ช่าวหยุนมองตรงไม่ชำเลืองมองข้างแม้แต่นิดเดียว ต่อหน้าของซูจ้านเขาไม่กล้ามองฉินยาเลย กลัวว่าจะถูกซูจ้านสังเกตเห็นเข้า
ช่วงอายุแบบเขา การที่ชอบหญิงสาวสักคน ถ้ามีคนรู้เข้าจะอับอายขายขี้หน้าเอาได้
“ไม่เห็นแปลกอะไรเลย”ช่าวหยุนพยายามใช้สมองคิดอธิบายอย่างสุดความสามารถ“มีคนที่เมื่อก่อนไม่ชอบกินเผ็ด ต่อมาก็ชอบแล้ว รสชาติที่ชอบมันเปลี่ยนแปลงกันได้ ความชื่นชมในความงดงามก็เปลี่ยนแปลงไปได้เหมือนกัน”
เขาไม่ได้ชอบการเปลี่ยนแปลง เพราะว่าฉินยาบอกว่าเขาใส่เสื้อลายดอกแล้วดูไม่ดี เมื่อก่อนไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกออกมา พอรู้ว่าเธอกับซูจ้านหย่ากันแล้ว จึงคิดที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อเธอ แต่ไม่คิดว่า……
ช่าวหยุนรู้สึกเสียใจและเสียดายอย่างมาก
“ให้ฉันไปส่งพวกเธอกลับไปไหม?”ช่าวหยุนถามขึ้น
“คุณบอกว่าจะต้อนรับพวกเราอย่างดีไม่ใช่เหรอ?”ฉินยาถาม
ช่าวหยุนหยุดไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความอึดอัด“ฉันนึกขึ้นได้ว่าฉันยังมีธุระอีก ถ้าเธอหิวล่ะก็ให้ซูจ้านพาไปก็แล้วกัน”
ซูจ้านไม่อยู่เขาก็พยายามดีกับฉินยา ดูแลเธอให้ถึงที่สุดอยู่แล้ว ตอนนี้ซูจ้านกลับมาแล้ว เรื่องพวกนี้เขาก็ไม่ควรจะมาทำแทนแล้วเหมือนกัน
ฉินยาพูดยิ้มๆ“ซูจ้านไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่ คุณรู้เยอะกว่า มีร้านอาหารไหนที่อร่อย คุณแนะนำพวกเราดีกว่า”
ช่าวหยุนพูดแนะนำชื่อร้านอาหารมาสองสามร้าน“ร้านอาหารพวกนี้รสชาติไม่เลวทั้งนั้นเลย”
“ขอบคุณอารองมากนะคะ”ฉินยาพูดขอบคุณ
ช่าวหยุนไม่ได้พูดอะไร
พาพวกเขาไปส่ง แล้วช่าวหยุนก็จากไป
ณ เมืองB
บ้านตระกูลจง
คนในครอบครัวย้ายจากวิลล่ามายังบ้านเก่า ครอบครัวใหญ่ทั้งครอบครัวยัดเข้าไปอยู่ในบ้านทั้งอย่างนี้ ห้องถูกใช้จนหมด ยังดีที่เพียงพอให้อยู่อาศัยพอดี
จงฉีเฟิงไม่ยอมเข้าโรงพยาบาล คนแก่แล้วมักจะหัวดื้อ หมอทำได้แค่มาตรวจร่างกายเขาที่บ้านทุกวัน
จงจิ่งห้าวสองวันนี้ไม่ได้ไปบริษัท หลินซินเหยียนก็ไม่ได้ถามเขาว่าวางแผนยังไง ในตอนนี้กลัวว่าเขาจะไม่มีกะจิตกะใจจัดการงานของบริษัทเหมือนกัน เขาจะต้องมีวิธีของตัวเองแน่นอน
หมอตรวจร่างกายให้จงฉีเฟิงเสร็จ จงจิ่งห้าวก็ออกไปจากห้องพร้อมกันกับเขา แถมส่งเขาออกไปด้วยตัวเองด้วย หมอพาออกมาแล้วก็พูดขึ้น“อาการของเขาร้ายแรงขึ้นเร็วมาก ตอนนี้ต่อให้เขาอยากจะผ่าตัด ก็ทำการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะแบบนี้ไม่ได้แล้ว ตอนนี้ทำได้แค่ใช้ฮอร์โมนบำบัดตามความเหมาะสมเท่านั้น พยายามยืดอายุให้กับผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด”
จงจิ่งห้าวสีหน้าดูมืนมน“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลำบากคุณหน่อยแล้วล่ะ คนแก่แล้วดื้อรั้น ไม่ยอมไปโรงพยาบาล”
หมอพูด“ขอแค่เขามีความสุขสบายใจก็พอแล้ว ต่อให้มีเวลาอยู่ต่ออีกหลายเดือน แต่ถ้าเขาไม่มีความสุข ตายไปดีกว่าอยู่ต่อ ถ้าอย่างนั้นยังมีความอะไรอีกล่ะ?”
