ความมืดครึ้มภายในห้อง ภาพด้านหลังประตูนั้นดูมืดมิด ต้องใช้แสงไฟจากห้องรับแขกที่สาดเข้ามาในห้องจึงทำให้เธอเห็นเงาดำของใครบางคน
มือที่จับลูกบิดประตูนั้นเกร็งไปหมด เดิมที่คิดว่าตัวเองจะสามารถทำตัวแข็งแกร่งได้ไม่สะทกสะท้าน แต่พอเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพ่อแม่จริงๆแล้ว อารมณ์ที่กดเอาไว้ก็พรั่งพรูออกมาโดยไม่รู้ตัว
ก่อนที่จะเปิดปากพูดขึ้น “พ่อ ”
จงจิ่งห้าวไม่ได้อยากจะโทษอะไรเธอเลย ผ่านเรื่องราวมามากมายเธอก็คงจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และได้เติบโตขึ้นแล้ว
” พ่อ หนูผิดไปแล้ว ” จงเหยียนซีโผตัวเขาไปกอดเขา จริงๆ แล้วเธอไม่อยากร้องให้ต่อหน้าพ่อแม่ แต่อารมณ์ที่มีไม่เป็นใจเลย
เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ ตลอดหนึ่งปีภาพความเจ็บปวดนั้นได้ย้อนเข้ามาวนอยู่ในหัวเธอซ้ำๆ ราวกับภาพยนตร์ฉากใดฉากหนึ่ง มันช่างชัดเจนและลึกซึ้ง
จงจิ่งห้าวลูบไปที่หลังของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ”
ชีวิตนี้สิ่งที่เขาคาดการณ์ผิดที่สุดก็คือเจียงโม่หาน เขามั่นใจว่าการที่ลูกของเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมันอาจจะทำให้เจียงโม่หานรักลูกเขาบ้าง แต่กลับเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่นี้ขึ้นได้
” ไม่ใช่ ทางเดินหนูเป็นคนเลือกเอง ” จงเหยียนซีเช็ดน้ำตา
เธอไม่สามารถโทษเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น เธอยอมรับว่าตัวเองผิด และยอมรับผลที่ตามมาทั้งหมด แล้วเธอจะไม่ยอมให้พ่อแม่ต้องโทษตัวเองเด็ดขาด
จงจิ่งห้าวยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาที่ปรายตาของเธอ ในใจก็รู้สึกปีติยินดีที่ลูกยังปลอดภัย
หลินซินเหยียนนั่งอยู่ข้างเตียงหันหน้าออกไปยังหน้าต่างและหันหลังให้กับประตู เธอยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นชุดนอนเลยด้วยซ้ำ จงจิ่งห้าวก็เช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่นอน เพราะกำลังรอเธออยู่
จริงๆ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูแล้วไม่ได้เปิดทันที เป็นเพราะพวกเขาโทษตัวเองที่ไม่ปกป้องลูกของตัวเองให้ตึ จึงไม่กล้าที่จะเจอหน้าลูก และกลัวว่าเมื่อเจอหน้าแล้วจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
หลินซินเหยียนนั่งข้างเตียงเงียบๆ เป็นเงามืด ถึงแม้จะไม่ชัดเจน แต่ก็พอจะเห็นรางๆ ได้ว่า ไหล่ของเธอนั้นสั่นเครือ
ลูกสาวของเธอได้รับความทุกข์ระทมอันใหญ่หลวง มันยิ่งทำให้เธอปวดใจ
แต่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวรู้ว่าอารมณ์ตอนนี้ของเธอเป็นเช่นไร
จงเหยียนซีโผเข้าไปกอดเธอและอยากจะพูดขอโทษ แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ เพราะครั้งนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงมันก็คือการสารภาพผิด
สิ่งเดียวที่จะสามารถระบายความกลัดกลุ้มในจิตใจระหว่างกันได้ก็คือการโอบกอด ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน และร้องให้ไปด้วยกันในครั้งนี้
ชั้นบน
เสิ่นซินเหยานอนไม่หลับ เกรงว่าคืนนี้คงไม่มีใครหลับลง เธอจึงลุกขึ้นและผลักประตูเข้าไปยังห้องนอนของจวงเจียเหวิน
ในห้องไม่ได้เปิดไฟ แต่ผ้าม่านไม่ได้ถูกลากปิด แสงไฟนอกหน้าต่างสาดส่องเข้ามาภายในห้อง ทำให้ไม่รู้สึกว่าห้องมันมืดเกินไป
เธอกอดหมอนเอาไว้และยืนอยู่หน้าประตู ” ฉันนอนไม่หลับ ”
จวงเจียเหวินยังไม่นอน เมื่อประตูมีเสียงกระทบเขาก็พอจะรู้แล้ว จึงมองผ่านแสงไฟไปยังเธอ ” นอนไม่หลับก็นับแกะสิ ”
” นับแกะแล้วก็ยังนอนไม่หลับนี่ ” เสิ่นซินเหยาทำเสียงออดอ้อน
จวงเจียเหวินขยับตัวเข้าไปข้างใน และเว้นที่ว่างบนเตียงไว้ให้กับเสิ่นซินเหยา ” มานี่สิเดี๋ยว ผมกล่อมคุณนอนเอง ”
เสิ่นซินเหยากอดหมอนแล้ววิ่งเข้ามา จากนั้นก็เลือกผ้าห่มแล้วเข้าไปนอนกกกับเขา หมอนที่ถือมาก็ไม่ใช้แล้ว จึงโยนไปไว้ปลายเตียง และใช้แขนของจวงเจียเหวินหนุนแทน
จวงเจียเหวินลูบไปที่หลังของเธอ ” นอนซะเด็กดี นอนซะเจ้าเด็กน้อย อื้อ….
