จงเหยียนซีจะงักไปเล็กน้อยครู่หนึ่ง เธอพูดว่าอะไรไป
เธอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไป…เหมือนจะมีบางอย่างที่ไม่ควรพูด
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าในอดีตประธานเจียงเป็นยังไง คุณเข้าใจผิดแล้ว” เธอแสร้งทำเป็นใจเย็น ผลักความรับผิดชอบทั้งหมดใส่ตัวเจียงโม่หาน “คุณคิดจะเปลี่ยนเรื่องใช่ไหม”
เจียงโม่หาน “………”
“คุณพูดมาตรงๆ เลยว่าไม่อยากร่วมธุรกิจใช่ไหม หรือว่าคุณมีความคิดอะไรอื่น” จงเหยียนซีพูดอย่างแข็งกร้าว
“คุณหลิน คำพูดของคุณทำให้ผมสับสนมาก” เจียงโม่หานมองเธอ มองดูท่าทางที่เหมือนจะปกปิดให้สงบนิ่งได้ แล้วแววตาก็ขยับเล็กน้อย “คุณดูตื่นๆ นะ กำลังปิดบังอะไรอยู่หรือเปล่า”
จงเหยียนซีหันหน้าหนีไม่มองเขา ยิ่งมองเขายิ่งลนลาน “ฉันไม่รู้ว่าประธานเจียงกำลังพูดถึงอะไร อีกอย่าง คุณรอยกเลิกสัญญาเถอะ”
พูดจบก็ก้าวเท้าจะเดินไป แต่ไปแค่ก้าวเดียว ก็ถูกจับข้อมือไว้ เธอหันหน้าไป “คุณทำอะไร”
“ผมอยากเชิญคุณหลินไปคุยกันให้ชัดเจน” เจียงโม่หานดึงเธอ มุ่งหน้าไปที่ร้านกาแฟใกล้ๆ
จงเหยียนซีดิ้นรนอย่างหนัก “คุณปล่อยฉันนะ!”
เวลานี้เถียนฉีเฟิงมาขวางเจียงโม่หานไว้ “กรุณาปล่อยเธอด้วยครับ”
“คุณเป็นใคร” เจียงโม่หานหรี่ตามอง เขาไม่เคยเห็นคนคนนี้อยู่กับหลินลุ่ยซีมาก่อน
“เขาเป็นบอดี้การ์ดที่กู้เสียนหาให้ฉัน ทำไมไม่ได้เหรอ” จงเหยียนซีหาสถานะและข้อแก้ตัวที่เหมาะสมให้กับเขาอย่างรวดเร็ว
เจียงโม่หานหันหน้าไปมองเธอ ยิ่งอยากสำรวจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะท่าทางเย่อหยิ่งของเธอเมื่อครู่ มันเหมือนกับเธอเมื่อก่อน
“ผมจะคุยกับคุณเรื่องงาน คุณปฏิเสธขนาดนี้ กลัวอะไร หรือว่าจ้างบอดี้การ์ดมาเพื่อคุ้มกันจากใคร คุ้มกันจากผมเหรอ”
“…ฉันเกือบถูกคนข้างกายประธานเจียงฆ่าตาย ฉันไม่ควรระมัดระวังสักหน่อยเหรอ แฟนของฉันเป็นห่วงฉัน มีอะไรผิดหรือไง”
เธอพูดไม่ออกครู่หนึ่งก่อนจะโต้กลับไปด้วยไหวพริบเจ็บแสบ
เมื่อเจียงโม่หานได้ยินคำว่าแฟน รู้สึกว่ามันรุนแรงกับโสตประสาทมาก ไม่พอใจอย่างไม่มีเหตุผล เป็นความไม่พอใจที่ควบคุมไม่ได้เลย
“สร้างปัญหาให้คุณหลิน เป็นความผิดของผม ผมต้องขอโทษคุณด้วย” เขาเปลี่ยนการพูดอย่างรวดเร็ว “เกี่ยวกับเรื่องงาน ผมคิดว่ามีการเข้าใจผิด เราไปนั่งพูดคุยกันสักหน่อย คุณหลินคิดว่ายังไงครับ”
จงเหยียนซีก็ไม่ได้จะไม่ให้ความร่วมมือกับเขา เธอตอบตกลง ก่อนจะหันไปหาเถียนฉีเฟิง “คุณไปรอฉันที่รถนะคะ”
เถียนฉีเฟิงพยักหน้า หันหลังเดินกลับไปที่รถ
“ฉันไปนั่งคุยกับประธานเจียงก็ได้ แต่ คุณช่วยปล่อยฉันก่อนได้ไหม” เธอสีหน้าท่าทีเย็นชา
กับสายตาเย็นชาไม่แยแสของเธอ หัวใจเจียงโม่หานเหมือนมีอะไรที่ขาดหาย มีแค่การจับมือของเธอไว้ ความรู้สึกว่างเปล่าวูบโหวงนั้นถึงน้อยลง ถึงแม้ไม่อยากปล่อย แต่ก็ยังต้องปล่อย
พวกเขาเดินเข้าไปในร้านกาแฟ เลือกตำแหน่งที่สงบเงียบแล้วนั่งลง พนักงานเข้ามาสอบถามว่าพวกเขาจะรับอะไร
เจียงโม่หานถาม “คุณอยากดื่มอะไร”
จงเหยียนซีบอก “อะไรก็ได้ค่ะ”
หลังจากนั้นเจียงโม่หานก็สั่ง เขาสั่งลาเต้นม นี่คือกาแฟที่เมื่อก่อนจงเหยียนซีชอบ
ตัวเขาก็สั่งแบบเดียวกัน จากนั้นก็ปิดเมนู แล้วส่งให้พนักงานเสิร์ฟ “แค่นี้ครับ”
พนักงานเสิร์ฟรับมาด้วยสองมือแล้วถอยหลังไป
จงเหยียนซีรู้สึกเย้ยหยัน คราวก่อนพาเธอไปร้านอาหารที่เธอเคยโปรดปราน คราวนี้สั่งกาแฟที่เธอชอบดื่ม แสดงความรักงั้นเหรอ
เหอะ!