ในฐานะที่เป็นหมอเห็นการแยกจากทุกข์สุขมามากมาย จนนิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไรแล้ว เขารู้สึกว่าที่สำคัญที่สุดก็คือมีความสุข สำหรับเรื่องที่ว่าสามารถใช้ชีวิตต่อได้อีกนานเท่าไรนั้น แค่พยายามให้ถึงที่สุดก็พอแล้ว
“คุณวางใจได้ ผมจะพยายามให้สุดความสามารถครับ”หมอพูดอย่างนิ่งๆ แต่ในฐานะที่เป็นสมาชิกในครอบครัวผู้ป่วยกลับยากที่จะมองออก เอาแต่คิดอยากจะให้คนใกล้ตัวจะอยู่กับตัวเองได้นานอีกหน่อย
นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยมาใหม่”หมอขึ้นรถจากไป จงจิ่งห้าวยืนอยู่ข้างๆสักพักก่อนจะหันกลับเข้าไปในบ้าน
หลินซินเหยียนอุ้มลูกน้อยอยู่ในบ้าน กำลังกล่อมเขาให้นอน
จงจิ่งห้าวยื่นมือออกมาเอาลูกน้อยในอ้อมกอดของเธอมา พร้อมกับพูดขึ้น“คุณเข้ามากับผมหน่อย ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
พูดจบเขาก็อุ้มลูกน้อยขึ้นไปข้างบน หลินซินเหยียนเดินตามเขาขึ้นไปข้างบนเข้ามาถึงห้อง เธอปิดประตู ก่อนจะเดินเข้ามาถาม“คุณมีเรื่องอะไรอยากจะพูดกับฉันเหรอ?”
