จงเหยียนซีตอบคำถาม “ใช่”
หลี่เฉิงเจี๋ยเลิกคิ้ว “คุณแน่ใจหรือ”
เขาคิดว่าอย่างไรจงเหยียนซีก็ต้องให้เขาเอ่ยความเป็นมาของเรื่องนี้กับเจียงโม่หานให้ชัดเจน?
“แน่ใจ” จงเหยียนซีบอกว่าบนโต๊ะมีปากกา “เขียนเลขบัญชีธนาคารของคุณให้ฉัน ฉันจะโอนเงินไปให้คุณ”
หลี่เฉิงเจี๋ยมองเธอ “คุณไม่สืบสาวเอาเรื่องความรับผิดชอบของผม ผมก็ขอบคุณคุณมากแล้ว เงินผมไม่รับ พวกเราก็ถือว่าเสมอกันแล้ว”
หลี่เฉิงเจี๋ยเปิดคอมพิวเตอร์ ก้มศีรษะโดยไม่เอ่ยพูดอะไรอีก
จงเหยียนซีก็ไม่ฝืนใจ หมุนตัวเดินไปห้องนอน
หลี่เฉิงเจี๋ยคัดลอกเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ได้จากไปในทันที แต่ว่านั่งรอจงเหยียนซีอยู่ที่โซฟา
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง จงเหยียนซีก็อาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาด บนร่างสวมชุดนอนพักผ่อนสบายๆ เส้นผมยังเปียกชื้น เธอเดินเช็ดเส้นผมออกมา เมื่อเห็นหลี่เฉิงเจี๋ยยังอยู่ ก็ถามประโยคหนึ่งว่า “ทำไมยังไม่ไปล่ะ”
หลี่เฉิงเจี๋ยลุกขึ้นยืน “ผมกลัวว่าคุณจะลืมในสิ่งที่ต้องการให้ผมทำ ดังนั้นจึงรอคุณ”
เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ แม้ว่าจะผ่านความเป็นความตายมาครั้งหนึ่ง ก็ยังคงจิตใจดีอยู่ ก่อนหน้านี้คนเช่นนี้จะต้องใสซื่อบริสุทธิ์มากกว่านี้อย่างแน่นอน
จงเหยียนซีรินน้ำแก้วหนึ่ง ถามเขาว่า “คุณจะเอาด้วยไหม”
หลี่เฉิงเจี๋ยบอกว่าไม่ต้อง
เธอดื่มน้ำร้อนไปอึกหนึ่ง พลางเอ่ยว่า “ฉันไม่ได้ลืม” เอ่ยจบเธอก็หันหน้าไปมองหลี่เฉิงเจี๋ย “ฉันหวังว่าหลังจากนี้พวกเราจะไม่ต้องร่วมมือกันอีก”
พวกเขาไม่ใช่คนบนเส้นทางเดียวกัน
หลี่เฉิงเจี๋ยเข้าใจความหมายของเธอ “ได้ คุณจงเช่นนั้นรักษาตัวด้วย ผมไปล่ะ”
เอ่ยจบ เขาก็เดินไปทางประตู
จงเหยียนซีที่ยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะ ค่อยๆเอนร่างพิงเข้ากับโต๊ะ แก้วในมือใส่น้ำร้อนอยู่ จึงรับรู้ถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านออกมาจากตัวแก้ว ขนตาเธอไหวเล็กน้อย “ถ้าหากว่าใจคนเรา สามารถถูกทำให้รู้สึกอบอุ่นได้ง่ายเช่นนี้ก็ดี”
เธอวางแก้วน้ำลง เก็บงำความรู้สึกอย่างรวดเร็ว
อีกด้านหนึ่ง หลี่เฉิงเจี๋ยที่เดินออกมาจากโรงแรมก็หันไปมองด้านหลังครู่หนึ่ง
ความจริงแล้วตัวเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมองอะไรอยู่
เมื่อเดินไปถึงหน้ารถที่จอดเอาไว้ริมถนน เขาก็กดปุ่มปลดล็อกบนกุญแจรถ เปิดประตูรถออกแล้วขึ้นไปนั่ง สตาร์ทรถแล้วก็ขับไปยังเหิงคังกรุ๊ป
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง รถก็จอดอยู่ที่ใต้ตึกเหิงคังกรุ๊ป เขาเดินเข้าไปพร้อมกับภารกิจที่จงเหยียนซีมอบให้เขาทำ
ประชาสัมพันธ์แย้มรอยยิ้มบางๆอย่างเป็นทางการ “คุณไม่ได้นัดเอาไว้ ดิฉันไม่สามารถให้คุณขึ้นไปได้ค่ะ”
“ผมมาหาประธานเจียงของพวกคุณนั้นเพราะมีธุระจริงๆ ช่วยแจ้งให้ผมหน่อย” หลี่เฉิงเจี๋ยเอ่ย
“ขอโทษด้วยนะคะ มีคนอยากจะพบหน้ากับประธานเจียงทุกวัน ถ้าหากว่าฉันโทรศัพท์ขึ้นไปถามทุกรอบ เช่นนั้นประธานเจียงก็ไม่ต้องทำงานแล้วค่ะ” ประชาสัมพันธ์ไม่ไว้หน้าเล็กน้อย แต่ว่านี่ก็คืองานของเธอ
“ผมมีของจะให้เขา ผมจะพูดแค่ไม่กี่ประโยค…”
ตอนนี้เองที่ประตูลิฟต์โดยสารเปิดออก เจียงโม่หานที่รู้ว่าหลิงเวยถูกจับไปก็กำลังจะไปหา
“ประธานเจียง” หลี่เฉิงเจี๋ยมองประชาสัมพันธ์แวบหนึ่งแล้วก้าวเข้าไปขวางทางเขาเอาไว้
เจียงโม่หานหยุดเท้านิ่ง
“คุณเป็นใคร” เหิงคังกรุ๊ปไม่ใช่สถานที่ที่คุณจะเข้ามาโวยวายได้ ไปจากที่นี่เสียตอนนี้ มิเช่นนั้นผมจะเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย” หนานเฉิงก้าวเข้ามาขวางด้านหน้าเจียงโม่หาน
“ผมเพียงแค่อยากจะพูดกับประธานเจียงสักสองสามประโยค…”
หนานเฉิงตัดบทเขา “ประธานเจียงยุ่งมาก ไม่มีเวลามาฟังคุณพูดไร้สาระ พนักงานรักษาความปลอดภัย…”
“ผมจะมาบอกประธานเจียงเกี่ยวกับสาเหตุการตายของภรรยาเก่าเขา!” หลี่เฉิงเจี๋ยเอ่ยเสียงดัง
ภายในห้องโถงที่กว้างใหญ่ ปรากฏเสียงสะท้อนดังไปมา
หนานเฉิงหน้าเปลี่ยนสี “คุณ คุณพูดอะไรน่ะ?”
เอ่ยจบแล้วเขาก็หันหน้าไปมองเจียงโม่หาน เขายืนตัวตรง เพียงแต่มือที่วางอยู่ข้างกายนั้นกำเข้าหากันเป็นหมัด
น้ำเสียงทุ้มต่ำ “คุณพูดว่าอะไรนะ?”
หลี่เฉิงเจี๋ยเอ่ยเน้นทีละคำ “ผมรู้ว่าภรรยาเก่าคุณตายได้อย่างไร”