อยากเล่าความในใจ ทว่าเป็นเพียงแค่ความวู่วามเพียงชั่วครู่เท่านั้น
เคยชินกับการเป็นคนไม่ค่อยพูด แม้ว่าอยากจะเปิดใจให้คนสักคนหนึ่ง ก็ต้องใช้เวลานิดหน่อย
เขาเกิดในตระกูลนี้ เขาก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ของตระกูลนี้ รักษาเกียรติอันสูงส่งของตระกูล
มีหลายครั้งที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง
เขาอยู่ในสังคมนี้ พัวพันกับเรื่องประโยชน์มากเกินไป
“ขอบคุณนะ”
ซงเก้นพูดด้วยความดีใจ และรู้สึกขอโทษ
วันนี้พาเธอออกมา สร้างความลำบากให้เธอไม่น้อยเลย
จงเหยียนซีเข้าใจเขา และไม่ถือสาจริงๆ
“ถ้าหากให้คุณเลือกอีกครั้งหนึ่ง คุณยังจะเลือกเกิดในตระกูลแบบนี้ไหม?”
เธอเอ่ยถามขึ้นมากะทันหัน
ซงเก้นไม่ลังเล “แน่นอน”
เขาไม่ได้อาลัยอาวรณ์ว่าตระกูลแห่งนี้นำพาอะไรมาให้เขา แต่ตระกูลนี้ให้ความอบอุ่นแก่เขา
จงเหยียนซี เธอเข้าใจความรู้สึกของซงเก้นเป็นอย่างดี บ้านหลังนี้ให้ครอบครัวที่อบอุ่นแก่เขา ในขณะเดียวกันก็ทำให้จำเป็นต้องรับมือกับความสัมพันธ์ของคนในวงสังคมนี้
จำเป็นต้องไปมาหาสู่กับคนและเรื่องพวกนี้
เธอยิ้มให้ชงเก้น “ฉันเห็นใจคุณ”
ท่วงทีของเธองดงามมาก ดวงตาหยีเหมือนดวงดาวในค่ำคืนนี้ที่สุกสกาวอย่างนั้น
งานเลี้ยงสุดสิ้นลงเมื่อใกล้ถึงห้าทุ่ม ตอนงานเต้นรำโอดีสเต้นรำกับองค์หญิงอยู่ตลอด ในงานเลี้ยงทั้งสองคนแทบจะเหมือนเงาตามตัวไม่ห่างกันเลย
เห็นได้ชัดมา โอดีสอาจจะแต่งงานกับองค์หญิง อีกทั้งมีความเป็นไปได้ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
นอกจากโอดีสและองค์หญิง ก็คือผู้ที่ชอบพายัมก็มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ คอยคุยกับเธออยู่ตลอดงาน จนทำให้เธอไม่มีเวลามาหาซงเก้น
งานเลี้ยงครั้งนี้ยังถือว่าผ่านไปได้อย่างสงบ
นอกเสียจากเหตุการณ์แทรกซ้อนนั่นช่วงระหว่างงาน
ทุกอย่างดูเหมือนราบรื่น ตอนที่ถึงประตูบ้าน กลับพบเจอเหตุการณ์แทรกซ้อนอีกอย่าง
เจียงโย่เซียนไล่ตามคนไม่ได้ ก็เลยไม่ไป จึงนั่งงอมืองอเท้าอยู่ที่นี่
เห็นรถยนต์คนนั้นที่เห็นเมื่อตอนบ่ายกลับมา เขาจึงวิ่งตามข้างสวนหย่อมมา ตอนที่รถกำลังเลี้ยวเข้าลานหน้าบ้าน เจียงโเชียนขวางหน้ารถเอาไว้
ไฟรถสว่างจ้า เขามองคนในรถไม่ชัด แต่ว่าแน่ใจได้ว่า จงเหยียนซีต้องอยู่ในนั้น เขาจะเลขทะเบียนรถได้
“พี่สะใภ้ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” เจียงโม่เซียนอ้าแขนยืนอยู่หน้ารถ มีความเป็นไปได้ว่าจงเหยียนซีไม่ลงมา เขาก็จะไม่ไป
จงเหยียนซีที่นั่งอยู่ในรถสามารถเห็นคนที่ยืนอยู่หน้ารถได้ชัดเจน เธอขมวดคิ้ว
ซงเก้นลังเลนิดหน่อย “ให้ผมลงไปคุยกับเขาให้ชัดเจนไหม?”
จงเหยียนซีส่ายหน้า “ช่างเถอะค่ะ ให้ฉันไปคุยกับเขาดีกว่า”
ซงเก้นเม้มปากเล็กน้อย ไม่พูดอะไร
จงเหยียนชีลงรถ ปิดประตูแล้วพูดกับเขา “คุณกลับไปก่อนเถอะ”
คนขับรถหันไปมองข้างหน้า ซงเก้นบอกว่าไปเถอะ คนขับรถจึงจะขับไป
หลังจากรอให้รถไปแล้ว จงเหยียนซีจึงเดินมา สายตาของเจียงโเซียนกลับจ้องมองรถที่ขับไปแล้ว ระหว่างที่ขมวดคิ้วก็เอ่ยถาม “ผู้ชายคนนั้นที่อยู่ข้างในเป็นใคร?”
จงเหยียนซีไม่ตอบเขา ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไร?”
เจียงโยเซียนไม่ยอมแพ้ ซักไช้ถามจนถึงที่สุด “ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน?”
เขามาช่วยพลิกสถานการณ์ให้เจียงโม่หานเพื่อให้เธอกลับไป ตอนนี้ข้างกายเธอปรากฎผู้ชายแปลกหน้า เขาจะต้องถามให้ชัดเจนอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะให้คำอธิบายกับเจียงโม่หานยัง
“เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ที่ฉันถามคุณคือ คุณมาที่นี่ทำไม?” จงเหยียนซีสายตาเย็นชา “ถ้หากเกี่ยวข้องกับเจียงโม่หาน อย่างนั้นคุณก็ไปได้เลย ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ถ้าหากเป็นเรื่อง
ส่วนตัวของคุณ อย่างนั้นคุณก็รีบพูดมา”
“ฉันมาหาเธอ แน่นอนว่าเพื่อพี่ชายของฉัน ขาเขาได้รับบาดเจ็บ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มาหาเธอหรอก พี่ชายเขายังสนใจคุณอยู่ ฉันหวังว่าเธอจะให้โอกาสเขา เขากระทำผิดไป แต่ว่าทำผิดเขารู้
ว่าต้องแก้ไขให้ถูกต้องก็ได้แล้ว เธอให้อภัยเขาเถอะนะ”
“ถ้าหากนี่เป็นสิ่งที่คุณต้องการบอกกับฉัน คุณพูดจบแล้ว ก็เชิญออกไปเถอะ”
พูดจบจงเหยียนซีก็สาวเห้าเดินเข้าไปในลานบ้าน เจียงโยเซียนเห็นเธอจะไป จึงร้อนใจพุ่งมาจับแขนของเธอไร”เธอต้องปฏิบัติกับพี่ชายฉันอย่างไร้ความเมตตาขนาดนี้จริง ๆ เหรอ?”
จงเหยียนซีสะบัดมือของเขาออกอย่างไม่พอใจ แค่รู้สึกว่าเขาน่าข้น “เราหย่ากันแล้ว ยังมีความสัมพันธ์อยู่อีกงั้นเหรอ?”
“หย่าแล้วก็แต่งใหม่ได้” เจียงโม่เซียนคิดว่าเมื่อก่อนเป็นสามีภรรยา หย่าร้างแล้วก็แต่งงานใหม่ดี ดีกว่าการหาใหม่
“ไม่มีทาง ทั้งชีวิตนี้ก็ไม่มีทาง!” เธอต้ดเยื่อใย เจียงโเซียนไม่เชื่อ “เพราะอะไร?”
ไม่รอให้จงเหยียนซีตอบ เขาก็ชี้ไปในลานบ้าน “เพราะผู้ชายคนนั้นเหรอ? เร็วขนาดนี้เธอก็หาได้แล้วเหรอ?”
ในภาพความทรงจำของเจียงโม่เชียน ภาพความทรงจำที่จงเยนซีอยู่ในความคิดเขายังคงเป็นเต็กสาวที่ลุ่มหลงเจียงโม่หาน
ตอนนี้จู่ ๆ เธอเย็นชาขนาดนี้ และท่าทีหนักแน่น จึงทำให้ไม่เชื่อเล็กน้อย
“เธอทำแบบนี้ได้ยังไง พี่ชายฉันรักเธอนะ!” เจียงโม่เซียนจับแขนของจงเหยียนซีไว้อีกครั้ง “ทำไมเธอถึงเปลี่ยนใจได้ล่ะ?”
