ท่านย่ารู้สึกโดดเดี่ยว มองแม่บ้านที่กำลังเช็ดโต๊ะพลางเอ่ยออกไป “ทำไมเธอถึงได้มาเป็นแม่บ้าน ฉันเห็นเธอก็อายุพอจะเป็นย่าได้แล้ว”
ป้าจี๋เอ่ยออกมา “ลูกชายสองคน ลูกชายคนโตแต่งงานมีลูกไปแล้ว เป็นคุณย่าแล้วค่ะ”
“ลูกชายคนเล็กของเธอล่ะ?” ท่านย่าถามออกไปอีกครั้ง
“ลูกชายคนเล็กยังไม่ได้แต่งงานค่ะ” ป้าจี๋ตอบกลับออกไป
ท่านย่าถามไปคำนึงป้าจี๋ตอบกลับมาคำนึง ไม่ได้พูดอะไรอื่นเลยสักประโยคเดียว ท่านย่าพูดไปสองสามคำก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาเหมือนกัน ทอดถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เคลื่อนรถเข็นกลับห้องไป
ภายในห้องก็ว่างเปล่าเหมือนกัน เธอหยิบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ในภาพเป็นตัวเองสมัยสาวๆ ข้างๆคือสามี
เธอนั่งอยู่บนรถเข็น สามียืนอยู่ข้างหลังเธอ ผ่านทางรูปใบนี้เธอเหมือนกับมองเห็นตัวเองในสมัยสาวๆ
“เพียงชั่วพริบตาเดียวก็แก่เสียแล้ว” ท่านย่าเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกมืดมน “ฉันเห็นซูจ้านไม่มีความสุข กำลังโกรธฉันอยู่ ในใจก็คงจะเกลียดชังฉัน แต่ฉันเพียงแค่อยากให้เขามีลูกสักคนเท่านั้นเอง เพื่อเหลือทิ้งทายาทให้ตระกูลซูไว้สักคน ฉันผิดเหรอ?”
คนที่อยู่ในภาพยังคงยิ้มอยู่ ไม่มีใครตอบเธอ
เธอกอดภาพเอาไว้ “ฉันควรไปอยู่เป็นเพื่อนคุณได้แล้วใช่มั้ย?”
“เฮ้อ..”
ท่านย่านั่งอยู่ภายในห้องตามลำพังอยู่นาน วันนี้ซูจ้านกลับมานับว่ายังเร็วอยู่ ป้าจี๋ทำอาหารเสร็จเขาก็เข้าบ้านมา
เห็นเขากลับมาท่านย่ารู้สึกมีความสุขอย่างมาก เอ่ยพูดออกไป “รีบไปล้างมือกินข้าว ฉันสั่งให้ป้าจี๋ทำของชอบแกมาให้แกเป็นพิเศษเลย…”
ปัง!
คำพูดของเธอยังไม่ทันได้พูดจบซูจ้านเข้าห้องไปทั้งยังปิดประตูลงไปด้วย
ท่านย่าแข็งค้างอยู่กับที่
ป้าจี๋ยกอาหารขึ้นมาเสิร์ฟบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เดินเข้ามา “กินข้าวได้แล้วค่ะ”
ท่านย่าหลุบหนังตาลงพร้อมเลื่อนรถเข็นไป “เธอเรียกเขากินข้าว”
ป้าจี๋ไปเคาะประตู “คุณซูกับข้าวทำเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แป๊บนึง”
ท่านย่านั่งอยูตรงหน้าโต๊ะ มองอาหารบนโต๊ะที่มีครบทั้งรูปรสกลิ่นสีโดยที่ไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย
ป้าจี๋เดินเข้ามา “อีกเดี๋ยวก็จะมาแล้วค่ะ”
ท่านย่าโบกมือออกไป พลางเอ่ยออกมา “ฉันรู้แล้ว”
ผ่านไปได้สักพักนึงซูจ้านก็เดินออกมา เปลี่ยนเสื้อสูทบนร่างออกไป มาใส่ชุดอยู่บ้านที่เรียบง่าย เขาผอมลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเสื้อผ้าหลวมไปบ้าง
เขานั่งลงหน้าโต๊ะแล้วยกถ้วยขึ้นมา คีบอาหารกินข้าว
ท่านย่าเห็นเขามาก็อารมณ์ดีขึ้นมาแล้วบ้าง คีบเนื้อซี่โครงชิ้นนึงใส่ลงไปในชามข้าวของเขา “แกชอบกินอันนี้ที่สุดเลย”
ซูจ้านคีบอาหารต่อไป แต่ไม่ได้แตะซี่โครงจานนั้นเลย และก็ไม่ได้กินเนื้อซี่โครงชิ้นนั้นที่ท่านย่าคีบมาใส่ชามข้าวของเขาด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ลุกขึ้นออกจากห้องรับประทานอาหารไป
“ซูจ้าน…”
“ป้าจี๋ เสื้อผ้าที่ผมเปลี่ยนอยู่ในห้องอาบน้ำ รบกวนคุณช่วยซักให้ผมสักหน่อย” ซูจ้านเอ่ยกับป้าจี๋ขัดคำพูดของท่านย่าออกมา
ป้าจี๋เอ่ยออกมา “ดิฉันจะไปเอามาเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ซูจ้านกำชับออกไป “ผมไม่อยู่ก็อย่าเข้าห้องนี้”
“ดิฉันทราบแล้วค่ะ” ป้าจี๋ตอบรับออกมา
ป้าจี๋หยิบเสื้อผ้าที่ซูจ้านเปลี่ยนเอาไว้ ซูจ้านเข้าไปแล้วก็ปิดประตูห้องลง แทบจะไม่คุยกับท่านย่าเลย
ท่านย่านั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะอาหาร มองเนื้อซี่โครงชิ้นนั้นที่ตนคีบให้เขาในชามข้าวของซูจ้าน เขาไม่กิน แม้แต่ในจานก็ไม่คีบมาเลยสักชิ้นเดียว
เธอหลุบตาลงไปเบาๆ เลื่อนรถเข็นกลับห้องไป
ในอีกเมืองนึง เสิ่นเผยซวนจัดการงานในมือเสร็จก็กลับมา ทีวีที่อยู่บนผนังยังออกอากาศละครอยู่ แต่ซางหยูได้นอนฟุบอยู่บนเตียงไปเสียแล้ว ในมือยังกำรีโมทเอาไว้อยู่
เสิ่นเผยซวนเดินเข้ามา เอารีโมทในมือเธอออกไป เรียกชื่อเธอออกไปเบาๆ “ซางหยู?”
