ช่วงเวลาที่รอให้ประตูเปิดออกนั้นไม่ได้ยาวนาน แต่จงเหยียนซีก็ตื่นเต้นอย่างผิดปกติ ตื่นเต้นที่จะต้องเผชิญหน้ากับผู้อาวุโส
คุณอากวนท่านนี้ก็เป็นคนที่เห็นเธอเติบโตมาเช่นกัน
เวลาหนึ่งปีจะว่านานก็ไม่นาน จะว่าสั้นก็ไม่สั้น เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ เปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจมากมาย ให้เธอได้เห็นชัดเจนว่าบนโลกใบนี้ก็มีด้านมืดเช่นกัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูห้องก็เปิดออก
กวนจิ้งสวมชุดสูทเหมือนกับช่วงวัยรุ่น หากพูดถึงการเปลี่ยนแปลง ก็มีร่องรอยของกาลเวลาบนใบหน้า เมื่อเห็นจงเหยียนซีก็ไม่ได้มีท่าทางตกตะลึง
เขาเอียงตัว “เข้ามาสิ”
จงเหยียนซีเม้มริมฝีปาก เรียกเสียงเบาว่า “คุณอากวน”
กวนจิ้งอืมคำหนึ่ง
เธอก้าวเข้าไป
รูปแบบห้องนั้นเหมือนกับที่เธอพักอยู่ เพียงแค่คนละชั้น
“คือว่า…”
“อยากจะรู้อะไรก็ถามมาเถอะ” กวนจิ้งตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก มองมาทางเธอพลางถอนหายใจเสียงเบา “เด็กอย่างเธอทำให้คนเป็นห่วงกันมาก คำพังเพยกล่าวเอาไว้ได้ดี ตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด แต่เธอก็ไม่ยอมฟัง…”
จงเหยียนซีก้มหน้าลงเล็กน้อย
เธอรู้ เมื่อได้พบเขา เขาจะต้องเอ่ยพูดสั่งสอนก่อนรอบหนึ่ง
“คุณอากวน” เธอเงยหน้าขึ้นมายิ้มตาหยี “พวกเราไม่พูดเรื่องในอดีตได้หรือไม่คะ”
กวนจิ้งนั่งลง “เข้าใจแล้วหรือ เรื่องทางนั้นอาจะจัดการเอง เธอกลับไปก่อน…”
“คุณอากวน” จงเหยียนซีตัดบทเขา “ปัญหาที่หนูสร้าง จะให้พวกคุณอามาจัดการได้อย่างไรกัน หนูโตแล้ว เรื่องของหนู หนูสามารถจัดการเองได้”
กวนจิ้งมองเธอนิ่งๆอยู่หลายวินาที
จงเหยียนซีถูกเขามองจนขนลุก
“คุณอากวน?”
กวนจิ้งลุกขึ้นหยิบแฟลชไดร์ฟออกมาจากในลิ้นชักที่ล็อกกุญแจเอาไว้อันหนึ่ง แล้วเดินไปยื่นให้เธอ
จงเหยียนซียื่นมือมารับ พลางถามว่า “นี่คืออะไรคะ”
“เธอดูเองเถอะ” กวนจิ้งดันโน้ตบุ๊คไปด้านหน้าเธอ
เธอเสียบเข้าไปในช่องเสียบสัญญาณและเปิดแฟ้มเอกสารออกดูด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความสงสัย
ในไม่ช้าภาพก็ปรากฏขึ้นมา จงเหยียนซีเบิกตากว้าง
“นี่ไม่ใช่…”
ภาพด้านในคือเรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านี้ ภาพหลิงเวยที่ลักพาตัวเธอออกมาจากคฤหาสน์
“คุณอามีสิ่งนี้ได้อย่างไรกันคะ” จงเหยียนซีถาม
“รู้ว่าเกิดเรื่องกับเธอ ตอนที่พวกเราไปถึงก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง โชคดีที่เธอถูกคนช่วยออกมาได้ เธอก็ยังให้คนไปปลอมแปลง DNAผู้ตายแสร้งทำเป็นแกล้งตาย แต่ว่า คนที่เธอฝากฝังคนนั้น มีภูมิหลังและเส้นสายอะไร ถึงได้สามารถทำเรื่องพวกนี้ออกมาได้”
ในภายหลังเธอก็รู้ว่ากู้เสียนไม่สามารถอำพรางเรื่องราวจนไร้ร่องรอยได้ กระทั่งเจียงโม่หานที่สามารถหลอกได้
ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นในภายหลังเช่นกัน
“ใช่แล้วคุณอากวน ไฟไหม้ในครั้งนั้นทำให้ผู้ชายตายไปหนึ่งคน ผู้หญิงตายไปหนึ่งคนนั่นมันยังไงกันแน่คะ”
