“คุณทำธุรกิจกับหลิงเวยสองครั้ง ครั้งแรกคือหนึ่งปีก่อน ครั้งที่สองคือเมื่อวาน ซึ่งครั้งก่อนคุณสูญเสียลูกน้องไปถึงสองคนเลยใช่ไหมล่ะ?”จงเหยียนซีทวนสิ่งที่เธอได้ยินมาออกไป
เพียงแต่เธอไม่ได้ระบุว่าเธอได้ยินมา เธอจงใจให้ชายตรงหน้าติดว่าหลิงเวยเป็นคนหลุดปากบอกให้เธอรู้เอง
เธอทำให้เขารู้สึกว่าหลิงเวยเป็นคนปากโป้ง
ถ้าร่วมงานกับหล่อนอีกครั้งจะต้องพิจารณาไตร่ตรองให้ดีๆ แต่ว่านี่ไม่ใช่จุดประสงค์ของเธอ
“ครั้งนี้หลิงเวยให้คุณหนึ่งล้าน ฉันให้คุณสองเท่าเลย”จงเหยียนซีเลื่อนเก้าอี้ที่โต๊ะออกมานั่ง“จะคุยไหม?”
กู้เสียนเหลือบมองเธอ จากนั้นก็เขยิบมายืนอยู่ข้างเธอ ทำท่าเป็นเหมือนลูกน้อง
ตอนนี้เธอต้องมีมีบริวารไว้เพื่อจะได้ดูมีอำนาจบารมี
ชายตรงหน้าสังเกตเธออย่างละเอียด ผู้หญิงคนนี้ดูๆแล้วก็ไม่ได้มีอายุเยอะ ทว่ากลับฝีปากกล้าเหลือเกิน
“คุณอยากให้ผมทำอะไร?”ชายตรงหน้ายังคงสีหน้าเดิมไว้พร้อมกับน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่ว่าจงเหยียนซีมั่นใจว่าเขาต้องสนใจแน่ๆ
“สิ่งที่ฉันต้องการมันง่ายมาก มันไม่ทำให้คุณเสียหายอะไรเลย ฉันต้องการเพียงคำพูดแค่ไม่กี่ประโยค”
ชายตรงหน้าหรี่ตาลง“บางครั้งผมก็ไม่ได้มองแค่เรื่องเงิน”
จงเหยียนซียิ้มออกมา“ถ้างั้นคุณมองที่อะไรล่ะ?”
“การจะทำธุรกิจด้วยรึเปล่ามันขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผม”ผู้ชายคนนี้อาศัยลางสังหรณ์ของตัวเอง เขารู้สึกว่าเธอกับหลิงเวยแตกต่างกันอย่างลิบลับ และเห็นได้ชัดว่าเธอพุ่งประเด็นตรงมาที่หลิงเวย
ดูจากคำพูดเป็นนัยของเธอ แม้เธอจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่ว่าความหมายในคำพูดของเธอมันกลับสื่ออยู่ตลอดว่าหลิงเวยไม่น่าเชื่อถือ ปากพล่อย เก็บความลับไว้ไม่ได้
แต่ไม่ว่ายังไง เขาทำงานกับหลิงเวยมาสองครั้งแล้ว ส่วนผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เขาแทบไม่รู้จักเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
ทั้งตัวตนและภูมิหลัง
เขาแอบสืบเรื่องหลิงเวยมาแล้ว ที่หล่อนทำทุกวิถีทางก็เพราะบ้าผู้ชาย ไม่ได้มีอันตรายใดๆกับเขา ไม่งั้นเขาคงไม่ร่วมมือด้วยตั้งหลายครั้งหรอก
จงเหยียนซีขมวดคิ้วขึ้น ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะพูดเกลี้ยกล่อมได้ยาก แต่คุณพ่อเคยบอกว่าการที่จะเจรจากับใครสักคน จะต้องทำให้ฝ่ายตรงข้ามเดาทางไม่ออกว่าเรารู้อะไรบ้าง
ถึงแม้จะไม่รู้อะไรเลย ก็ต้องทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจว่าเรารู้ทุกอย่าง
ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเดาไม่ออกว่าที่จริงเรารู้มากแค่ไหน
เธอเอนหลังพิงกับเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลายสบายใจ จากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะ“คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
ชายตรงหน้ายิ้มถามขึ้น“คุณเป็นใครล่ะ?”
