” ไม่เคยมีปัญหากัน ” จงจิ่งห้าวแล้วหลุบเปลือกตาลง เพื่อปกปิดสายตาที่นิ่งเฉยนั้น
หลินซินเหยียนก็ยังดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ ” ถ้างั้นเป็นเพราะอะไรล่ะ ? ”
มันเธอใจรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง เลยถามแบบไม่ค่อยแน่ใจนัก ” เพราะเรื่องเงินหรอ? ”
เธอคิดไม่ตกเลยจริงๆ หลายปีมานี้ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเงินเลย ทำไมถึงมาเกิดเรื่องแบบนี้ ในช่วงนี้ได้?
” เป็นเพราะเมื่อก่อนไม่มีใครคอยยุยงปลุกปั่นยังไงล่ะ ” จงจิ่งห้าวยื่นมือไปอังหน้าผากของเธอ แล้วถามเบาๆ ” วันนี้ยังมีไข้อยู่หรือเปล่า? ”
หลินซินเหยียนทั้งส่ายหัวแล้วพยักหน้าในเวลาเดียวกัน ” ก็นิดหน่อย แต่ก็ดีขึ้นมากแล้วแหละ ”
” เหมือนผมจะมีเรื่องที่ต้องจัดการ คุณพักผ่อนดีๆล่ะ ”
จงจิ่งห้าวเลิกผ้าห่มที่อยู่ข้างตัวลูกน้อยออก จากนั้นก็ประคองเธอให้นอนลง ” หลับซักตื่นเถอะ เดี๋ยวผมกลับมาหา ”
หลินซินเหยียนจ้องไปที่เขา ก็เห็นใบหน้าที่ดูอิดโรย มันทำให้เธอรู้สึกปวดใจมากขึ้น ในช่วงเวลานี้คนที่ลำบากและทรมานที่สุดก็คงจะเป็นเขา พ่อที่เพิ่งจะจากไป ไหนจะเกิดเรื่องกับลูกน้อยอีก แต่ก็ยังดีที่ลูกน้อยไม่เป็นอะไร ” ฉันจะรอคุณนะคะ ”
” โอเค ” จงจิ่งห้าวห่มผ้าให้เธอ
เมื่อเห็นว่าเธอหลับตาลงแล้ว เขาจึงยืนขึ้น จากนั้นก็หันไปมองลูกชาย แล้วค่อยๆเดินออกไปเงียบๆ
เมื่อเห็นว่าจงจิ่งห้าวลงมาแล้ว ซางหยูก็ดีดตัวขึ้นมาจากโซฟา สองมือของเธอประสานเข้าด้วยกัน ให้ความรู้สึกที่ตื่นเต้นเป็นกังวล ” ลูกน้อยโอเคใช่ไหมคะ? ”
จงจิ่งห้าวตอบน้ำเสียงราบเรียบ ซางหยูค่อยรู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อย
” ฉันขอขึ้นไปดูลูกน้อยหน่อยได้ไหมคะ? ” ซางหยูถามเสียงต่ำ
” เขาหลับอยู่นะ อาจจะนานหน่อยนะ ” พูดจบจงจิ่งห้าวก็เดินออกไป
ซางหยูพยักหน้าติดกันรัวๆ
จงจิ่งห้าวเดินออกไปแล้วก็โทรศัพท์หาเสิ่นเผยซวน
เสิ่นเผยซวนกำลังสอบปากคำอยู่ คุณป้าที่คอยดูแลลูกน้อยในตอนนั้น และยังมีคนขับรถที่เป็นพยานบุคคล หากมีความผิดจริง คงต้องว่ากันไปตามขั้นตอนของศาล พยานวัตถุต่างยืนยันอย่างครบถ้วนแล้ว
แต่จงหยุนเฉียงกับผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมให้ความร่วมมือ ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมรับว่าลักพาตัวเด็กไป
” นายแน่ใจเหรอว่าจะมา? ” เสิ่นเผยซวนถาม
เขาสามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้ จงหยุนเฉียงพูดยังไงก็ยังคงเป็นคนของตระกูลจง เหมือนครั้งนี้จะถูกใครบางคนหลอกใช้ จึงทำผิดมหันต์ขนาดนี้ การที่เขามาจะทำให้มันยุ่งยากขึ้นไหม?
