ประตูห้องเปิดออก
“พวกคุณเข้ามาสิคะ” จงเหยียนซีพูดกับสองคนหน้าประตู
ชายสองคนโค้งให้เธอเล็กน้อย แล้วพูดว่า “คุณหนูใหญ่”
จงเหยียนซีพยักหน้าเล็กน้อย เบี่ยงตัวเพื่อให้พวกเขาเข้าห้อง
กระทั่งชายสองคนเข้าห้องแล้วจงเหยียนซีจึงปิดประตู
กู้เสียนที่ซ่อนอยู่ตรงมุม มองเห็นภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตาตัวเอง
ตอนนี้เขาสามารถมั่นใจได้แล้วว่าจงเหยียนซีรู้จักคนคนนั้น
แต่ว่า ในเมื่อเธอรู้จัก ทำไมไม่บอกตน
ทำไมเธอจงใจปิดบัง คิดว่าเขาเป็นเพื่อนหรือเปล่า
หัวใจเขาที่มีต่อจงเหยียนซีนั้นแจ้งชัด แต่กลับพูดกับตัวเองไม่ได้เลยสักคำว่าเสียใจ
ในห้อง
กวนจิ้งแนะนำทั้งสองคนให้กับจงเหยียนซี เขาชี้ไปยังหนึ่งในชายสองคน “เขาชื่อเถียนฉีเฟิง เป็นพี่ชาย”
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่อีกคน “เขาชื่อเถียนฉีลั่ง เป็นน้องชาย พวกเขาสองคนเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ก่อนหน้านี้ทั้งหมดอยู่ในหน่วยรบพิเศษ ฝีมือดีเยี่ยม คอยติดตามข้างกายเธอ เราก็จะได้วางใจ”
ได้ยินกวนจิ้งบอกว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน จงเหยียนซีก็มองทั้งสองคนขึ้นๆ ลงๆ ฝาแฝดโดยทั่วไปสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกว่าเป็นฝาแฝด แต่พวกเขากลับรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกัน น้องชายสูงกว่า
“พวกเราเป็นแฝดเทียมครับ” เถียนฉีเฟิงคนพี่มองความมึนงงของจงเหยียนซีออก จึงอธิบายว่า “ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่มีพี่ชาย พวกคุณก็เป็นฝาแฝดกัน”
จงเหยียนซีพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตอนเป็นเด็กเรารูปร่างหน้าตาเหมือนกันมากค่ะ”
ต่อให้โตขึ้นก็ยังเหมือนกันมาก เพียงแต่เพราะว่าเธอเป็นผู้หญิง ดังนั้นจึงเตี้ยกว่าพี่ชาย แต่ก็ไม่ได้กีดขวางการดูเหมือนพ่อแท้ๆ ของพวกเขา
โดยเฉพาะจงเหยียนเฉิน
“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณคงเป็นฝาแฝดที่เหมือนกัน” เถียนฉีเฟิงพูด
ฝาแฝดที่เหมือนกัน ไข่หนึ่งใบผสมสเปิร์มสองตัวในเวลาเดียวกัน ในระยะหลังจะแบ่งออกเป็นสองถุงตั้งครรภ์ เหมือนฝาแฝดทั่วไป ทั้งสองคนจึงรูปร่างหน้าตาเหมือนกันมาก
ส่วนฝาแฝดเทียม คือการปฏิสนธิระหว่างไข่สองใบกับอสุจิสเปิร์มสองตัว ยีนที่ย้อมสีตัวอ่อนแฝดเทียมแตกต่างกัน ดังนั้นรูปลักษณ์ภายนอกจึงมีความแตกต่างกันมาก
แต่ก็มีข้อยกเว้น มีแฝดเทียมที่ได้ลักษณะเหมือนกัน แต่มันเป็นส่วนน้อย
“ต่อจากนี้พวกเขาจะเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเธอ” กวนจิ้งพูด
จงเหยียนซีพูด “ได้ค่ะ”
เธอมองทั้งสองคน “ต่อจากนี้ ต้องรบกวนพวกคุณทั้งสองแล้วนะคะ”
