน่าเบื่อของเขาดี เสิ่นเผยซวนคิด เขาไม่เจอเด็กผู้หญิงคนไหนที่ดีไปกว่าเธออีกแล้ว
เสิ่นเผยซวนคบกับเธอมีความสุขมาก
ซางหยูเห็นลูกค้าที่อยู่ในร้านกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ท่าทางดูไม่เลวเลยทีเดียว จึงดูเมนูอาหารที่แขวนอยู่บนผนังแล้วสั่งไปสองสามอย่าง เธอไข้เพิ่งจะหายดีจึงชอบกินอะไรที่มันจืดๆ แล้วถามเสิ่นเผยซวนออกไป “คุณอยากกินรสชาติแบบไหน?”
เสิ่นเผยซวนเอ่ยพูดออกมา “ผมเอาเหมือนกับคุณ”
ซางหยูยิ้ม สั่งอาหารเสร็จแล้วก็ไปหาที่นั่ง นั่งลงไปกับเสิ่นเผยซวน ที่นี่เขาเสิร์ฟอาหารเร็วเลยทีเดียว ซางหยูไม่ได้มีความอยากอาหารอะไรนักจึงกินไปไม่เยอะ กินข้าวกันเสร็จแล้วพวกเขาก็เดินออกจากร้านอาหารไปพร้อมกัน
จู่ๆซางหยูก็หยุดฝีเท้าลง
“เป็นอะไรไป?” เสิ่นเผยซวนหันหน้าไปมองเธอ
ซางหยูไม่พูด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าเมื่อกี้นี้กินเร็วไปหรือเปล่า หรือว่ากินของไม่สะอาดลงไป จึงรู้สึกไม่ค่อยสบายท้องอยากจะอ้วกขึ้นมา
เสิ่นเผยซวนแตะหน้าผากเธอ ซางหยูก็ขวางเอาไว้ “ไม่ได้ไข้ขึ้น”
“ผมเห็นคุณเหมือนกับว่าจะดูไม่สบายเลย” เสิ่นเผยซวนเอ่ยออกไปด้วยความเป็นห่วง
ซางหยูยืนอยู่สักพักนึงความรู้สึกคลื่นไส้นั้นก็ได้หายไป เธอทาบมืออยู่ตรงหน้าอกพลางเอ่ยออกไปว่า “ไม่เป็นไรแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนขึ้นรถไปเสิ่นเผยซวนก็พาเธอไปในเมืองเพื่อซื้อโทรศัพท์ใหม่อีกครั้ง ไม่มีโทรศัพท์ติดต่อได้ไม่สะดวก ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็จะกลับเมืองBแล้ว
สิบโมงเย็นกว่าๆก็กลับมาถึงบ้าน เสิ่นเผยซวนอาบน้ำก่อนแล้วนอนลงไป ซางหยูอาบน้ำเสร็จแล้วเดินเข้ามาข้างเตียงพร้อมกับเลิกผ้าห่มออกแล้วเข้าไปอยู่ในผ้าห่มของเสิ่นเผยซวน
ตัวเธอเองได้เป็นฝ่ายเอามือดึงผ้าขนหนูบนร่างออกไปเอง
เสิ่นเผยซวนจูบเธอ “คุณป่วยยังไม่หายดี”
“ฉันหายดีแล้ว คุณไม่คิดถึงฉันเหรอ?” ซางหยูเอนซบอยู่ในอ้อมแขนของเขา ร่างนุ่มนิ่มสีเข้ากับหน้าอกที่ร้อนระอุของเขา
จะบอกว่าไม่อยากนั่นก็โกหก ถึงแม้ว่าในใจจะยับยั้งชั่งใจมากแค่ไหน แต่ร่างกายมันไม่โกหกเลย
ซางหยูกลับไปในวันถัดไป โดยที่นอนหลับไปตลอดทาง
เป็นอย่างนี้ไปครึ่งเดือน ซูจ้านกับท่านย่าจากที่ไม่พูดจากัน แม้ว่าท่านย่าจะเป็นฝ่ายคุยกับซูจ้านก่อน แต่เขาก็เย็นชาอย่างมาก
ท่านย่าก็ค่อยๆไม่พูดขึ้นมา
หลังจากที่ฉินยาจากไปสองวันก็ไม่เคยได้ติดต่อกันเลย ซูจ้านอยากเจอเธอ จึงแอบไปที่เมืองC
วันนั้นมีแดดจ้าท้องฟ้าปลอดโปร่งมาก อากาศดีเป็นพิเศษ แสงแดดอ่อนๆไม่หนาวไม่ร้อน ใบเมเปิ้ลที่อยู่ข้างทางค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง บางส่วนก็มีปลิวร่วงลงไปบนพื้น
ฉินยากลับมามุ่งมั่นอยู่แต่กับงาน ไม่เอ่ยถึงเรื่องตัวเอง ช่าวหยุนเองก็ไม่ได้ถามออกไปเช่นเดียวกัน โลกของผู้ใหญ่ทุกคนต่างก็เข้าใจกันทั้งนั้น แต่ละคนต่างก็มีเรื่องที่ไม่อยากจะพูดกันทั้งนั้น
ช่าวหยุนยังคงมีท่าทีดังเดิม ชอบสวมเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด เขาในวันนี้ก็เหมือนเดิม สวมเสื้อเชิ้ตลายดอก ชุดสูทสีขาว ฉินยาหมดแรงที่จะวิจารณ์รสนิยมทางด้านความสวยงามของเขาแล้ว ในมือของเขาถือกุญแจรถเดินเข้าไปในห้องทำงานของฉินยา
“วันนี้เลิกงานเร็วๆหน่อย” ช่าวหยุนนั่งไปบนโต๊ะทำงานของเธอพร้อมกับเอ่ยออกไป
ฉินยาเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าที่ขาวใสผอมลงไปเยอะเลย ดวงตาใสออกมา “อารอง คุณช่วยมีท่าทีที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยได้มั้ย?”
