เจียงโม่หานคลิกเปิดที่อุปกรณ์กล้องวงจรปิดในบ้าน เพื่อเช็กดูว่ามีใครมาเข้ามาใช้งานหรือไม่ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง อันดับแรกเขาเช็กดู
ภาพจากกล้องตอนที่เขาขอหย่า ซึ่งก็เป็นวันเดียวกันกับวันที่จงเหยียนซีเกิดเรื่อง เมื่อปรับเวลาแล้ว ก็คลิกเปิดดู ปรากฎว่า ภาพจากกล้องในวัน
นั้นกลับไม่มีแล้ว
เห็นได้ชัดว่ามีคนมาเข้ามาใช้งาน
เขาคิด คนที่เข้ามาใช้งานน่าจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่ให้บSBนั้นแก่เขา เขาน่าจะคิดได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าพ่อแม่ของเธอไม่ควรจะสงบ
ขนาดนั้น ถ้าหากว่าเธอเสียชีวิตจริง ๆ เกรงว่าเขาก็คงไม่สามารถมีชีวิตถึงตอนนี้ได้
หลักฐานสักนิดก็ไม่มี อาศัยการเดาล้วน ๆ เขามั่นใจว่าหลินลุ่ยซีจะต้องเป็นจงเหยียนซีอย่างแน่นอน
ยิ่งมั่นใจก็ยิ่งกลัว
กลัววินาทีที่ความจริงนั้นปรากฏ เขาควรจะไปเผชิญหน้าอย่างไร
เมื่อคิดว่าเธอนั้นไม่ได้รักเขาอีกต่อไป หัวใจก็เจ็บปวดจนหายใจไม่ออก
เขาเลื่อนเมาส์จะไปปิดอุปกรณ์ แต่บังเอิญไปคลิโดนประวัติ มีบันทึกหนึ่งเพิ่งจะเข้ามาดูเมื่อไม่นานเกี่ยวกับข้อมูลที่เขาเช็กดูเมื่อสักครู่
คือใครกันที่เข้ามาใช้งาน
เขาหรี่ตาลงฉับพลัน มีคนเคยมาที่นี่?
เพราะมีการล้างข้อมูล จึงไม่มีร่องรอยใด ๆให้หลงเหลือ
เขาตรวจเช็กดูเวลาบนประวัติ ไม่นานกล้องวงจรปิดหน้าประตูบ้าน เขาเห็นคนมีเดินเข้ามาจากหน้าประตู
เมื่อเห็นใบหน้าที่ชัดเจนของผู้หญิงคนนั้น มือของเขาก็ถึงกับสั่นเทา
เป็นเธอ เป็นเธอจริง ๆ ด้วย
เธอ–ยังไม่ตาย เธอกลับมาแล้ว
เลือดในตัวของเขาราวกับแข็งตัวขึ้นก็ไม่ปาน จ้องมองดูภาพคลิปตาไม่กะพริบ มองดูเธอเปิดประตูเข้ามา
เธอจำรหัสได้ คุ้นเคยกับทุกสิ่งในบ้านทั้งหมด
ดวงตาของเธอ.
มือของเจียงโม่หานที่วางอยู่บนโต๊ะได้กำแน่นขึ้น
ทำอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะระงับอารมณ์ในใจที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ตึงตัง
ในภาพคลิปเธอผลักประตูห้องหนังสือ เพราะว่าเงียบสงบเกินไป การเคลื่อนไหวแต่ละก้าวของเธออย่างเบาๆ ก็สามารถทำให้ได้ยินอย่างชัดเจน
เห็นเธอตรวจเช็กกล้องวงจรปิดในวันนั้น เห็นได้ชัดว่าเธอก็กำลังตรวจสอบเรื่องราวในวันนั้น ไม่นานก็พบว่าในวันนั้น คลิปที่เธอถูกพาตัว
คุณล่ะ”
ไปนั้นหายไปแล้ว
ตอนที่เธอจะจากไปนั้น ได้กระแทกโดนหนังสือเล่มหนึ่งบนโต๊ะ
นั่นเป็นหนังสือที่เจียงโม่หานคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เขาจ้องมองเธอที่มองดูรูปถ่ายในหนังสือ เห็นเธอตกใจมาก และฉับพลันก็เข้าใจทุกความเปลี่ยนแปลงของความเกลียดชังที่มีต่อเธอในทันที
เวลานี้เธอเจ็บปวดขนาดนั้น
เธอเซทรุดนั่งลงบนโซฟา พึมพำกับตัวเอง แต่ว่าแต่ละคำนั้นกระทบเข้ามาในใบหูของเจียงโม่หนอย่างชัดเจน
“เจียงโม่หานนะเจียงโม่หาน คุณโกหกฉัน ฉันมันโง่แค่ไหน ถึงได้เชื่อคุณ ถึงได้อยากคิดมีลูกกับคุณ”
เธอพยายามกลั้นน้ำตาแต่กลับไม่สามารถกลั้นอยู่ได้ จึง่ค่อยๆร่วงหล่นลงมา “ฉันอยู่กับคุณมาร่วมสามปี คุณไม่รู้จักฉันสักนิดเลยเหรอ
คุณรู้ไหมว่าฉันเองก็เกือบตายในอุบัติเหตุครั้งนั้น คุณอาเสิ่นก็หนีรอดจากความตายนั้น ทำไมคุณถึงได้คิดว่าพวกเราเป็นคนทำร้ายคุณแม่ของ
