ตอนที่ 2,987 : ไร้รอยขีดข่วน!
ต้วนหลิงเทียนที่ใช้ออกด้วยพลังกฏแห่งดินผสานเข้ากับการโจมตีนั้น ไม่ได้ฟาดพลองปะทะกับดาบของเชวียจิงอวี่แต่อย่างไร แต่เลือกจะฟาดเบี่ยงลงไปยังข่ายอัสนีรอบกายเชวียจิงอวี่แทน
นอกจากนั้นร่มที่อยู่ในมือพุทธองค์ร่างทองตัวเขื่องอันปกคลุมไปด้วยไอพลังสีม่วง ก็ขยับไปต้านทานรับดาบอัสนีสีเทาของเชวียจิงอวี่ฉับไวปานสายฟ้า!
“ธาตุดิน?”
ถึงแม้เชวียจิงอวี่จะตกใจไม่น้อยที่เห็นต้วนหลิงเทียนปะทุพลังแห่งกฏธาตุดินออกมาในวินาทีสุดท้าย แต่อย่างไรเสียมันเองก็เสมือนศรที่ปล่อยออกจากเกาทัณฑ์ไปแล้ว
มันไม่มีเวลามากพอให้เปลี่ยนแปลงกระบวนท่าใดๆ
อีกทั้งหากฝืนเปลี่ยนแปลงกระบวนท่า สภาวะพลังไม่พ้นต้องถดถอยด้อยลงกว่าตอนนี้หลายส่วน
เช่นนั้นมันได้แต่กัดฟันลงมือไปทั้งแบบนี้!
“เจ้าเข้าใจพลังกฏแห่งธาตุดินของเจ้า ข้าก็เข้าใจพลังแห่งกฏแห่งธาตุสายฟ้าของข้า…ทั้งวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังที่ข้าใช้ก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าเจ้า!!”
“ให้ข้าดู ว่าเจ้าอาศัยความมั่นใจแต่ที่ใดถึงได้คิดแลกกับข้าตรงๆ!!”
วินาทีนี้ สีหน้าของเชวียจิงอวี่ได้เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา ราวกับว่าหากต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะแลกกับมันแบบนี้ สุดท้ายคนที่เจ็บย่อมเป็นตัวต้วนหลิงเทียนเอง
“ปฐีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน…เจ้าแน่ใจนะว่าสามารถหยุดดาบนั่นของมันได้จริงๆ?”
ในวินาทีสุดท้ายตอนที่พลองต้วนหลิงเทียนใกล้ฟันสวนกับดาบอัสนีของเชวียจิงอวี่เต็มที ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าววถามปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินในใจอีกครั้ง
“เพ่ยๆๆ! เจ้าหนู! นี่เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้แคลงใจในความสามารถของข้ากันหา เจ้าแหกตาชมดูให้ดีๆเถอะ!!”
เสียงเด็กน้อยคล้ายยังไม่หย่านมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินฉายถึงความขุ่นขึ้งหมองเคืองไม่น้อย เห็นได้ชัดว่ามันโกรธจริงๆ ที่จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนยังกล้าสงสัยพลังของมัน!
อย่างไรก็ตามพอได้ยินน้ำเสียงขุ่นขึ้งของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะไว้วางใจอีกฝ่าย และทุ่มพลังเซียนอมตะที่ผสานกับพลังสีกากีจากกฏแห่งดินลงตัวพลองเต็มพิกัด ไม่เว้นทางถอยอันใด!
และนี่นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่เขาได้ปลดปล่อยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเขาเต็มพิกัดหลังจากที่ทะลวงมาถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด
นอกจากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเขา ยังได้ผสานเข้ากับพลังอำนาจแห่งงกฏธาตุดิน และเขาก็ได้ใช้ออกเต็มกำลังไร้ซึ่งการออมรั้งใดๆ
ครืนนน!!
ซู่มมม!!
……
พลองยาวในมือต้วนหลิงเทียน เปรียบดั่งมังกรพิโรธก็ไม่ปาน และในขณะที่ตัวพลองท่วมท้นไปด้วยพลังเซียนอมตะที่ผสานเข้ากับพลังแห่งกฏธาตุดินแล้ว พลองพลังอันเขื่องในมือพุทธองค์ร่างทองที่ปกคลุมทั่วกายเขา ก็คล้ายระเบิดพลังอานุภาพออกมาอีกขั้น ตัวพลองพลังยังสั่นไหวไประรัว!
ให้ความรู้สึกเสมือนมันอัดแน่นไปด้วยแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว
สุดท้ายพลองยาวในมือต้วนหลิงเทียน ก็ฟาดสวนกับดาบอัสนีสีเทาของเชวียจิงอวี่!
พริบตาต่อมา ในที่สุดพลองยาวของเขาที่ฟาดลงมาอย่างเกรี้ยวกราดปานทัณฑ์สวรรค์ ก็ปะทะเข้ากับข่ายพลังอัสนีที่ปกกคลุมไปทั่วร่างของเชวียจิงอวี่!
“หืม!?”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…มันจงใจเบี่ยงพลองไม่ให้ปะทะกับดาบของเชวียจิงอวี่งั้นรึ!?”
“เพ่ย! อย่าบอกนะว่ามันคิดใช้กระบวนท่าตายตกไปตามกันกับเชวียจิงอวี่?”
“คำว่าตายตกไปตามกันของเจ้าก็ออกจะเกินเลยไปหน่อย…อย่างดีก็คงแค่สาหัสทั้งคู่นั่นล่ะ”
“แต่ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ช่างบ้าดีเดือดแท้!”
“ไม่ทราบว่าเชวียจิงอวี่จะเลือกเห็นดีเห็นงามกับ ‘ท่านฟันเราแผลหนึ่งเราฟันท่านกลับแผลหนึ่ง’ เช่นนี้หรือไม่…แต่หากคิดจะถอยตอนนี้ก็เกรงว่าจะไม่ทันแล้ว และหากผลออกมาเป็นมันบาดเจ็บหนักกว่าต้วนหลิงเทียน ก็เสมือนมันแพ้!”
…
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเสมือนผู้อำมหิตต่อตัว เพราะเขาเลือกจะเบี่ยงพลองไม่ปะทะกับดาบของเชวียจิงอวี่ แตเลือกจะทำร้ายอีกฝ่าย โดยปล่อยให้ดาบอีกฝ่ายทำร้ายตัว!
ฉากบ้าคลั่งดังกล่าวย่อมสร้างความตกใจให้ผู้ที่ชมดูอยู่ไม่น้อย!
“น้องต้วน…”
หวงเจียหลงเองยังอดไม่ได้ที่จะตะลึง
หูหลินอี้ ฮ่องเต้ฝูชิว ไม่เว้นคนอื่นