ตอนที่ 2,961 : องค์ชาย 9 แห่งประเทศตันจี้
‘หืม? นี่พวกมันรู้จักกันงั้นรึ?’
พอเห็นชายหนุ่มชุดม่วงยื่นส่งกระบี่อมตะจอมราชันให้ชายวัยกลางคนชุดขาวหน้าตาเฉย ลูกตาของชายชราเคราขาวก็อดไม่ได้ที่จะหดเล็กลง สีหน้ายังกลับกลายเป็นปั้นยากขึ้นมาทันใด
‘พลังฝีมือของเจ้านั่น…อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นขุนนางอมตะ 6 ผสาน’
ชายชราเคราขาวนั้น ด่านพลังฝึกปรือรั้งอยู่ในขอยเขตขุนนางอมตะ 4 รูป เช่นนั้นหลังได้เห็นวิธีการลงมือของชายวัยกลางคนชุดขาว ก็ทำให้มันประเมินระดับพลังฝีมือของอีกฝ่ายได้ทันที ว่าสมควรเหนือกว่ามัน 2 ขั้นขึ้นไปเป็นอย่างต่ำ
เพราะหากด่านพลังฝึกปรือของอีกฝ่ายเหนือกว่ามันแค่ขั้นเดียว คงเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะไม่เห็นการลงมือของอีกฝ่ายแบบนี้
‘ดูเหมือนความเป็นมาเจ้าหนุ่มทั้ง 2 กับเจ้านั่นจะไม่ต่ำทรามเสียแล้ว…’
ชายชราเคราขาวลอบกล่าวในใจ
อย่างไรก็ตามแม้มันจะคิดแบบนั้น แต่ก็หาได้แยแสไม่!
นั่นเพราะในสายตาของมัน ต่อให้คนพวกนี้มีฐานะความเป็นมาไม่ใช่ชั่วแล้วจะอย่างไร หรือจะเทียบได้กับองค์ชาย 9 ที่หนุนหลังมัน?
ที่สำคัญที่นี่ก็คือประเทศตันจี้ และองค์ชาย 9 ที่ว่าก็คือองค์ชาย 9 ของประเทศตันจี้แห่งนี้!
“มันเป็นกระบี่อมตะจอมราชันจริงๆ…”
หลังมองสำรวจกระบี่ในมือพักหนึ่ง ไป๋กังก็พยักหน้า จากนั้นค่อยหันไปเอ่ยคำกับหวงเจียหลงด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจียหลง กระบี่นี่มิใช่อันใดที่พวกเราจะรักษาได้…เจ้าเองก็สมควรเข้าใจเรื่องนี้ดีใช่หรือไม่?”
“ข้าเข้าใจดีอาไป๋”
หวงเจียหลงพยักหน้า
ทันทีที่หวงเจียหลงทราบว่ากระบี่เล่มนี้ก็คือกระบี่อมตะจอมราชัน มันก็รู้ดีว่านี่คือเนื้อเหนียวที่ไม่ใช่อะไรที่มันจะเคี้ยวได้ กระทั่งจวนเจ้าเมืองตู้อวิ๋นที่อยู่เบื้องหลังมันก็ไม่อาจรับประทานได้
กล่าวให้ชัดกระทั่งประเทศฝูชิวก็ยังไม่มีความสามารถที่จะรักษามันไว้
เพราะหากประเทศฝูชิวยืนกรานจักเก็บกระบี่เล่มนี้ไว้ใช้ หวงเจียหลงเชื่อว่าต่อให้ตระกูลราชวงศ์ประเทศฝูชิวจะไม่ถึงขั้นถูกฆ่าล้าง แต่ก็ไม่มีทางรักษากระบี่เล่มนี้ได้ไปตลอดรอดฝั่งแน่นอน
นั่นเพราะอาศัยพลังของประเทศฝูชิว ยังอยู่ห่างไกลเกินกว่าจะรักษาอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน!
อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันนั้น ไม่ต้องกล่าวถึงขุมกำลังระดับ 8 อย่างประเทศฝูชิวเลย ต่อให้เป็นขุมกำลังระดับ 7 อย่าง 3 นิกาย 2 ตระกูล ก็ไม่มีความสามารถจะกลืนเนื้อชิ้นนี้ได้ลงคอ
หากคิดจะกลืนเนื้อเลิศรสชิ้นนี้ลงคอให้ได้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นขุมกำลังระดับ 6 อย่างคฤหาสน์เฉวียนโยวเท่านั้น
เพราะขุมกำลังระดับ 6 อย่างน้อยๆก็มีตัวตนขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศคอยค้ำจุนอยู่
ตัวอย่างเช่นผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็คือตัวตนขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ!
