ยืนอยู่ที่ล่างอาคาร เธอเงยหน้ามองออกไปยังตึกใหญ่ที่ดูยิ่งใหญ่ มุมปากอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มเย็นออกมาอย่างเสียไม่ได้
เมื่อตอนนั้นเธอโง่แค่ไหนกัน? ถึงได้เชื่อทุกประโยคที่เขาเอ่ยออกมา? ไม่ เชื่อทุกคำที่เขาเอ่ยออกมา เชื่อเขาไปหมดทั้งใจ รักเขา สุดท้ายสิ่งที่แลกมามันเป็นอะไร?
“คุณหลิน” หนานเฉิงเดินเข้ามา “มาเช้าจังเลย”
“การร่วมงานกันครั้งนี้ พวกเราบริษัทรุ่นเหม่ยก็ได้ให้ความสำคัญด้วยเหมือนกัน ดังนั้นแล้วก็เลยไม่กล้าที่จะละเลย” วันนี้จงเหยียนซีสวมชุดสูท ผมเผ้ามัดไปด้านหลังอย่างตามใจชอบ ดูสะอาดสะอ้านและดูมีความสามารถมีความชำนาญสูง
“เชิญด้านในครับ” หนานเฉิงทำสัญญาณมือเพื่อเป็นการบ่งบอกว่าเชิญให้กับจงเหยียนซี
จงเหยียนซีเดินเข้าไป
ที่นี่ยังมีใบหน้าที่คุ้นเคยมากมาย เวลาหนึ่งปี ไม่ได้เปลี่ยนไปมากเลย ทั้งหมดยังคงคุ้นเคยหมือนเดิมอย่างนั้นอยู่ คนยังคงเป็นคนนั้นอยู่ แต่ไม่ได้มีสภาพจิตใจของเมื่อตอนนั้นอีกแล้ว
“ประธานเจียงของพวกเธอแต่งงานแล้วหรือเปล่า?” เธอเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
หนานเฉิงงงงวยไปแป๊บนึง พลางพูดอ้อมๆออกมา “ตอนนี้โสดครับ”
“อ้อ”
ลงมาจากลิฟต์หนานเฉิงนำเธอมายังประตูทางเข้าห้องประชุม ผลักประตูเข้าไป “คุณหลินนั่งลงก่อน ประธานเจียงอีกไม่นานก็จะมาแล้ว”
จงเหยียนซีพยักหน้าออกมาเล็กน้อย ก้าวเท้าเข้าห้องประชุมไป ดึงเก้าอี้ออกมานั่งลง วางเอกสารลงไปบนโต๊ะประชุม
เลขารินน้ำยกมาเสิร์ฟ
“ขอบคุณ” เธอยกน้ำขึ้นมาจิบ ตอนที่วางแก้วกลับลงไป ก็ได้มองไปรอบๆห้องประชุม
“ประธานเจียง” ตอนที่เลขาเดินออกไปก็เจอกับเจียงโม่หานกำลังเดินเข้ามาอยู่ที่หน้าประตูพอดี
ได้ยินเสียงจงเหยียนซีก็เหยียดตัวตรง
เจียงโม่หานเดินเข้ามา เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคย แม้แต่กลิ่นอายที่คุ้นเคย ก็ได้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความรู้สึกภายในใจสั่นไหวออกมาเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานเธอก็ปรับมันเอาไว้ให้เรียบร้อย
ข้างกายเขาตามมาด้วยหนานเฉิง เดินอ้อมโต๊ะประชุมไปนั่งลงฝั่งตรงกันข้ามของจงเหยียนซี
“นี่เป็นสัญญา ประธานเจียงอ่านดูสักหน่อย” จงเหยียนซีดันเอกสารไปข้างหน้าของอีกฝ่าย
เจียงโม่หานหยิบมาเปิดอ่าน
ร่างของจงเหยียนซีเอนไปข้างหลังเล็กน้อย พิงเข้ากับพนักเก้าอี้ “พวกเราต่างก็รู้สภาพการดำเนินทางหลักทรัพย์ของซินไห่ในปัจจุบันนั้นดีมาก แค่กำไรสุทธิของเดือนสิงหาปีนี้บริษัทแม่ก็ทำไป762ล้านหยวนไปแล้ว พวกเขาจะต้องไม่มีทางทำ และก็ไม่มีเหตุผลที่จะขายสิทธิการถือหุ้นทั้งหมดให้ถูกเข้าครอบครองไปหมดด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ เบื้องหลังยังมีบริษัททรัสต์ที่ค่อนข้างใหญ่สองบริษัทสนับสนุนอยู่ ถ้าพวกเราอยากจะแบ่ง ไม่เพียงแต่จะต้องมีทุนที่มหาศาล แต่ยังต้องมีแผนที่ครอบคลุมสักอย่างนึงด้วย เอกสารชุดนี้ ได้แบ่งการลงทุนเข้าไปของพวกเราทั้งสองบริษัทเอาไว้ ถ้าคุณคิดว่ามีตรงไหนที่มันไม่เหมาะ พวกเราสามารถหารือกันอีกทีนึง”
เจียงโม่หานเงยหน้าขึ้นไป
“มีปัญหาหรือเปล่า?” จงเหยียนซีถามออกไปด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีปัญหา เพียงแต่น้ำเสียงของคุณหลินที่พูดออกมา ทำให้ผมนึกถึงคนที่ไม่ควรจะนึกถึงขึ้นมา” เขาปิดเอกสารลง “จ่ายออกไปเท่ากัน ได้กลับมาเท่ากัน คนละครึ่งไม่มีอะไรที่จะไม่เหมาะสม แต่ว่าถ้าจะใช้ในนามของเหิงคังกรุ๊ป พวกคุณยังจะต้องลงทุนออกไปเพิ่มสองจุด”
“เพียงแค่ในนามอันนึง…”
“งั้นพวกเราใช้ในนามของบริษัทรุ่นเหม่ยกัน” เจียงโม่หานเอ่ยขัดออกมาอย่างหนักแน่น
นี่เป็นวิธีการเจรจาที่เขาใช้อยู่เป็นประจำ ผลกำไรมาก่อนจะไม่มีทางยอมถอยโดยเด็ดขาด หนักแน่นอย่างมาก
จงเหยียนซีได้มีการเตรียมมาก่อนแล้ว คบอยู่กับเขามานาน รู้จักนิสัยของเขาดีเลยพอสมควร
“คุณรู้ว่าการจะเข้าครอบครองซินไห่มันไม่ได้ง่ายเลย ถึงแม้ว่าจะใช้ในนามของเหิงคังกรุ๊ปได้ แต่แผนการเข้าครอบครองกิจการจะทำโดยพวกเรา ประธานเจียงคิดว่ายังไงคะ?”
มือทั้งสองข้างของเจียงโม่หานประสานกันแล้ววางลงบนแฟ้มเอกสาร แสดงท่าทางกดดัน มองจงเหยียนซีไปด้วยท่าทางสำรวจ “คุณหลิน ดูจากอายุแล้วไม่ได้มีอายุเยอะเลย ทำไมถึงได้มาเป็นผู้รับผิดชอบงานชิ้นนี้ของบริษัทรุ่นเหม่ยได้ครับ?”
“ประธานเจียงก็ดูไม่ได้อายุเยอะกว่าฉันเท่าไหร่เลยเหมือนกัน ก็เป็น…” เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย อ้ามือทั้งสองข้างออก “ก็เป็นถึงท่านประธานของบริษัทใหญ่ขนาดนี้”
เธอค่อยๆโน้มตัวเข้าไปช้าๆ สบตากับเขาเชิงยกตนข่มท่านไปเล็กน้อย “งั้นฉันขอถามสักหน่อยได้หรือเปล่าว่าประธานเจียงมีวันนี้ได้ยังไงกัน?”
สบเข้ากับสายตาของเธอ เจียงโม่หานหรี่ตาลง “คุณคือใคร?”
จงเหยียนซีพาร่างกลับมา พลางยิ้มหยันออกมาเล็กน้อย “เป็นไปได้ว่าประธานเจียงเป็นโรคหลงๆลืมๆขึ้นมาแล้ว? ถึงได้ลืมหุ้นส่วนไปได้เร็วขนาดนี้?”
เจียงโม่หานกำมือทั้งสองข้างแน่น ทั้งๆที่ใบหน้าทั้งสองไม่เหมือนกันเลยสักนิด แต่ทำไมมักจะรู้สึกว่าเธอคุ้นเคยมากอยู่เสมอ?
“ประธานเจียง ข้อเสนอของฉันเป็นยังไง? ถ้าประธานเจียงคิดว่ามันโอเค วันนี้พวกเราก็เซ็นสัญญากันเลย แล้วก็พวกเราก็จะทำแผนออกมาภายในหนึ่งเดือน ประธานเจียงคิดว่ายังไง?”
“แผนงานชิ้นนี้ของคุณหลิน พวกเราเหิงคังกรุ๊ปเองก็สามารถ…”
“เอาตามที่คุณหลินว่ามา” จู่ๆเจียงโม่หานก็เปลี่ยนท่าทีที่หนักแน่นไม่ยอมถอยที่เคยมี แล้วได้เปิดเอกสารเซ็นสัญญาลงไป
หนานเฉิงเบิกตากว้างมองเขา “ประธานเจียง…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เอาตามนี้” เซ็นชื่อเสร็จก็ปิดเอกสารลงพร้อมกับดันออกไปให้เธอ
ในใจจงเหยียนซีคิดว่าคงยังจะต้องสู้รบตบมือกันอีกสักพัก แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะเซ็นเร็วขนาดนี้ เธอหยิบปากกาขึ้นมา ตอนที่เซ็นเจียงโม่หานจ้องมองลายมือของเธอไปอย่างไม่กะพริบตา
หลังจากนั้น มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคาดหมายเอาไว้
เมื่อก่อนลายมือของเธอสวยมาก แต่การเขียนลวกๆของเธอมันก็ดูห่วยเลยทีเดียว
เขียนเสร็จเธอก็เงยหน้าขึ้นมา “ขอโทษนะคะ ตัวอักษรจีนเขียนได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่”
เจียงโม่หานเก็บสีหน้า ภายในใจรู้สึกจิตตกออกมาไม่หยุด
“ประธานเจียง หวังว่าการร่วมมือของพวกเราจะผ่านไปด้วยดีนะคะ” ปิดแฟ้มเอกสารลง ยื่นมือออกไปทางเขา
เจียงโม่หานยื่นมือออกไปจับมือกับเธอ ครั้งนี้เขาไม่ได้เก็บกลับไปโดยทันที แต่ได้กุมเอาไว้อย่างนั้น “พวกเราเคยเจอกันมาก่อน?”
จงเหยียนซีเก็บมือกลับมา ยิ้มพลางถามออกไป “ทำไมประธานเจียงถึงพูดอย่างนี้ล่ะคะ?”
“ขอโทษนะครับ เสียมารยาทแล้ว” เขาได้สติกลับมา แล้วเอ่ยพูดออกไป “ผมยังมีธุระอื่นอีก”
ลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมไป ตอนที่เดินไปถึงประตู ฝีเท้าของเขาก็ได้หยุดลง “คุณหลินมาเมืองBเป็นครั้งแรกไม่คุ้นเคยกับเส้นทางนัก หนานเฉิงนายไปส่งเธอกลับโรงแรม”
“ครับ” หนานเฉิงลุกยืนขึ้นมา
วันนี้เขาเองก็ผิดปกติเกินไปเหมือนกัน
คิดแล้วก็มองไปทางจงเหยียนซีโดยไม่ได้ตั้งใจ เขามองไม่ออกถึงจุดที่มันผิดแปลกอะไรเลย
“คุณหลินเชิญครับ” หนานเฉิงเดินเข้ามาทำมือเป็นเชิงเชิญออกมา
จงเหยียนซีหยิบเอกสารขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยออกมา “งั้นก็รบกวนคุณแล้ว”
“ไม่รบกวนเลยครับ” หนานเฉิงนำเธอไปเหมือนกับตอนที่เดินเข้ามา เดินนำทางอยู่ตรงข้างหน้า
เจียงโม่หานกลับมาถึงห้องทำงาน นั่งลงไปตรงด้านหน้าโต๊ะทำงาน ช็อกที่วันนี้ตัวเองค่อนข้างจะเป็นปกติเลยทีเดียว
เขาดึงลิ้นชักออก แล้วหยิบภาพที่ใช้คริสทัลมาทำกรอบด้านนอกภาพหนึ่ง ภาพนี้นอนอยู่ในลิ้นชักมาปีนึงแล้ว ตั้งแต่เธอเสียไป เขาก็วางภาพนี้เอาไว้ในลิ้นชัก ไม่กล้ามองดูอีกเลย
ในเวลานี้ของเก่าได้มาอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง หัวใจของเขามันปวดหนึบขึ้นมา
เขายื่นมือไปสัมผัสคนที่อยู่ในภาพ ใบหน้านั้น ยิ้มออกมาอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
ยังจำได้เลยว่าภาพนี้เธอเป็นคนขอมาวางเอาไว้เอง
เธอโอบลำคอของเขาออดอ้อนอยู่ในอ้อมแขนของเขา “โม่หาน ฉันอยากจะให้คุณมองฉันในทุกๆวัน”
“ทำเป็นเด็กๆ” เมื่อตอนนั้นเขาเอ่ยออกไปอย่างจนใจ
“รักคนคนหนึ่งเดิมทีแล้วมันก็คือการทำแบบเด็กๆกันอยู่แล้ว” เธอไม่สนว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ได้เอาภาพมาวางบนโต๊ะทำงานของเขาไป แล้วยังเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจมากว่า “ฉันสวยใช่มั้ยล่ะ”
เธอสวยจริงๆ
“ผมมองคุณทุกวัน งั้นผมต้องวางรูปของผมเอาไว้ที่บ้านด้วยหรือเปล่า เพื่อให้คุณจะได้มองผมทุกวันด้วย?” เขาโอบเธอพลางเอ่ยออกไป
เธอจับมือของเขา วางลงไปที่หัวใจของเธอ ยิ้มพลางเอ่ยกับเขาออกไป “คุณอยู่ข้างในนี้ ฉันคิดถึงอยู่ตลอดทุกวัน”
เขาเมื่อตอนนั้นอยากจะถอยออกไป แต่ก็ถอยออกไปไม่ลง
มองยิ้มที่จริงจังและทั้งไร้เดียงสาของเธอ ในนาทีนั้นเขาก็ยิ้มตามออกมา ในดวงตาเต็มไปด้วยเธอ
ปัง!
ในทันใดนั้นเองเขาก็ได้เอารูปปิดลงไปเข้ากับโต๊ะ กุมหัวใจเอาไว้ งอตัวลง
ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีไหน ก็ไม่อาจจะหยุดยั้งความเจ็บปวดภายในใจได้เลย
“คุณรู้หรือเปล่า? เห็นคุณยิ้ม ผมก็รู้สึกเกลียดมากเลย ทำไมคุณถึงได้ไร้หัวใจอย่างนี้? ท่านเพิ่งจะตายไปได้ไม่นาน คุณก็มีความสุขขนาดนี้ได้แล้ว เข้าสถานศึกษา ไม่เคยจะเสียใจกับการเสียชีวิตของท่านเลยสักนิดเดียว ทำไมคุณถึงได้เลือดเย็นได้อย่างนี้ ทั้งยังจากผมไปอย่างเด็ดเดี่ยวอย่างนี้ได้อีก”