“ครั้งแรกที่คุณร่วมงานกับหลิงเวยหล่อนฆ่าคนไปหนึ่งคน คุณคงรู้อยู่แล้วใช่ไหม?”เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
รอยยิ้มบนหน้าของผู้ชายแข็งทื่อไปอย่างเห็นได้ชัด เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนคนหนึ่ง
แค่ไม่ระวังนิดเดียวก็อาจต้องไปอยู่ในคุกแล้ว พอเวลาผ่านไปหนึ่งปี เขาถึงได้โล่งใจได้นิดหน่อย แล้วทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้หยิบมันขึ้นมาพูดอีก
“คุณเป็นใคร?อย่าบอกนะว่า คุณคือคนที่ตายไปแล้วคนนั้น”ชายตรงหน้ามองจ้องเธออย่างเคร่งขรึม
จงเหยียนซียักไหล่ขึ้นมา“ถ้าบอกว่าใช่ คุณจะเชื่อไหม?”
“ไม่เชื่อ ผู้หญิงคนนั้นตายไปแล้ว ถ้าเดาไม่ผิดตอนนี้แม้แต่กระดูกคงกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วล่ะ”ตอนนั้นเขาตรวจสอบดูแล้วว่าหล่อนตายไปแล้วจริงๆ
“แน่ใจเหรอว่าหล่อนตายแล้ว?”จงเหยียนซียิ้มพลางถามขึ้น
ที่จริงเธอก็ไม่รู้หรอกว่าคนที่ตายอยู่ในกองไฟนั้นเป็นผู้หญิง ผู้ชายหรือว่าเป็นใคร และก็ไม่รู้ด้วยว่าผู้ชายที่ทำร้ายเธอสองคนนั้นทำไมถึงหายตัวไป
แต่ว่าบทสนทนาระหว่างหลิงเวยกับเขาในวันนั้น พวกเขาไม่รู้หรอก
พอเป็นแบบนี้ เธอจึงพูดอะไรออกไปก็ได้ไม่ใช่เหรอ?
พอตอนนี้มาย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ในตอนแรกมันก็มีหลายอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ การตายของเธอถูกปิดไว้อย่างมิดชิด ดังนั้นทุกคนต่างก็คิดว่าเธอตายไปแล้ว
ส่วนคนที่ทำร้ายเธอ นอกจากหลิงเวย คนที่ร่วมลงมืออีกสองคนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เธอก็ไม่รู้แน่ชัดหรอกว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ว่าตอนนี้เธอต้องใช้ประโยชน์จากมัน
“คุณไม่สงสัยบ้างเหรอว่าลูกน้องทั้งสองคนนั้นทำไมถึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่เจอศพหรือว่าอะไรเลย? ”
สีหน้าของผู้ชายตรงหน้าไม่นิ่งสงบอีกต่อไป“คุณรู้เหรอ?”
“รู้สิ”จงเหยียนซีตอบด้วนน้ำเสียงราบเรียบ“เพราะว่าฉันเป็นคนฆ่าเอง”
ผู้ชายตรงหน้าตะลึงไปเลย จากนั้นก็ลุกพรวดออกจากโต๊ะ“คุณฆ่าคนของผมงั้นเหรอ?”
จงเหยียนซียังคงนั่งอยู่เหมือนเดิม แม้แต่ท่านั่งก็ยังไม่เปลี่ยน เธอเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา“คนของคน พวกเขาอยากจะฆ่าฉันนะ”
“เขาก็แค่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมา คนที่อยากจะฆ่าคุณจริงๆก็คือหลิงเวย”ชายตรงหน้าพยายามพูดแก้ต่าง
จงเหยียนซียิ้ม“คนที่ลงมือทำก็มีความผิดเหมือนกัน”
“ไม่ใช่สิ คุณทำได้ยังไง?”ผู้ชายตรงหน้าเริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา
เธอดูเหมือนจะรู้มาก
“คุณคงจะรู้ว่าคนที่หลิงเวยทำร้ายจนตายเป็นใครใช่ไหม?”
“รู้ ทายาทของว่านเยว่กรุ๊ป ลูกสาวคนเดียวของจงจิ่งห้าว มีพี่ชายสองคน คนหนึ่งอยู่เมืองCมีตำแหน่งเป็นประธานJKกรุ๊ป ส่วนอีกคนเป็นถึงระดับว่าที่พลตรีในกองทหารได้ตั้งแต่อายุ 23 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นที่รักและเอ็นดูของคนจำนวนมาก”
ตอนแรกเขาก็ไม่รู้ว่าคนที่หลิงเวยอยากจะฆ่าคือหล่อน ถ้ารู้เขาคงไม่ร่วมมือกับหลิงเวยหรอก
เขามารู้หลังจากที่เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว แถมหลังจากที่เรื่องเกิดขึ้นทุกอย่างมันก็เงียบมาก ทางตำรวจก็แจ้งข่าวออกมาแค่ว่าเธอฆ่าตัวตาย และก็ไม่ได้สืบต่ออีกมากมาย เรื่องมันก็เลยค่อยๆเงียบลง
ตอนนั้นเขาก็คิดว่าคนในครอบครัวของหล่อนคงจะเชื่อว่าหล่อนฆ่าตัวตายก็เลยไม่ตามเรื่อง แต่พอตอนนี้กลับมาคิดดูมันก็แปลกมากจริงๆ ลูกสาวตายทั้งคนจะไม่สืบดูได้ยังไง?