“จะอย่างไรก็แล้วแต่ อาไป๋…”
ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดอะไรขึ้นได้ หวงเจียหลงก็หันไปมองกล่าวกับไป๋กังออกมาตามตรง “กระบี่อมตะจอมราชันเล่มนี้ กล่าวไปแล้ว นับว่าเป็นผลงานของน้องต้วนเสียส่วนใหญ่…”
“หากไม่ใช่เพราะได้คำชี้แนะของน้องต้วน ข้าคงไม่มีทางซื้อหินดิบรูปทรงกระบี่ที่เหลือเหล่านั้นมาแน่ และไม่มีทางได้รับกระบี่อมตะจอมราชันมาแบบนี้ได้เลย”
“เช่นนั้นนข้าหวังว่าอาไป๋จะตระหนักได้ถึงจุดนี้ และกล่าวรายงานเรื่องราวออกไปตามความเป็นจริง”
กล่าวถึงท้ายประโยคสีหน้าหวงเจียหลงก็แลดูจริงจังนัก
“พี่เจียหลง ท่านไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก…”
ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆทั้งคู่ หลังได้ฟังบทสนทนาเขาก็รู้ดีว่าทั้งคู่กำลังคิดจะทำอะไรกันอยู่
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดเลยว่าหวงเจียหลงเลือกจะส่งความดีความชอบเรื่องกระบี่อมตะจอมราชันเล่มนี้มาให้เขา
สิ่งนี้หมายความว่าอะไรเขารู้ดี
นั่นหมายความว่าไม่พ้นหวงเจียหลงต้องคิดแบ่งรางวัลครึ่งหนึ่งที่สมควรจะได้รับจากตระกูลพยัคฆ์เหินให้เขา!
เมื่อต้วนหลิงเทียนตระหนักเรื่องราวเหลานี้ได้ เขาก็เร่งกล่าวบอกปัดความหวังดีนี้ของหวงเจียหลงทันที “พี่เจียหลง ผลึกอมตะที่ใช้ซื้อมันมาล้วนเป็นของท่าน เช่นนั้นกระบี่อมตะจอมราชันเล่มนี้ ท่านก็คือเจ้าของที่แท้จริง”
“น้องต้วนท่านอย่าได้กล่าวอีกเลย ข้าตัดสินใจแล้ว”
นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่หวงเจียหลงยืนกรานปฏิเสธต้วนหลิงเทียนออกมาแบบนี้ เรียกว่าไม่เหลือพื้นที่ให้ต้วนหลิงเทียนต่อรองอะไร ทำให้ต้วนหลิงเทียนได้แต่ส่ายหัวไปมาด้วยรอยิ้มแหยๆอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเขารู้สึกว่าหวงเจียหลงไม่จำเป็นต้องทำอะไรพวกนี้เลย
ถึงแม้ว่าของรางวัลจากเผ่าพยัคฆ์เหินที่เขาอาจจะได้รับ คงมีค่าไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรางวัลเหล่านั้น
ถึงแม้จริงอยู่ที่เขาจะมีความดีความชอบเรื่องชี้นำให้หงเจียหลงซื้อหินดิบเหล่านั้นมา แต่ก็ไม่ได้มีค่าอะไรหากหวงเจียหลงไม่ตัดสินใจซื้อมาจริงๆ
“เสี่ยวเทียน เรื่องนี้เจ้าก็เอาตามที่เจียหลงว่าเถอะ…เจ้าหนูเจียหลงนี่ หากตัดสินใจไปแล้วอย่าว่าแต่ข้ากับบิดามันเลย ให้วัว 10 ลากฉุด ก็รั้งไว้ไม่อยู่หรอก”
พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนคิดจะปฏิเสธความดีความชอบ ไป๋กังก็กล่าวแทรกขึ้นมา
“เรื่องนี้ข้าเองก็รายงานท่านพี่เจ้าเมืองไปแล้ว…ตอนนี้พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”
ไป๋กังเอ่ยออกอีกครั้ง
ในขณะที่ไป๋กังกำลังจะเก็บกระบี่อมตะจอมราชัน และเตรียมจะพาพวกต้วนหลิงเทียนไปจากที่นี่ ก็ปรากฏร่าง 3 ร่างก้าวเข้ามาในร้าน และการปรากฏจัวของพวกมัน ยังสร้างความฮือฮาให้ผู้คนในร้านไม่น้อย
“องค์ชาย 9!”
“องค์ชาย 9!”