สองพี่น้องท่าทางซื่อสัตย์ “นี่คือสิ่งที่เราควรทำครับ”
กวนจิ้งลุกขึ้นยืน “ฉันมาที่นี่ระยะหนึ่งแล้ว ควรได้เวลากลับสักที คดีของหลิงเวย ตอกตะปูปิดตายแล้ว คราวนี้เธอไม่มีโอกาสได้ออกมาสร้างปัญหาวุ่นวายอีกแน่นอน”
“คุณต้องกลับไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ” จงเหยียนซีรู้สึกว่ามันเร็วเกินไปหน่อย เธอยังไม่ได้คิดให้ดีเลยว่าต้องบอกเรื่องของกู้เสียนกับเขาหรือเปล่า
“อืม ไม่อยากให้ฉันไปเหรอ” เขาพูดติดตลก
จงเหยียนซีครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าไม่อย่างนั้นทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะคะ ฉันจะเรียกเพื่อนของฉันมาค่ะ”
กวนจิ้งตอบรับอย่างเต็มใจ “ได้สิ”
“ฉันยังมีธุระ พวกเขาสองคน จากนี้ไปก็จะคอยติดตามเธอ จริงสิ” เขาเอากุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วยื่นส่งให้ “ให้เธอไว้ใช้ ไม่มีรถไม่สะดวก”
เธอรับมา แล้วเธอก็เดินไปส่งกวนจิ้งที่ประตูห้อง
“ตอนเย็นกี่โมง เธอก็โทรหาฉันแล้วกัน” กวนจิ้งพูด
“ได้ค่ะ ถ้าฉันจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ฉันจะโทรหาคุณนะคะ”
เธอยืนอยู่ที่ประตูมองดูกวนจิ้งเข้าลิฟต์ไป ตอนที่เธอหมุนตัวกำลังจะเข้าห้อง กู้เสียนปรากฏตัวข้างหลังเธอไม่รู้เมื่อไร มาจับข้อมือของเธอ
จงเหยียนซีสะดุ้งตกใจ เพิ่งคิดว่าจะร้องตะโกนให้คนช่วยแต่เมื่อหันหน้ากลับไปก็พบว่าเป็นกู้เสียน เธอถามด้วยความประหลาดใจ “คุณไปบริษัทแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังอยู่ที่นี่”
กู้เสียนมองเธอด้วยสีหน้าขุ่นมัว ถามกลับว่า “คุณคิดว่าผมเป็นเพื่อนหรือเปล่า”
“แน่นอนสิ” จงเหยียนซีพูด
“เหอะ จริงเหรอ งั้นทั้งทั้งที่คุณรู้จักเขา ทำไมไม่บอกผม” กู้เสียนเหวี่ยงมือของเธอทิ้งอย่างผิดหวัง
เขาตั้งใจเป็นเพื่อนกับเธอจากใจจริง ส่วนเธอทั้งทั้งที่รู้ว่าพ่อของเขาเป็นใคร แต่กลับไม่บอกเขา
“อะไร…” ไม่นานจงเหยียนซีก็ตระหนักได้ถึงความหมายในคำพูดของเขา เธอหันหน้าไปมองยังลิฟต์ที่กวนจิ้งเข้าไป รูม่านตาค่อยๆ เบิกกว้าง เขาเห็นแล้วเหรอ
ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่โกรธ
“กู้เสียนคุณฟังฉันอธิบาย…”
“ยังมีอะไรต้องอธิบายอีก ดูท่าทางพวกคุณสนิทกันมาก คงจะไม่ใช่เพิ่งรู้จักกัน และคุณมีโอกาสมากมายที่จะบอกผม แต่คุณกลับไม่พูด” พูดจบเขาก็หันหลังแล้วเดินไป
“กู้เสียน!” จงเหยียนซีไล่ตามไป “คุณฟังฉันอธิบาย…”
“อธิบายก็คือการปิดบัง ที่คุณไม่บอกต่างหากคือความจริง ยังมีอะไรต้องอธิบายอีก” กู้เสียนไม่ให้โอกาสเธอได้อธิบายเลย ฉวยโอกาสขณะที่ประตูลิฟต์ข้างๆ เปิดออก รีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว