ชั่วขณะหนึ่งที่จงเหยียนซีไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ถ้าหากว่าเป็นคุณอากวนเธอจะแนะนำอย่างไร?
เธอทำใจให้สงบแล้วเดินไปเปิดประตูห้อง หลังจากนั้น…หน้าประตูห้องกลับไม่ใช่กวนจิ้ง แต่เป็นเจียงโม่หาน
“เรื่องที่หลิงเวยทำร้ายคุณ ผมล้วนทราบหมดแล้ว จึงอยากจะมาขอโทษคุณด้วยตัวเอง”
จงเหยียนซีมีสีหน้าจริงจัง “คุณต้องขอโทษฉันจริงๆ ถึงอย่างไรฉันก็เกือบจะถูกคนทำร้ายเพราะคุณแล้ว”
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นประธานเจียง เตรียมประโยคขอโทษมาประโยคหนึ่งก็ต้องให้ฉันยกโทษให้แล้วหรือ”
“ความผิดที่เธอกระทำ จะมีกฏหมายเป็นผู้ลงโทษ” เจียงโม่หานเอ่ยด้วยน้ำเสียงอำมหิต
“เธอเป็นคนของคุณ…”
“ผมไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเธอ” ไม่รอให้จงเหยียนซีเอ่ยจบ เจียงโม่หานก็ตัดบทเธอและอธิบายออกมา
ริมฝีปากจงเหยียนซีโค้งขึ้น เพียงแค่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้นั้นเลือดเย็นไร้หัวใจจริงๆ หลิงเวยชอบเขาขนาดนั้น
ตอนนี้พูดว่าทิ้งก็ทิ้งเสียอย่างนั้น ไร้ซึ่งไมตรีจิตและความรักโดยสิ้นเชิง เหมือนกับเมื่อก่อนเลย
“คุณหลิน สามารถไปกินข้าวกับผม…”
“ใครกัน?”
ช่วงล่างของกู้เสียนพันผ้าเช็ดตัวเอาไว้ แต่ท่อนบนเปลือยเปล่า หยดน้ำไหลไปตามแผงอกหนั่นแน่นของเขา แสดงเสน่ห์ความเป็นชายออกมาอย่างชัดเจน
เขาเช็ดผมไป พลางเดินเข้ามา
ใบหน้าสงบนิ่งของเจียงโม่หานเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเสียงคนเอ่ยพูด เมื่อเห็นทั้งร่างกู้เสียนมีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ก็มืดทะมึนในทันที
เมื่อเห็นเจียงโม่หาน กู้เสียนก็ยื่นมือไปโอบไหล่จงเหยียนซีเอาไว้ เอ่ยยิ้มๆว่า “ประธานเจียงนี่เอง มาหาแฟนสาวของผมเช้าขนาดนี้มีเรื่องอะไรหรือครับ”
จงเหยียนซีคิดจะขยับ กู้เสียนจับไหล่เธอแน่นอย่างไม่ยอมให้เธอขยับ
“ประธานกู้กับคุณหลินมีความสัมพันธ์เป็นแฟนกันหรือ” เจียงโม่หานลดมือที่อยู่ข้างกายลง ค่อยๆรวบเข้าหากันช้าๆ “คุณหลินไม่ได้อยู่ที่ต่างประเทศมาตลอดหรือ ไปรู้จักกับประธานกู้ได้อย่างไรกันครับ”
“ก่อนที่ผมจะกลับประเทศมา ก็อยู่ที่ต่างประเทศมาโดยตลอด ผมรู้จักมานานแล้ว การที่เธอกลับประเทศมาในครั้งนี้ก็เป็นเพราะผม ไม่อย่างนั้นเธอที่ไม่มีญาติสักคนในประเทศจะกลับมาคนเดียวได้อย่างไรกัน” กู้เสียนจงใจโอบจงเหยียนซีเอาไว้แน่น “ถ้าหากว่าประธานเจียงอยากจะเชิญไปกินข้าวล่ะก็ ครั้งหน้าเถอะครับ เมื่อวานแฟนสาวของผมเหนื่อยเกินไป ไม่ค่อยได้นอนเท่าไร ผมอยากให้เธอพักผ่อนสักหน่อย”
จงเหยียนซี “…”
คนโง่ก็ยังฟังออกถึงความหมายที่อยู่ในคำพูดของเขา
เจียงโม่หานเม้มริมฝีปาก ไม่ได้ตอบกลับ แต่เบนสายตาไปที่ร่างของจงเหยียนซี
“ประธานเจียง ถ้าอย่างนั้นพวกเราค่อยนัดหมายกันในครั้งหน้า?” เธอเอ่ยเรียบๆ
ไม่รู้ว่าทำไมเจียงโม่หานถึงรู้สึกไม่สบายใจมาก ไม่สบายใจเป็นพิเศษ ทำไมถึงไม่สบายใจ เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
เขาตอบอืมเสียงเบาและหันหน้าจากไป
ไม่อยากเห็นกู้เสียนโอบจงเหยียนซี
เมื่อเห็นเขาขึ้นลิฟต์โดยสารไปแล้ว จงเหยียนซีก็ปิดประตู และผลักกู้เสียนออก “นายยังไม่สร่างเมาอีกหรือ”
กู้เสียนยิ้ม “สร่างเมานานแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นนายเป็นบ้าอะไร” จงเหยียนซีมองเขาขึ้นๆลงๆครู่หนึ่ง “รบกวนนายช่วยสวมเสื้อผ้าด้วย”
กู้เสียนเห็นสายตาที่ค่อนข้างรังเกียจของเธอแล้ว ก็ก้มมองเรือนร่างของตนเอง ผิวก็ขาวเนียน มีกล้ามเนื้อ อีกอย่างเขายังหนุ่ม ใช้ประโยคยอดฮิตในสมัยนี้ ก็คือหนุ่มน้อยหน้าตาดีคนหนึ่ง
เธอกลับไม่มีท่าทีเขินอายหรือชื่นชมเลยแม้แต่น้อย
เขาแย่ขนาดนั้นจริงๆหรือ
“ฉันน่าเกลียดมากหรือ”
“ไม่น่าเกลียด” จงเหยียนซีหันหลังให้เขา เดินไปนั่งลงที่โซฟา
“ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงไม่เขินอายเลยล่ะ” กู้เสียนคิดว่าผู้หญิงเห็นเขาในสภาพแบบนี้ก็ควรจะหน้าแดงระเรื่อ ใบหูแดงก่ำ หัวใจเต้นเร็วถึงจะเป็นเรื่องปกติ
“ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นผู้ชาย” จงเหยียนซีไม่มองเขา “รีบไปสวมเสื้อผ้า ไม่อย่างนั้นฉันจะไล่คนแล้ว”
กู้เสียนเดินเข้ามา “ฉันก็แค่เห็นเจียงโม่หานแล้วไม่สบอารมณ์ จึงอยากทำให้เขาโมโห แต่ดูเหมือนว่าจะได้ผลจริงๆ เขาไม่สบอารมณ์จริงๆ แต่ว่านะ เมื่อเขาอารมณ์ไม่ดี ฉันก็ดีใจแล้ว ฮ่าๆ…”
“นายมีความแค้นกับเขาหรือ” จงเหยียนซีรู้สึกขัน
กู้เสียนเอ่ยด้วยท่าทางจริงจังว่า “เธอมีความแค้นกับเขานะ ศัตรูของเธอก็คือศัตรูของฉัน”