…
ชายชราเคราขาวผู้ดูแลร้าน กับพนักงานในร้านทั้งหมดก็เร่งโค้งคารวะทักทายผู้ที่พึ่งเข้ามาในร้านด้วยความเคารพทันที
ในบรรดา 3 ร่างที่ก้าวเข้ามาในร้านนั้น ผู้ที่นำหน้าสุดก็คือชายหนุ่มรูปงามในชุดคลุมเขียวดิ้นทอง ด้านหลังงเป็นชายชรา 2 คนที่ติดตามมั่งเงา ลักษณะแลดูไม่ธรรมดา
และทันทีที่พวกมันทั้ง 3 ก้าวเข้ามา ก็เอาแต่จับจ้องไปยังกระบี่อมตะจอมราชันที่ไป๋กังกำลังจะเก็บทันที
ด้วยสำนึกเทวะของพวกมัน ย่อมค้นพบได้ถึงความไม่ธรรมดาของกระบี่ดังกล่าวชัดเจน
“สหายทั้ง 3 ข้าคือองค์ชาย 9 แห่งประเทศตันจี้…ข้าเกรงว่ากระบี่เล่มนี้ต่อให้สหายทั้ง 3 จะนำออกไป แต่ก็คงมิอาจรักษาไว้ได้นานเป็นแน่ เช่นนั้นมิสู้ขายมันให้ข้าเสียประเสริฐกวาเล่า อย่างน้อยๆพวกท่านก็ไม่ต้องตายอย่างโง่งม แถมยังจะได้รับผลึกอมตะระดับสูงไปใช้มากมาย…”
ชายหนุ่มในชุดคลุมเขียวดิ้นทองที่เดินนำมานั้น มันก็คือองค์ชาย 9 แห่งประเทศตันจี้ และวาจาประโยคแรกที่เอ่ยออกมา ก็คิดบีบให้พวกต้วนหลิงเทียนต้องขายกระบี่อมตะจอมราชันออกไปแล้ว
“อันใด? หรือองค์ชาย 9 เองก็คิดใช้ผลึกอมตะระดับสูง 10,000,000 ชิ้นซื้อหากระบี่อมตะจอมราชันเล่มนี้เช่นเดียวกับตาแก่นั่นงั้นหรือ?”
หวงเจียยหลงมององค์ชาย 9 ด้วยสายตารังเกียจ มุมปากยกยิ้มแสยะ กล่าวประชดออกไปด้วยน้ำเสียงขบขัน
อย่าได้กล่าวถึงเรื่องที่อีกฝ่ายก็เป็นแค่องค์ชาย 9 ของประเทศตันจี้เลย ต่อให้เป็นองค์ชายของประเทศฝูชิวมาเอง หากกล้าหาเรื่องมัน ก็ต้องโดนดีกันบ้าง!
ตัวมันมีความมั่นใจในเรื่องนี้พอสมควร!
และต้นตอความมั่นใจของมันก็ไม่ได้มาจากบิดา แต่มาจากอาไป๋และผู้เฒ่าโม่!
และหากจะกล่าวว่าอาไป๋กับผู้เฒ่าโม่คือบ่อเกิดความมั่นใจของมันแล้วล่ะก็…
เช่นนั้นเผ่าพยัคฆ์เหิน กับเผ่าพญาอินทรีย์ขนดำ ก็คือบ่อเกิดความมั่นใจของอาไป๋และผู้เฒ่าโม่!
“ข้าได้ยินผู้เฒ่าในร้านของข้ากล่าวว่า…สหายทั้ง 3 คิดจะมอบกระบี่อมตะจอมราชันเล่มนี้ให้ขุมกำลังบางแห่งเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์งั้นหรือ?”
องค์ชาย 9 นั้นย่อมได้ฟังรายงานเรื่อราวที่เกิดขึ้นจากชายยชราเคราขาวมาแล้ว จงล่วงรู้ว่าทั้ง 3 คุยอะไรกันบ้าง จึงหยีตาเอ่ยถามชิมลางออกไป “ข้าสนใจยิ่ง…ไม่ทราบว่าสหายทั้ง 3 คิดส่งมอบกระบี่อมตะจอมราชันไปให้ขุมกำลังใด?”
และแทบจะทันทีที่องค์ชาย 9 กล่าวจบคำ ชายชราที่อยู่ด้านหลังของมันทั้ง 2 ก็มองจ้องไปยยังไป๋กังตาเขม็ง
“อันใด หรือคิดอาศัยขุนนางอมตะ 9 ตำหนักสองคนนี่…ลงมือบีบคั้นข้าไป๋กังคนนี้?”