“คุณปล่อยฉันนะ!” จงเหยียนชีพยายามออกแรงดิ้นให้เป็นอิสระ
เจียงโย่เซียนไม่ยอมต้องการแต่จะถามว่าเพราะอะไร
“เพราะอะไร? เป็นเพราะอะไรกัน?”
“ไม่ว่าเพราะอะไรก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ตอนนี้ปล่อยฉันเดี่ยวนี้!” จงเหยียนซีถูกเขาขวางจนเริ่มโมโห
“ฉันไม่ปล่อย เธอจะต้องบอกฉันให้ชัดเจน” เจียงโเซียนดึงดันจะซักถาม “เป็นเพราะอะไรกัน? ฉันไม่เชื่อว่าเธอไม่รักพี่ชายฉันแล้ว ตอนแรกเธอรักเขามากแค่ไหน ชอบเขามากแค่ไหน ฉันรู้
ทั้งหมด”
จงเหยียนซีโต้ตอบกลับอย่างรวดเร็วแต่สงบนิ่ง ยิ้มประชดประชัน “ใช่ เมื่อก่อนฉันชอบเขา ไม่อย่างนั้นคงไมแต่งงานกับเขา อย่างนั้นฉันถามคุณนะ เรื่องที่เขาทำกับฉันมีมากไหน คุณรู้บ้าง
ไหม?”
เจียงโย่เชียนเงียบสนิทในชั่วพริบตา
“ฉันเกือบจะตายเลย คุณรู้ไหม?” เธอเอ่ยถาม
เจียงโย่เชียนตอบ “ฉันรู้ ครั้งนั้นไฟแรงจนลงข่าว บอกเธอตายแล้ว ตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่ ฉันรู้สึกยินดีและดีใจมาก”
“ดีมาก ฉันขอถามคุณนะ คุณรู้ไหมทำไมฉันถึงหย่า?”
เจียงโย่เซียนส่ายหน้า
“เจียงโม่หานเป็นคนเสนอก่อน”
เจียงโย่เชียน …..
“เขารักฉันไหม? เขาเข้าใกล้ฉัน แต่งงานกับฉัน เพราะต้องการแก้แน เพื่อการการแน เขาหลอกลวงความรู้สึกที่มีต่อฉัน ใช้ผลประโยชน์ความรักที่ฉันมีให้เขา สุดท้ายเพราะว่าเขา ฉันถูก
ทำร้ายจนเกือบตาย คุณรู้บ้างไหม? ตอนที่เขาขอหย่า ฉันท้องลูกของเขา เขาไม่ให้โอกาสฉันเลยสักนิด คุณรู้ไหม ตอนนั้นเขาตัดเยื่อใยมากแค่ไหน? เจียงโเชียน ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงมีความ
สัมพันธ์ที่ดีขนาดนี้กับเขากะทันหัน มาไกลขนาดนี้เพื่อมาไกล่เกสี่ย ฉันอยากถามคุณแค่เพียงประโยคเดียว คุณถูกคนใช้ประโยชน์ หลอกลวง ทำร้ายถึงขนาดนี้ คุณจะยังให้อภัยไหม?”
เจียงโย่เซียนนิ่งเงียบ
จงเหยียนซีพูดมากมายขนาดนี้ เขารู้เพียงน้อยนิด
ตอนนั้นเจียงโม่หานแต่งงานกับจงเหยียนซี เขานึกว่าเพื่อความรัก
ต่อมาหย่าร้าง ตอนนั้นเขานึกว่าพวกเขามีปัญหาเรื่องอารมณ์
นึกไม่ถึงว่า กิ่งทองใบหยกในตอนนั้น เป็นเพียงการคิดร้าย
เรื่องนี้…..เนือความคาดหมายเกินไปมาก
เรื่องนี้ถ้าหากเกิดขึ้นกับตัวเธอจริง ๆ เธอต้องคิดให้ดี ๆ จริงๆ
แต่ว่าไม่นานเขาก็นึกถึงว่าตัวเองมาทำอะไร
“ตอนนี้พี่ชายของฉันต้องเสียใจอยู่แน่ ๆ ”