“ตรงไหนที่ฉันไม่เหมือนผู้ใหญ่?” ช่าวหยุนไม่คิดว่าการที่ตนนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานของฉินยาแล้วจะเป็นพฤติกรรมที่ดูไม่สุขุมเลยสักนิด
เขาก็แค่มีลักษณะนิสัยที่มีชีวิตชีวาอย่างนี้ก็เท่านั้นเอง
“เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันจะพาเธอไปที่ที่หนึ่ง”
ฉันยาพูดออกไป “ฉันยุ่ง ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ตั้งแต่เธอกลับมา ก็ทำงานไม่รู้วันรู้คืน มันจะทำให้ร่างกายพังไปกับการทำงานอย่างหนักเอาได้ ไป ฉันจะพาเธอไปผ่อนคลายสักหน่อย” ช่าวหยุนหยิบพู่กันในมือเธอออกมา
จับข้อมือเธอเอาไว้ ลากเธอลงมาจากบนเก้าอี้
ฉินยาทำอะไรไม่ได้ “คุณต้องการจะพาฉันไปไหนเนี่ย? ฉันบอกคุณเอาไว้เลย ครั้งนี้ฉันไม่ไปร้านเกมอะไรนั่นแล้วนะ”
“ครั้งนี้ไม่ไป จะพาเธอไปที่ใหม่อีกที่หนึ่ง” ช่าวหยุนหยิบเอาชุดราตรีที่แขวนโชว์อยู่ที่ในร้านออกมาจากตู้เสื้อผ้ามาให้ฉินยา “สวมซะ”
ฉินยา “…”
เธอถือชุดเอาไว้ “อารองสำหรับงานอะไรกันน่ะ? ต้องสวมชุดราตรีด้วย?”
“งานที่เป็นทางการสิ” อารองยิ้มออกมา “ไปเปลี่ยนชุด ฉันจะรอเธออยู่ที่หน้าประตู”
ฉินยาไม่มีอารมณ์จะออกไป เหมือนกับอยู่ตามลำพัง การไปออกงานเป็นเพื่อนช่าวหยุนนี้ ต้องเจอคนมากมาย ทั้งสวมชุดราตรีและยังต้องแต่งหน้า เธอเกลียดความยุ่งวุ่นวายมากจริงๆ
“อารอง…”
ฉินยาอยากจะพูดโน้มน้าวช่าวหยุน อย่าให้ตนไปเป็นเพื่อนเขาเลย
ช่าวหยุนเอ่ยพูดออกมา “เธอแค่ช่วยงานฉันในตอนนั้น ฉันไปรอเธอที่หน้าประตู”
พูดจบก็เดินออกไป
ฉินยาถอนหายใจออกมาทำได้แค่เพียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องลองชุด
รถของช่าวหยุนจอดอยู่ที่ข้างถนนตรงหน้าประตูทางเข้าร้าน
รถของซูจ้านจอดอยู่ไม่ไกลจากร้าน ในช่วงนี้เขาได้เงียบขรึมลงเยอะมาก เมื่อก่อนเขาชอบพูดมาก มีนิสัยเป็นคนที่เป็นมิตรเข้าสังคมได้ง่ายที่สุดในสามคน แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
เขาถ่อมาที่นี่โดยที่ไม่ได้พูดอะไร ก็แค่คิดถึงฉินยา อยากเจอเธอสักหน่อยก็เท่านั้น
ในยามกลางคืนหลายๆคืน เขานอนไม่หลับถือโทรศัพท์เอาไว้อยากจะโทรไปหาเธอ หรือไม่ก็ส่งข้อความไป แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าเลยสักที
วันนั้นหลินซินเหยียนบอกว่าเมื่อตอนนั้นเขากับฉินยารีบร้อนแต่งงานกันเพราะการเร่งของท่านย่า
อันที่จริงไม่อย่างนั้นแล้ว เขาที่เป็นผู้ใหญ่ ถ้าไม่มีความรู้สึกอะไรกับฉินยาก็ไม่มีทางที่จะแต่งงานไปอย่างนั้นแน่ ถ้าทำแบบพอเป็นพิธีไปเพราะว่าคุณย่า เขาลากใครสักคนมาแต่งงานด้วยมั่วๆเอาก็ได้ ไหนเลยจะต้องรอหลังจากที่เจอฉินยาแล้วถึงได้แต่งงานกันด้วยสาเหตุนี้ไป
ตอนนี้เขาเข้าใจหัวใจตัวเองมาก ไม่ เมื่อนานมานี้เขาไม่เข้าใจหัวใจตัวเอง เขารักฉินยา และชอบเธอ
ความปวดใจทั้งหมดในตอนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะความรักทั้งนั้น
ในตอนนี้ไม่กล้าอยากเจอ แต่ลึกๆก็อยากเจอสักนิดเหมือนกัน
เพียงแค่เพราะชอบเธอเท่านั้นเอง