ไป๋กังเหลือบมองชายชราทั้ง 2 อย่างไร้ซึ่งความหวั่นเกรงใดๆ มุมปากยังยกยิ้มแสยะเย้ยหยันออกมา
“ไป๋กัง?”
ได้ยินชื่อของไป๋กัง ชายชราทั้งสองอดขมวดคิ้วไม่ได้ พวกมันรู้สึกว่านามนี้ช่างคุ้นหูพวกมันนัก แต่ไม่ทราบว่าเคยไปได้ยินมาจากที่ไหน
“หึ! นี่น่ะหรือการต้อนรับอาคันตุกะของตระกูลราชวงศ์ประเทศตันจี้? ดูเหมือนว่าหลังกลับไปที่วัง ข้าต้องไปคุยกับฮ่องเต้ตันจี้หน่อยแล้วกระมัง?”
หวงเจียหลงกล่าวออกเสียงเย็น
กลับวัง?
ทันทีที่หวงเจียหลงเอ่ยวาจาประโยคนี้ออกมา ก็สร้างความตกใจให้ผู้คนในร้านนัก
เพราะฟังจากคำพูดของชายหนุ่ม ยังไม่ใช่อีกฝ่ายพักอาศัยอยู่ในวังหรอกหรือ?
“อาศัยอยู่ในวัง? อาคันตุกะ?”
“ไป๋กัง?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวงเจียหลง และพอย้อนนึกถึงชื่อไป๋กังขึ้นมาอีกครั้ง องค์ชาย 9 ของประเทศตันจี้ก็คล้ายจะฉุกคิดอะไรได้ออก หน้ายังเปลี่ยยนสีไปใหญ่หลวง
“ท่าน…ท่านคือใต้เท้าไป๋กังจากจวนเจ้าเมืองตู้อวิ๋น แห่งประเทศฝูชิวหรือ?”
องค์ชาย 9 มองไปยังไป๋กังอีกครั้งพลางกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ
“โฮ่ ดูเหมือนที่แท้ข้าก็มีชื่อเสียงโด่งดังไม่ใช่เล่น กระทั่งองค์ชายคนหนึ่งของประเทศตันจี้ยังรู้จักข้าด้วย…”
ไป๋กังเอ่ยออกเสียงเบา
และวาจาดังกล่าวของไป๋กัง ก็เป็นดั่งคำยืนยันข้อสงสัยให้องค์ชาย 9 อย่างไม่ต้องสงสัยเลย…
ไป๋กัง ผู้บัญชาการกองกำลังจวนเจ้าเมืองตู้อวิ๋น แห่งประเทศฝูชิว!
เมื่อฐานะของไป๋กังเปิดเผยออกมา สีหน้าชายชราทั้ง 2 ที่อยู่ด้านหลังองค์ชาย 9 ก็เปลี่ยนสีไปอย่างหนัก ขณะเดียวกันพวกมันก็ไม่หลงเหลือความกล้าจ้องหน้าไป๋กังสืบไป เร่งก้มหัวหลบตาลงงุดๆราวเด็กน้อยกลัวความผิด
ไป๋กัง แห่งจวนเจ้าเมืองตู้อวิ๋นจากประเทศฝูชิว เป็นคนของเผ่าพยัคฆ์เหิน เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับสำหรับประเทศเพื่อนบ้านของประเทศฝูชิวแม้แต่น้อย
และการคงอยู่ของเผ่าพยัคฆ์เหินต้นสังกัดไป๋กังในแดนสวรรค์ใต้นั้น ก็ไม่ใช่อะไรที่ฮ่องเต้ฝูชิวหรือฮ่องเต้ตันจี้จะล่วงเกินได้ง่ายๆ
ไม่ต้องกล่าวถึงมันที่เป็นแค่องค์ชายคนหนึ่งของประเทศตันจี้เลย
วูบ! วูบ! วูบ!
…
ชายชราเคราขาววผู้ดูแลร้าน รวมถึงพนักงานร้านคนอื่นๆที่ออกหน้าหาเรื่องไป๋กังทั้งหมด บัดนี้หน้าเบี้ยวไปจนดูแทบไม่เป็นคน!
ล้อกันเล่นหรือไร!?
ไป๋กังผู้นี้ไม่ใช่แค่ยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศเท่านั้น แต่ยังเป็นพยัคฆ์เหินลายทองแดงแห่งเผ่าพยัคฆ์เหินอีกด้วย!