ทางด้านตำรวจก็ให้ผลสรุปแค่ว่าฆ่าตัวตาย แถมไม่ได้ติดตามเรื่องต่อด้วย
ชายตรงหน้าเริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมาเล็กน้อย เขากวาดสายตามองเธอจากบนลงล่าง แต่ไม่ว่าจะดูยังไงเธอก็ไม่เหมือนคุณหนูที่ร่ำรวยคนนั้นเลย
“คุณ……”
“เข้าใจแล้วเหรอ?”เธอหันข้างแล้วมองตรงไปด้านหน้า“ไม่ต้องตกใจไป ตอนนี้เทคโนโลยีทางด้านการศัลยกรรมมันยอดเยี่ยมมาก ฉันก็แค่ไปศัลยกรรมมาก็แค่นั้นเอง”
“คุณเป็นคนทำให้พวกเขาตายไปอย่างไร้ตัวตนและทำให้ไม่มีใครหาร่องรอยเจองั้นเหรอ?”ถึงแม้ชายตรงหน้าจะเดาออกมาเป็นประโยคคำถาม แต่ในใจกลับแน่ใจแล้ว
เขาก็คิดว่าสองคนนั้นอาจจะตายไปแล้ว แต่ว่าเขายังสืบหาไม่เจอก็เลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือตาย ถึงได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้
ดูเหมือนเขาจะเคยได้ยินมาว่า เมื่อก่อนจงจิ่งห้าวมีเพื่อนอยู่ในสถานีตำรวจ ซึ่งต่อมาได้รับการเลื่อนขั้นจึงถูกย้ายไป
พวกเขามีคนรู้จักอยู่ในสถานีตำรวจ
เพราะฉะนั้นการปกปิดเรื่องบางอย่างจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย
จงเหยียนซียิ้มออกมา“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
ผู้ชายตรงหน้าเซล้มนั่งลงบนเก้าอี้“บอกมาเถอะว่าคุณมาหาผมต้องการอะไร?”
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนที่อยากจะทำร้ายฉัน ยังไงคุณกับฉันก็ไม่มีความแค้นต่อกัน คุณก็แค่รับเงินมาแล้วทำงาน ฉันรู้หรอกน่าว่าใครที่เป็นศัตรูของฉัน ดังนั้นฉันเลยต้องการให้คุณช่วยนิดหน่อย”
ชายคนนั้นเดาไว้ในใจแล้ว“ให้ช่วยจัดการหลิงเวยเหรอ?”
“หล่อนต้องการจะทำร้ายฉัน ถ้าเกิดว่าฉันไม่จัดการหล่อน คุณว่ามันจะเป็นไปได้ไหม?”จงเหยียนซีพูดอย่างตรงไปตรงมา“แล้วช่วงนี้หล่อนก็ยังต้องการจะทำร้ายฉันอีก”
“คุณต้องการให้ผมทำยังไง?”ชายตรงหน้าถามขึ้น
“การร่วมงานระหว่างฉันกับคุณนั้น แน่นอนว่าฉันไม่ได้ให้คุณช่วยฉันฟรีๆหรอก ฉันสัญญาเลยว่าฉันจะตอบแทนคุณให้ครบทุกบาทไม่ขาดไม่เกินเลยแม้แต่บาทเดียว”
ชายตรงหน้ายิ้มออกมาทื่อๆ“เรื่องเงินนั้น……”
“ฉันพูดไปแล้ว เรื่องเมื่อก่อนไม่เกี่ยวข้องกับคุณ คนที่อยากจะทำร้ายฉัน ฉันรู้ดี วันนี้ฉันก็แค่ต้องการจะแก้แค้น”
ชายคนนั้นครุ่นคิดอยู่ในใจ ระหว่างหลิงเวยกับจงเหยียนซี ใครกันแน่ที่ไม่ควรไปหาเรื่องด้วย
แต่พอนึกถึงเรื่องที่ลูกน้องสองคนนั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยก็รู้ได้ทันที
“ในเมื่อคุณจงจริงใจและตรงไปตรงมาขนาดนี้ ผมก็อยากแสดงท่าที คุณบอกมาสิว่าคุณอยากจะทำยังไง และต้องการให้ผมทำอะไร?