เสิ่นซินเหยาเอามือปิดปากของเขาไว้ ” ฉันไม่ใช่เด็กน้อยสักหน่อย นายต่างหากที่ป็นเด็กน้อย วันนี้พี่สาวยังเรียกนายว่าลูกน้อยอยู่เลย ”
โตขนาดนี้แล้ว ยังถูกเรียกว่าลูกน้อยมันก็น่าตลกดี
ยิ่งคิดก็ทำให้เธอขำออกมา
จวงเจียเหวินว่าถูกคนแทงใจดำแล้ว ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ” ห้ามเรียกผมแบบนี้นะ ”
” ตอนคุณยังเด็กก็ชื่อลูกน้อยไง พอโตมาทุกคนก็เลยเรียกแบบนี้ ฮื้อ…..
เธอยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกใครบางคนปิดปากเอาไว้ เหมือนกับที่เธอปิดปากจวงเจียเหวิน แต่เป็นคนละวิธีกัน เธอใช่มือปิด แต่จวงเจียเหวินใช้ปากปิดแทน
ทันทีที่ทั้งสองได้จบกัน อ้อมกอดและรสจบของทั้งคู่ได้ร้อนแรงและลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งสองอายุต่างกันไม่เท่าไหร่ แต่ก็ยังจัดว่าเป็นหนุ่มสาวกันทั้คู่ อยู่ใกล้ก็เหมือนไฟใกล้น เป็นธรรมดาที่เมื่อมั่นร้อนแรงขึ้นก็ทำให้เกิดไฟปรารถนา ทั้งสองเลยรีบมอดไฟกองนั้นแล้วผละออกจากกัน
แล้วนอนเหยียดกายอยู่บนเตียง
ลบหายใจนั้นหอบหนัก
พอผ่านไปสักพักทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ จวงเจียเหวินมองไปที่เพดานแล้วพูดว่า ” คุณเข้ามาห้องผมกลางดึกแบบนี้ ไม่กลัวผมควบคุมตัวเองไม่ไหวเหรอ? ”
” ฉันเชื่อใจคุณ ” เสิ่นซินเหยาตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสนิท
” จวงเจียเหวินขำด้วยเสียงแหบแห้ง ” ผมยังไม่เชื่อใจตัวเองเลย ”
” ฉันเชื่อคุณได้อยู่แล้วล่ะ “เสิ่นซินเหยาเอียงตัวเข้าหาเขา ” คุณว่าตอนพี่สาวเจอพ่อกับแม่จะร้องไห้ไหม?”
” ไม่รู้สิ ” จวงเจียเหวินตบเธอเบาๆ ” นี่ก็ดึกมากแล้ว นอนเถอะ ”
“วันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร รู้สึกไม่ง่วงเลย ” เสิ่นชินเหยามองมาที่เขา ” คุณหลับลงเหรอ?”
จวงเจียเหวิน ” นอนไม่หลับหรอก ”
” แล้วคุณยังจะให้ฉันนอนเนี่ยนะ ” เสิ่นซินเหยาบ่น
จวงเจียเหวินขำ จากนั้นก็ยื่นมือไปลูบหัวเธอ ” ตอนเช้าคุณออกจากห้องผมไป ไม่กลัวผู้ใหญ่เห็นเหรอ?”
เสิ่นซินเหยาถูกพ่อแม่สอนมาว่ให้รักตัวเอง แล้วเธอมาที่อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่เสมอ เธอจึงไม่ยอมทำตัวหรือประพฤติตนให้ออกมาดูไม่งามเป็นอันขาด
แล้วเธอก็ยังเป็นหญิงสาวที่กตัญญูและโอบอ้อมอารีอีกต่างหาก
เสิ่นซินเหยาจึงลุกจากเตียงขึ้นมานั่ง ” ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณหลับหรือยัง แล้วตอนนี้ฉันจะกลับห้องแล้ว ”
จริงๆ แล้วเธอแค่อยากจะอยู่ใกล้ๆ จวงเจียเหวินเท่านั้น เพราะดูเหมือนคืนนี้เขาจะมีเรื่องในใจ อีกอย่างเรื่องที่เกิดก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเขา ทุกวันนี้กลับมาบ้านอย่างปลอดภัยก็นับว่าเป็นโชคดี
ในช่วงเวลาแบบนี้ เธอแค่อยากจะอยู่ข้างกายเขาเท่านั้น
เธอกอดหมอนของตัวเองเตรียมที่จะไป แต่ปรากฏว่าถูกจวงเจียเหวินดึงชายเสื้อเอาไว้ ” อย่าไป ”