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ครั้งนี้อีกฝ่ายมีสิทธิ์ลงมืออย่างชอบธรรม ต่อให้อีกฝ่ายจะมีโมโหจนเข่นฆ่าองค์ชาย 9 เพราะไม่พอใจ แต่ฮ๋องเต้ตันจี้ก็คงไม่ติดใจเอาความแม้แต่น้อย
“ที่แท้…เป็นใต้เท้าไป๋กังนี่เอง! ใต้เท้าไป๋กัง คนงานในร้านข้านับว่าเสียมารยาทต่อท่านแล้ว แตข้าเชื่อว่าท่านที่เป็นผู้ใหญ่ใจกว้างคนหนึ่ง คงไม่ถือสาหาความพวกมัน…”
องค์ชาย 9 รีบกล่าวแก้ไขสถานการณ์เร็ไวและหาทางประณีประนอมโดยเร็ว จากนั้นก็เร่งกล่าวถามเปลี่ยนเรือง “ใต้เท้าไป๋กัง เช่นนั้นกระบี่อมตะจอมราชันนี่ ท่านคิดจะมอบให้ทางเผ่าพยัคฆ์เหินของท่านหรือ?”
อย่างไรก็ตาม แม้องค์ชาย 9 จะถามไถ่พูดจาประจบอะไร ไป๋กังก็ไม่เหลือบแลมันแม้แต่น้อย หลังจากกล่าวชวนต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลงด้วยรอยยิ้มแล้ว มันก็เดินออกจากร้านไปทันที
ด้านองค์ชาย 9 กับคนอื่นๆก็ได้แต่เฝ้ามองไป๋กังและคนอื่นๆจากไปเงียบๆ
หลังจากพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 จากไปแล้ว สีหน้าองค์ชาย 9 ก็เริ่มถมึงทึงมืดดำ หันไปตะคอกเสียใส่ชายชราคราขาวด้วยน้ำโห “ขยะ! พวกสัดใส่ข้าวใช้การมิได้!!”
“พวกเจ้าไม่ใช่ไม่รู้ แต่ไฉนจึงไม่เก็บหินดิบรูปทรงกระบี่เอาไว้ให้ข้าเปิดเล่น? เอาออกมาขายหาสวรรค์วิมานอันใด หน้าข้าเหมือนคนร้อนเงินมากหรือ!?”
เหตุผลที่องค์ชาย 9 มีกิจการร้านพนันหินมากมายในย่านซีฟางนั้น ก็เพราะมันเป็นชมชอบเล่นพนัน มันมักจะปิดประตูร้านของมันเป็นครั้งคราว เพื่อเล่นพนันหินด้วยการเปิดหินดิบที่มันได้มาอย่างสนุกสนาน
กล่าวถึงเรื่องร้านพวกนี้แล้ว มันสร้างไว้เพื่อความสนุกส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้วางแผนจะทำกำไรอะไรแม้แต่น้อย แต่กระนั้นมันก็ยังได้กำไรมหาศาลอยู่ดี…
ได้ยินคำตะคอกตำหนิด้วยน้ำโหขององค์ชาย 9 ชายชราเคราขาวก็ได้แต่ก้มหน้าลงไปด้วยความสลด แต่ไม่พูดไม่จาอะไร…
เพราะมันรู้ดีว่าจังหวะนี้เงียบไว้ประเสริฐกว่า ไม่งั้นก็รังแต่จะกระตุ้นโทสะองค์ชาย 9 แสนเกรี้ยวกราดให้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเท่านั้น
ส่วนอีกด้าน
“เจ้าหนูทั้ง 2 คนนี้ให้ตายเถอะ นี่พวกเจ้าจะโชคดีเกินไปหน่อยไหม! ถึงกับหยิบบกระบี่อมตะจอมราชันออกมาจากหินดิบได้จริงๆ…หากกระบี่อมตะจอมราชันเล่มนี้ส่งถึงมือท่านผู้นำเผ่าพยัคฆ์เหินข้าเมื่อใด ด้วยนิสัยของท่านผู้นำ รับรองพวกเจ้าไม่เสียเปรียบแน่!!”
ระหวว่างเดินทางกลับไป๋กังก็ยยิ้มร่าก่าวออกมาอย่างร่าเริงตลอดทาง
“เหอะๆ อาไป๋ท่านอย่าได้กล่าวถึงของรางวัลพวกเราเลย ตัวท่านต่างหาก…อย่างไรเสียท่านก็เป็นคนของเผ่าพยัคฆ์เหิน ความดีความชอบที่ท่านสร้างครั้งนี้ ท่านผู้นำเผ่าท่านต้องไม่ให้ท่านเสียเปรียบมากกว่าพวกเราอีกกระมัง?”
หวงเจียหลงหัวเราะพลางกล่าวหยอกล้อ