จงจิ่งห้าวตอบอืม แล้ววางสายไป
จากนั้นเขาก็ขับรถไปสถานีตำรวจ
เสิ่นเผยซวนตอนนี้อยู่ในห้องสอบสวนเสี่ยวเฉินจึงออกมารอรับจงจิ่งห้าวแทน เขาเดินนำหน้าเพื่อนำทางไป ” ผู้บัญชาการเสิ่นสอบสวนด้วยตัวเองครับ กลับมาก็ยังไม่ได้หยุดเลยครับ ”
จงจิ่งห้าวพยักหน้านิดๆ เมื่อเดินทะลุห้องโถงมาแล้วด้านหลังก็เป็นตึกใหญ่ ห้องสอบสวนถูกตั้งอยู่ภายในตึกด้านหลังนั้น
ไม่นานเสี่ยวเฉินก็นำทางจงจิ่งห้าวมาจนถึงห้องสอบสวน ตัวห้องสอบสวนนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ครึ่งนึงไว้สำหรับใช้สอบสวน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งใช้สำหรับคอยติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างใกล้ชิด
ในห้องสอบสวนตอนนี้มีเจ้าหน้าที่อยู่ทั้งหมดสองคน คนหนึ่งเป็นผู้จดบันทึก ส่วนอีกคนหนึ่งรับหน้าที่สอบสวน
จงจิ่งห้าวพักประตูเข้าไปในห้องที่ใช้สำรวจการณ์ ก็เห็นภาพภายในห้องการสอบสวนอีกฝั่ง
” ผมไม่ได้ลักพาตัว ผมแค่รับหลานชายคนเล็กกลับบ้านไปด้วยวันเดียวเฉยๆ ไม่ได้หรือไง? ” จงหยุนเฉียงจะเป็นจะตายยังไงก็ไม่ยอมรับ ผู้หญิงคนนั้นที่ได้รับการสอบสวนก่อนหน้านี้ก็ปากแข็งไม่แพ้กัน
” คุณมีพยานวัตถุหรือเปล่าล่ะ ? ” จงหยุนเฉียงคาดไว้แล้วว่าในมือเขาตอนนี้ไม่มีตัวพยานที่เป็นแก่นแท้เลย แล้วยังจะทำตัวมันหน้าไม่เกรงกลัวอะไรอีก ” ผมต้องการพบทนายของผม ”
เสิ่นเผยซวนนั่งลงไปบนเก้าอี้ตรงหน้า ” นี่คุณยังไม่รู้เหรอ? ”
จงหยุนเฉียงมองเขาด้วยความระแวง ” คุณหมายความว่าอะไร ? ”
เสิ่นเผยซวนยิ้มและเริ่มพูดให้เขาไขว้เขว ” ผู้หญิงที่เป็นคนคิดแผนการนั้นให้คุณยอมสารภาพแล้ว ว่าคุณนั่นแหละที่เป็นคนวางแผนนี้ เธอบอกว่าคุณน่ะไม่พอใจมาโดยตลอด ก็เลยลักพาตัวลูกน้อยเพื่อที่จะขู่กรรโชก จงจิ่งห้าว ”
” เธอพูดแบบนั้นเหรอ ? ” จงหยุนเฉียงเบิกตาโพลง รอยยับยูเหี้บนหน้าผากชัดกว่าเดิม แววตาของเขาดูไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะได้ยิน
” แน่นอนว่าเธอต้องเป็นคนพูดสิ แล้วเธอยังพูดอีกนะว่า นายเป็นคนบังคับเธอ เธอก็เลยจำใจต้องร่วมมือกับนาย แล้วเธอยังบอกอีกนะว่าตัวเองถูกขู่บังคับ… ”
” เป็นไปไม่ได้ ทั้งๆที่เธอเป็นคนบอกฉันเอง พูดแบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับฉันนี่ การลักพาตัวลูกน้อยก็เป็นความคิดของเธอ ถ้าฉันมีความคิดอะไรแบบนั้น ฉันก็คงลงมือทำไปตั้งแต่แรกแล้ว จะรอให้มันถึงตอนนี้หรือไงวะ? “จงหยุนเฉียงไม่เคยต้องเผชิญกับความนิ่งสงบของครื่นลมเลยสักครั้ง
แม้จะมีชีวิตอยู่มาจนอายุเท่านี้ เขามันก็แค่ลูกคนมีเงินที่วันๆเอาแต่กินนอนกับเล่นไปทั่วเท่านั้น ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นออกมาเลย จนถึงตอนนี้เขามาที่นี่ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเสมอ
” ถ้างั้นคุณก็ยอมรับว่าคุณลักพาตัวสินะ? ” เสิ่นเผยซวนยิ้ม
” ฉันไม่ได้ทำ ”
จงหยุนเฉียงก็ยังคงไม่ยอมรับอีกเช่นเคย
เสิ่นเผยซวนเอามือทุบลงไปบนโต๊ะ ให้เขามองกล้องวงจรที่ติดอยู่ด้านบนขวามือ แล้วก็บอกว่า ” ที่นี่คือห้องสอบสวน ทุกการกระทำของคนทุกคำพูดถูกบันทึกไว้ คุณมาปฏิเสธตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะ ”
จงหยุนเฉียงทำท่าลนลาน ” ฉันโดนหลอกต่างหาก ”
” เธอบอกว่าเธอต้องทำเพราะโดนบีบบังคับ โดนนายข่มขู่ แล้วนายก็ยังบอกอีกว่าตัวเองโดนหลอกยังงั้นเหรอ ตกลงว่าพวกนายสองคนใครคือคนที่โกหกกันแน่? ” เสิ่นเผยซวนยังคงวางอุบายต่อไป
ถึงแม้ว่าเขาจะมีอำนาจ แต่ก็ไม่สามารถใช้อำนาจหน้าที่นี้ในทางที่ผิดได้ และยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่สามารถลงโทษผู้ต้องสงสัยด้วยวิธีที่มีชอบได้เช่นเดียวกัน แต่เขาก็รู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่ ลูกน้อยถูกพวกเขารังแก ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ใช้วิธีอื่น เช่น ‘ ยุให้รำตำให้รั่ว ‘ ให้บอกเขาเป็นเหมือนหมาบ้ากัดกันเอง
” แน่นอนว่าต้องเป็นเธอสิ ! ” จงหยุนเฉียงโกรธจนอยากจะลุกขึ้นยืน แต่จะทำอะไรได้ในเมื่อเก้าอี้ในห้องสอบสวนนั้นเป็นเก้าอี้เหล็ก ที่ถูกยึดไว้กับพื้น แถมข้างหน้ายังเป็นแผ่นกระดานที่รั้งเขาไว้กับตัวเก้าอี้ เขาจึงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
” อย่าตื่นตระหนกไปเลย ผมจะให้พวกคุณเคลียร์กันต่อหน้า ” เสิ่นเผยซวนตั้งให้พนักงานไปนำตัวผู้หญิงเข้ามา ในขณะเดียวกันเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมกับปล่อยจงหยุนเฉียงที่ยึดอยู่กับกระดานข้างหน้าออก แล้วพูดกับเขาว่า ” ถ้าเป็นเธอกับนาย ฉันยังเชื่อนายมากกว่านะ จะพูดยังไงดีล่ะนายเป็นญาติมีศัดิ์เป็นลุงของจงจิ่งห้าวนี่ ถ้านายจิตใจไม่ดีจริง คงลงมือไปตั้งนานแล้ว คงไม่รอจนอายุปูนนี้หรอก จริงไหม? ”
จงหยุนเฉียงหมุนข้อมือไปมา แล้วมองเสิ่นเผยซวน รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังเข้าข้างตัวเองอยู่ แต่คำที่พูดออกมา ฟังดูไม่ค่อยจะลื่นหูเท่าไหร่ เอาคำว่าอายุปูนนี้มาใช้เรียกเขาได้ยังไงกัน?
เขาไม่ได้อยู่ในวัยหนุ่มสาวก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขนาดอยู่ในวัยแก่ซะหน่อย
ไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็ถูกนำตัวเข้ามา เสิ่นเผยซวนจึงพูดกับพนักงานที่จดบันทึกว่า ” คุณกับผมออกไปก่อนเถอะ ”
พนักงานจดบันทึกปิดสมุดแล้วเดินออกไปพร้อมเสิ่นเผยซวนจากนั้นพวกเขาก็ปิดประตู
” หยุนเฉียง ” หญิงสาวยังคงคิดว่าจงหยุนเฉียงคือความหวังสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเธอได้ ตอนที่เสิ่นเผยซวนพยายามสอบสวนเธอ เธอกลับไม่ปริปากพูดอะไร ต่อให้ตายเธอก็ไม่ยอมรับว่าลักพาตัว
เธอจับแขนของจงหยุนเฉียงเอาไว้ ” คุณรีบเรียกทนายเถอะค่ะ แล้วประกันตัวพวกเราออกไปก่อน ”
จงหยุนเฉียงสะบัดแขนออกจากเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ” ถึงฉันจะประกันตัวออกไป แล้วเธอน่ะมีสิทธิ์อะไรมาขอให้ประกันตัวให้ ! ”
หญิงสาวเบิกตาโพลง ” ฉันเป็นคนของคุณนี่คะ…… ”
” คนของฉันแล้วเหรอ? ” จงหยุนเฉียงแสยะยิ้ม ” ตอนที่เธอขายฉัน เคยคิดว่าเธอเป็นคนของฉันไหมล่ะ ? ”
หญิงสาวมึนงงกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยิน ” ฉันทรยศหักหลังคุณที่ไหน? ”
” ยังจะแสร้งทำอยู่อีกเหรอ ? ” จงหยุนเฉียงบีบใต้คางขอเธอไว้ ” ยัง ยังจะแสร้งอยู่อีก เธอไม่ได้บอกพวกมันเหรอว่า ฉันเป็นคนลักพาตัวลูกน้อย? แล้วยังบอกอีกว่าเธอโดนฉันผู้บังคับ ก็เลยจำใจต้องยอมทำ เธอนี่ช่างกล้าโยนความรับผิดชอบจริงๆ คิดจะให้ฉันรับความซวยแทนเธอหรือยังไงฮ้ะ? ”
หญิงสาวงงตาแตก เธอเคยพูดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
” คุณ คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า? ” หญิงสาวพยายามอธิบาย ” ฉันไม่เคยพูด…… ”
” ยังจะเถียงข้างๆคูๆอยู่อีก ” ต่อหน้าฉันก็ทำเป็นซื่อสัตย์ภักดี แต่พอไปฝั่งหนึ่งก็ผลักความรับผิดชอบมาให้ฉันเนี่ยนะ? “จงหยุนเฉียงคิดว่าตัวเองพูดออกมาอย่างชาญฉลาด
” ฉันเปล่าทำนะ ” หญิงสาวส่ายหัวปฏิเสธ ” คุณต้องเชื่อฉันนะคะ ”
” เธอจะให้ฉันเชื่อเธอยังไง? ” จงหยุนเฉียงโกรธจัดจนสะบัดตัวผู้หญิงออก หญิงสาวรับแรงสะบัดไม่ไหว ทำให้ร่างกายกระเด็นไปทางด้านหลัง ศีรษะของเธอจึงกระแทกเข้ากับประตู เธอเจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน แล้วลงไปกองอยู่กับพื้น
ฝั่งสังเกตการณ์ จงจิ่งห้าวกับเสิ่นเผยซวนยืนอยู่ตรงหน้าจอภาพ พวกเข้าได้เห็นเหตุการณ์ในห้องสอบสวนทั้งหมด
เสิ่นเผยซวนมองไปที่หญิงสาวที่แสดงอาการเจ็บปวดออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ” หมากัดกัน ก็น่าสนุกดี “