จงจิ่งห้าวดึงเธอนั่งลงข้างๆเตียง หลินซินเหยียนก็นั่งลงตาม
เขาพูดขึ้น“ลูกชายของพวกเราหน้าตาเหมือนคุณมาก”
หลินซินเหยียนรู้สึกว่าวันนี้จงจิ่งห้าวแปลกๆ เธอไม่ได้ตอบรับ รู้ว่าเขาจะต้องมีคำพูดอื่นที่อยากจะพูดแน่นอน
แต่ผ่านไปอยู่นานสองนานจงจิ่งห้าวก็ไม่ได้เปิดปากพูดอะไรต่อ
หลินซินเหยียนคว้ามือของเขา“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน คุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาเลย คุณไม่ต้องคิดไตร่ตรองเวลาพูดหรอก”
จงจิ่งห้าวเงยหน้ามอง ในลูกตาที่ดำมืดแฝงไปด้วยความไม่เต็มใจ ไม่นานก็จมดิ่งลงไปในส่วนลึกของตา ไม่มีใครล่วงรู้ได้“เมื่อวานซูจ้านมาหาผมแล้ว บอกว่าจะไปใช้ชีวิตที่เมืองCกับฉินยา”
หลินซินเหยียนกุมมือ แน่นอย่างเงียบๆ ในใจพอจะเดาความคิดของเขาได้คร่าวๆ เอนศีรษะลงบนไหล่ของเขา ก่อนจะพูดขึ้น“ฉันมีเรื่องที่อยากพูดกับคุณมาโดยตลอด แต่ไม่มีโอกาสเลย ……ฉินยาเธอมีลูกไม่ได้ ถ้ายกลูกน้อยให้เธอเป็นคนเลี้ยงดู เธอจะต้องดีกับลูกน้อยมากแน่ๆ”
เธอรู้ว่าจงจิ่งห้าวยากที่จะพูดออกมา อาจจะเพราะเหตุผลหลายๆอย่าง การยกลูกให้กับซูจ้านและฉินยาเลี้ยงดูเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่จะเกิดความลำบากที่เลี่ยงไม่ได้ขึ้นมาในจิตใจแน่นอน
เธอเข้าใจเขา แล้วก็เข้าใจความคิดของเขาด้วย
“ลูกสกุลจวง อารองยกหุ้นทั้งหมดของJKให้กับฉันแล้ว ต่อไปฉันก็จะยกให้กับเขาเหมือนกัน ถ้าเขาสามารถใช้ชีวิตที่เมืองCได้……ก็จะดีมาก ซูจ้านกับฉินยาผ่านประสบการณ์มามากมาย ไม่มีลูกมันก็น่าเสียใจไม่น้อย ถ้ามีลูกสักคน ก็จะสามารถมีความสุขได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับคนในครอบครัว”
เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง“แม้ว่าอารองสุขภาพจิตอารมณ์จะไม่เลวก็จริง แต่จะให้เขามาจัดการแทนฉันไม่ได้ตลอดชีวิต สักวันมันจะต้องถึงเวลาที่ส่งมอบต่อ ถ้าเกิดยกลูกให้ซูจ้านเลี้ยงดู เขาก็จะเลี้ยงดูได้ดีที่สุด”
จงจิ่งห้าวคว้ามือของเธอเอาไว้ หลินซินเหยียนกำลังพูดแทนเขา ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจที่ละเอียดอ่อน ตอนนี้แค่เขาขยับนิดเดียว เธอก็สามารถเดาความคิดของเขาได้แล้ว
“โรงงานทอผ้าจะปิดไม่ได้ นั่นมันคือธุรกิจที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของตระกูลเฉิง ตอนนี้ลุงอยากที่จะอยู่กับพ่อ ทางฝั่งนั้นจำเป็นต้องมีคนไปจัดการเรื่องพวกนี้ ซูจ้านใช้ชีวิตอยู่ที่ทางด้านนั้น เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แถมข้างกายพวกเรายังมีเหยียนซีกับเหยียนเฉินอยู่ด้วย”
หลินซินเหยียนมองเขา“พวกเรายกลูกน้อยให้ซูจ้านกับฉินยาเป็นคนเลี้ยงดูเถอะ”
จงจิ่งห้าวก้มหน้าลงมองลูกชาย ตอนนี้เด็กน้อยกำลังนอนหลับอยู่ ใบหน้าที่ขาวสะอาดเหมือนกับหลินซินเหยียน
“เขาว่ากันว่าลูกชายหน้าตาเหมือนแม่ถือว่าโชคดี เขาโชคดี ที่มีคนรักเขามากมายขนาดนี้”หลินซินเหยียนยื่นมือออกมาลูบที่หน้าของลูกชาย
แม้ว่าในใจจะอาลัยอาวรณ์ แต่ก็มองออก เข้าใจได้ แค่นามสกุลของเขา เขากับเหยียนเฉินและเหยียนซีก็มีอนาคตที่ไม่เหมือนกันแล้ว เขามีสิ่งที่ต้องแบกรับมากกว่า