เธอแค่นยิ้มเยาะในใจ
“คุณหลินดูจะไม่ค่อยพอใจนะครับ” เจียงโม่หานมองออกว่าเธอดูไม่ค่อยชอบใจ
จงเหยียนซีพูดว่า “ฉันไม่ชอบดื่มกาแฟใส่นม”
เจียงโม่หานยิ้มๆ “เมื่อก่อนผมก็ไม่ชอบ อะไรที่เจือรสขมแต่เดิม ทำไมต้องผสมนมลงไป เพื่อเจตนาเปลี่ยนลักษณะเดิมของมัน”
“แล้วทำไมประธานเจียงถึงเปลี่ยนไปล่ะ”
หลังจากถามไปแล้ว จงเหยียนซีก็ค่อนข้างเสียใจภายหลัง
เขาเปลี่ยนไปแล้วทำไม
เขาเปลี่ยนไปแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ
เธอไม่ควรถาม!
เจียงโม่หานมองเธอ “เพราะภรรยาของผม”
จงเหยียนซีหันหน้ามา “ภรรยาของคุณเสียไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เธอไม่อยู่แล้ว แต่เธอยังทิ้งความทรงจำไว้ให้ผม” เจียงโม่หานคิดถึงเธอแล้วหัวใจก็พลันเจ็บปวดเล็กน้อย
พนักงานนำกาแฟมาเสิร์ฟแล้วถอยกลับไปอีกครั้ง
“คุณหลินลองชิมดูสิครับว่าเป็นยังไง” เจียงโม่หานพูด
จงเหยียนซีไม่ขยับ “ฉันไม่ชอบ”
“ทุกสรรพสิ่งที่อยู่บนโลกใบนี้ ต่างมีความหมายในตัวของมัน ก็เหมือนกับกาแฟถ้วยนี้ เดิมทีมันขม แต่หลังจากเติมนม มันก็ไม่ขมมากอีก และถึงขั้นว่ามีกลิ่นนม ถ้าชีวิตไม่ได้เป็นไปด้วยดี ทำไมยังต้องให้สิ่งที่เราทานเข้าไปเป็นรสขมด้วย…”
“ประธานเจียง!” จงเหยียนซีส่งเสียงขุ่นขัดจังหวะเขา ไม่อยากฟังเขาพูดอีก เพราะคำพูดพวกนี้เธอเคยพูดกับเขา
เป็นการขอให้เขาดื่มกาแฟใส่นมเหมือนตัวเอง ชักแม่น้ำทั้งห้าออกมายืดยาว
“พวกเรามาคุยเรื่องงาน ไม่ได้มาเพื่อฟังประธานเจียงพูดเรื่องกาแฟ ฉันไม่ได้ศึกษาไม่เข้าใจ และไม่อยากเข้าใจ ฉันมาเพื่อคุยเรื่องงานกับประธานเจียงเท่านั้น”
“ผมแค่รู้สึกว่าคุณหลินค่อนข้างคล้ายกับอดีตภรรยาของผม ผมจึงฟุ้งซ่านไปหน่อย”
เจียงโม่หานกลับเข้าธุระ “ผมอยากรู้ ว่าทำไมคุณหลินต้องโกรธแบบนี้”
“คุณไม่รู้เหรอ ไม่ใช่ว่าคุณให้คนของคุณไปหาฉัน เพื่อต้องการให้ฉันรายงานความคืบหน้าของโครงการให้คุณทราบหรือไงคะ”