เธอกุมหัวใจเธอไว้ ทำอย่างไรก็ไม่สามารถระงับความรู้สึกที่รู้ความจริงได้ เธอเจ็บปวด เจ็บปวดที่เขาไม่รู้จักตัวเองมากพอ เจ็บปวดที่เขา
คิดว่าเธอเป็นแบบนั้น
ความเจ็บปวด ความเสียใจของเธอ ทุกคำที่เธอพูด ปรากฎขึ้นอีกครั้งต่อหน้าของเจียงโม่หาน
ที่ที่จงเหยียนซีเคยนั่งร้องไห้จนไม่เหลือหยดน้ำตา
เวลานี้เจียงโม่หานเจ็บปวดถึงทรวงใน
เขานั่งอยู่อย่างนี่ด้านหน้าโต๊ะหนังสือ โดยที่ไม่ขยับเขยื้อน มองดูคลิปครั้งแล้วครั้งเล่า
หัวใจจึงเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก
เวลาผ่านไปสักพักจนนานมาก
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วโทรหาหนานเฉิง ให้เขาไปสืบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้งนั้น
เขาจะต้องสืบให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้งนั้น
อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น?
ทางฝั่งหนานเฉิงรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมเจียงโม่หานถึงต้องการอยากสืบเรื่องที่ผ่านไปนานมากอย่างกะทันหัน เพราะถึงอย่างไร
อุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้นสาเหตุก็มาจากตระกูลจง
แม่ของเจียงโม่หานก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น
ยังมีอะไรที่ต้องสืบอีก
“รายละเอียดความเป็นมาเป็นไปทั้งหมดต้องสืบมาให้ชัดเจน ในช่วงนี้ นายไม่ต้องสนใจเรื่องของบริษัท ให้ไปสืบเรื่องนี้อย่างเดียวพอ”
หนานเฉิงกล่าว “ครับ”
ถึงแม้ว่าอยากรู้แต่ก็ไม่ได้ถาม
เมื่อวางสายลง เยงม่หานก็วางโทรศัพท์ลง ยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง
ตั้งแต่ฟ้าสว่างยันมืดค่ำ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นานจนตัวเขาเองก็ลืมเวลา
ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ยามค่ำคืนถูกปกคลุมไปด้วยดวงดาว
เขายืนอยู่คนเดียว มองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงดาวตกพาดผ่านอบนท้องฟ้า เขาเอื้อมมือออกไปคว้าจับดวงดาวที่ร่วงตก รอยยิ้มที่สดใส
ของเธอหยุดนิ่งอยู่ในใจของเขา
ดวงดาวที่ร่วงตกจะรั้งให้หยุดตกได้อย่างไร
หยดน้ำตาทำให้ดวงตาพร่ามัว และเธอจะไม่เผชิญหน้ากับตัวเองด้วยรอยยิ้มที่สดใสอีก
เจียงโม่หานอยู่ในบ้านคฤหาสน์เป็นเวลาสองวันสองคืน โดยที่ไม่ยอมพบใคร ไม่ยอมสะสางงานใดๆ
จนกระทั่งวันที่สาม เขาปรากฏตัวที่บริษัท
ยังคงมีลักษณะเย็นชาเฉยเมยเช่นเดิม
และก็ไม่มีใครรู้ว่าสองวันมานี้เขาใช้ชีวิตอย่างไร และเจอะเจออะไรมาบ้าง
รถได้มาจอดอยู่ที่หน้าบริษัท
เขาผลักประตูรถและลงจากรถด้วยชุดสุทสีดำที่ดูเนี้ยบ ใบหน้าที่สะอาดสะอ้าน ไม่มีร่องรอยหมองหม่น
เขาที่กำลังจะมุ่งหน้าไปทางตึกอาคาร มีรถคันหนึ่งได้มาจอดเทียบข้างๆ กู้เสียนเห็นเจียงโม่หานจึงลดกระจกลง ยิ้มแล้วมองเขา
“ประธานเจียง”
เนื่องจากข่าวด้งกล่าวได้รับการชี้แจงแล้ว ส่วนข่าวเรื่อง’ค้างแรม’ก็ได้กลับคืนสู่ความสงบ
เพราะฉะนั้นอารมณ์ของกู้เสียนจึงดีเป็นพิเศษ
เห็นท่าทางของเจียงโม่หานจึงรู้สึกสะใจ
ท่าทางของเจียงโม่หานเย็นชา ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขา แต่ว่าสายตานั้นมองไปยังหญิงสาวที่ผลักประตูรถแล้วลงมา
มือของเขางอแล้วก็ค่อยๆกำแน่นขึ้น