หนังตาของซางหยูขยับออกมาเล็กน้อย แพขนตาขยับลืมตาออกมา จ้องมองเขา “คุณกลับมาแล้ว?”
“อืม ผมกลับมาแล้ว” เสิ่นเผยซวนแตะหน้าผากเธอไปเล็กน้อย “วันนี้ไม่ได้ไข้ขึ้นอีกใช่มั้ย?”
ซางหยูนั่งขึ้นมา “คุณช่วยฉันซื้อตั๋วรถของวันพรุ่งนี้ให้หน่อย ฉันต้องกลับไปแล้ว”
เสิ่นเผยซวนพูดออกมา “ผมพาคุณไปกินข้าวก่อน แล้วค่อยไปซื้อโทรศัพท์สักเครื่องนึง…”
“ฉันรู้แล้ว งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ” ซางหยูอยู่ที่บ้านมาทั้งวัน อยากออกไปสูดอากาศอยู่ตั้งนานแล้ว
เสิ่นเผยซวนถามเธอออกไป “หิวแล้ว?”
ซางหยูส่ายหน้าพลางเอ่ยออกมา “เปล่า อยู่ที่บ้านจนอุดอู้จะแย่อยู่แล้ว”
เสิ่นเผยซวนเอ่ยออกมา “ขอโทษนะ ผมยุ่งเกินไป…”
ซางหยูปิดปากของเขาเอาไว้ “อย่าขอโทษเลย อีกอย่างหูฉันได้ยินจนเอียนไปหมดแล้ว รู้สึกขอโทษฉัน คุณก็เสียทรัพย์สักหน่อย เห็นแก่ที่ฉันถ่อมาเยี่ยมคุณตั้งไกล วันนี้ซื้อของให้ฉันเยอะๆหน่อยแล้วกัน”
เสิ่นเผยซวนเอ่ยออกมา “ได้”
ซางหยูกลอกตาออกมา “คุณนี่น่าเบื่อจริงๆเลย”
เสิ่นเผยซวน “…”
เขาไม่ดีตรงไหนอีกล่ะ?
ตรงไหนที่มันน่าเบื่อกัน?
“ซางหยูเอ๋ย…”
“เอาล่ะๆ คุณน่าสนใจมากเลย พวกเราไปกันเถอะ ฉันหิวแล้ว” ซางหยูดึงเขาเดินออกไปข้างนอก
พวกเขาออกมาจากตึกแล้วขึ้นรถไป เสิ่นเผยซวนเอ่ยออกมา “เพื่อนร่วมงานแนะนำร้านอาหารร้านหนึ่งมาให้ผม บอกว่ารสชาติไม่เลวเลย ผมจะพาคุณไป”
“แล้วแต่คุณแล้วกัน”
ซางหยูเอ่ยพูดออกมา
เพียงไม่นานรถก็ได้มาถึงร้านอาหารร้านนั้น เป็นร้านที่เหมือนกับร้านที่ซางหยูเลี้ยงข้าวเสิ่นเผยซวนเป็นครั้งแรกจำพวกนั้น อย่าไปยึดติดกับของจำพวกไฮเอนด์พวกนั้นเลย มันเป็นร้านอาหารที่ธรรมดามาก ธรรมดาจนไม่อาจธรรมดาไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
ซางหยูยังนึกอยู่เลยว่าเขาจะพาตนไปกินข้าวในสถานที่ที่โรแมนติกที่ไหน เพราะถึงยังไงเธอก็อุตส่าห์มาเยี่ยมเขาโดยเฉพาะ
เสิ่นเผยซวนเหมือนจะไม่คาดคิดอยู่บ้าง เพื่อนร่วมงานบอกว่าเป็นที่ที่อร่อยมาก คือดีกว่าร้านอาหารข้างทางอยู่หน่อยนึง
“เอ่อ ซางหยู…”
ซางหยูพูดยิ้มๆออกไป “ที่นี่ดีมากเลย พวกเราลงจากรถกันเถอะ”
เธอไม่อาจเพ้อฝันอะไรกับเสิ่นเผยซวนได้เลย เขาเป็นผู้ชายซื่อบื้อไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงเท่าไหร่นัก ไม่มีเซลล์ความโรแมนติกอยู่เลยสักนิด