“ผู้ชายที่รับผิดชอบลักพาตัวเธอสองคนนั้น กลายเป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิง แต่ต้องใช้คนใดคนหนึ่งในนั้นมาปิดบังสถานะของเธอ” ตอนที่กวนจิ้งเอ่ยขึ้นมาก็ยังนึกถึงสีหน้าที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวของจงจิ่งห้าวในตอนนั้นได้ เขาติดตามจงจิ่งห้าวมากว่าครึ่งชีวิต มีอะไรที่เขาไม่เคยพบเห็นบ้าง
นั่นเป็นเพียงครั้งเดียวที่ฆ่าคนโดยไม่สนใจสิ่งใด
สำหรับที่ว่าตายในเปลวเพลิงนั้น แน่นอนว่าต้องการให้พวกเขาได้ลิ้มลองรสชาติการถูกเผาสักหน่อย
“ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แตะต้องเธอ ก็เป็นเพราะว่าเธอ” กวนจิ้งดื่มน้ำไปคำหนึ่ง
หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับจงเหยียนซี พวกเขาก็ทำเรื่องราวมากมาย เพื่อปิดบังความจริงที่ว่าเธอยังไม่ตาย หาหลักฐานที่เธอถูกทำร้าย รวมไปถึงโรงพยาบาลที่เธอติดต่อด้วย รวมไปถึงการได้เข้าไปยังบริษัทรุ่นเหม่ย
สถานะของเจียงโม่หาน พวกเขารู้ตั้งนานแล้ว และคิดจะบอกกับเธอหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่คุยกันล้วนไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งเธอก็ยังไม่ยอมฟังและไม่ยอมคุย
ในภายหลังเห็นว่าเธอชื่นชอบเจียงโม่หานเข้าแล้วจริงๆ ชอบมากเสียจนถึงขั้นไม่สนใจทุกสิ่ง
ความปรารถนาที่จะบอกกับเธอก็เปลี่ยนไป
จงจิ่งห้าวก็ทำสิ่งต่างๆมากมายเพื่อเรื่องนี้ ยกตัวอย่างเช่นทิ้งว่านเยว่เอาไว้ให้เธอ เพียงแต่ว่าในตอนนั้นธุรกิจหลักส่วนใหญ่ล้วนถูกรวมเข้ากับสำนักงานสาขาบริษัทรุ่นเหม่ยแห่งหนึ่งในต่างประเทศแล้ว
ว่านเยว่ในภายหลังก็เป็นเพียงแค่เปลือกหอยที่กลวงเปล่าขนาดใหญ่ ไม่มีธุรกิจที่เป็นแกนหลักแล้ว
จงเหยียนซีสามารถเข้าสู่บริษัทรุ่นเหม่ยได้ ทั้งยังมีการร่วมมือกับเหิงคังกรุ๊ปได้ ล้วนเป็นเพราะพวกเขาจัดการให้จงเหยียนซีเรียบร้อยหมดแล้ว
เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นคนรับผิดชอบดูแลบริษัทรุ่นเหม่ย
และยิ่งไม่รู้ว่านี่เป็นธุรกิจตระกูลจง
กวนจิ้งเอ่ยแนะนำด้วยความจริงใจว่า “ความจริงแล้วแบบนี้ก็ดี เธอไม่ประสบพบเจอกับเรื่องราวสักหน่อย จะสัมผัสถึงความอัปลักษณ์ให้จิตใจของผู้คนได้อย่างไร ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังเป็นวัยรุ่น พบเจอเรื่องราวมามากกว่าเธอ หวังว่าเธอจะเติบโตขึ้นจากเรื่องในครั้งนี้”
“ทำไมต้องปิดบังด้วยว่าหนูยังมีชีวิตอยู่”
“เธอตายไปแล้วถึงจะปลอดภัยมากขึ้นไม่ใช่หรือ” กวนจิ้งถามกลับ
นี่ก็เป็นสิ่งที่จงจิ่งห้าวตัดสินใจช่วยเธอปิดบังความจริงนี้ เมื่อรู้ความจริงว่าเธอวางแผนจะปิดบังว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่
ให้ผู้คนล้วนนึกว่าเธอตายไปแล้ว
เมื่อเธอมาปรากฏตัวขึ้นที่เมืองนี้อีกครั้งในภายหลัง ก็ไม่มีใครทำร้ายเธออีก เธอก็จะปลอดภัย
อยากจะทำอะไรก็สะดวก
“ประธานจงคิดว่าเจียงโม่หานจะตกหลุมรักเธอ แม้ว่าในใจจะยังมีความเกลียดชังเคียดแค้น แต่อย่างมากก็แค่แย่งชิงบริษัทที่อยู่ในมือของเธอไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ข้างกายเขาจะมีหญิงสาวที่เป็นพวกน้ำนิ่งไหลลึก เพื่อเรื่องนี้แล้ว พ่อแม่เธอทะเลาะกันมาปีหนึ่งแล้ว เพียงเพราะรับปากให้เธอแต่งงานในตอนนั้น”
จงเหยียนซีเม้มริมฝีปากโดยไม่เอ่ยอะไร
“เฮ้อ ยังคงจำเรื่องงานเลี้ยงการกุศลในครั้งนั้นได้ไหม” กวนจิ้งมองเธอ เล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง “แหวนวงนั้นเป็นวงที่พวกเราหาเจอในสถานที่เกิดเหตุ”
“คนที่ตะโกนบอกมูลค่าก็คือคุณอาหรือคะ” คราวนี้จงเหยียนซีมีปฏิกิริยารวดเร็ว
“อืม อาแค่อยากรู้ว่า ชายที่ดวงตาถูกบดบังไปด้วยความแค้นจะยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ เมื่อดูท่าทางแล้วก็ยังไม่ถึงขั้นสูญเสียความเป็นมนุษย์ไป แต่ว่าอาก็โกงเงินเขามาก้อนใหญ่และบริจาคให้กับคนที่ต้องการใช้เงินไป” กวนจิ้งพิงตัวเข้ากับโซฟา
ซางหยู ผู้ก่อตั้งกองทุนรักฝัน
เป็นเพราะประสบการณ์ในชีวิตของตัวเธอเอง ดังนั้นจึงได้ก่อตั้งกองทุนรักฝันแห่งนี้ขึ้นมา มีชื่อเสียงมาก และช่วยเหลือผู้คนมากมาย
โรงเรียนประถมศึกษาที่ซางหยูเคยเรียนมาก่อน ตอนนี้ก็เป็นโรงเรียนที่อบรมนักเรียนเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมและความรู้ความสามารถ มีเหล่าอาจารย์ที่เข้มแข็งคอยช่วยเหลือเด็กที่เกิดในครอบครัวธรรมดา
นอกจากซางหยูจะคลอดลูกให้เสิ่นเผยซวนสองคนแล้ว สิ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือก่อตั้งกองทุนรักฝัน ทำความปรารถนาของตนเองให้เป็นจริง
จงเหยียนซีเข้าใจแล้ว สิ่งที่เธอนึกว่าเป็นการแก้แค้น ความจริงแล้วล้วนเป็นเส้นทางที่ถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อย ขอเพียงแค่เธอเดินไปตามทางก็ได้แล้ว
เธอรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมากะทันหัน ตั้งแต่เล็กก็ถูกคนประคองเอาไว้กลางฝ่ามือ ต้องการสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น ตัวเองไม่เคยต้องกังวล หลังจากเกิดเรื่อง ก็เป็นครั้งแรกที่เธออยากจะพึ่งพาตัวเอง
สุดท้ายเธอนึกว่าเธอพึ่งพาตนเอง ก็ถูกคนปกป้องเอาไว้เช่นกัน
นิสัยของเธอชอบเอาชนะ หลังจากเกิดเรื่อง เธอก็ทำเหมือนกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
กวนจิ้งคิดไม่ถึงว่าเธอจะคิดจนเข้าใจแล้วมาหาตัวเองเร็วขนาดนี้
หากไม่ใช่เพราะกู้เสียน จงเหยียนซีก็คงจะไม่มาหาเขาเร็วขนาดนี้
ทว่าเธอก็ยินดีมากที่ตัวเองมาแล้วได้รู้เรื่องทั้งหมด
เดี๋ยวก่อน เธอลืมเป้าหมายการมาของตัวเองไปแล้ว
เมื่อคิดถึงกู้เสียนที่เมาอยู่ในห้องของเธอ จงเหยียนซีก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ตอนนี้กวนจิ้งก็เป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว และยังมีลูกอีกด้วย
“คือว่าคุณอากวน คุณอาจะกลับไปเมื่อไรคะ” จงเหยียนซีเอ่ยถาม
“เรื่องทางนี้ยังจัดการไม่เรียบร้อย” กวนจิ้งมองเธอ “เป็นห่วงอาหรือ”
“หนูก็แค่กลัวว่าคุณอาจะจากบ้านมานานเกินไปจนส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของสามีภรรยา”
กวนจิ้ง “…”
“เป็นห่วงอาขนาดนั้นเชียว?” ได้รับความเป็นห่วงอย่างไม่คาดฝันเสียจนประหลาดใจ เป็นห่วงความรู้สึกระหว่างเขากับภรรยา?
จงเหยียนซียิ้มหวาน เธอจะเอ่ยปากถามอย่างไรดี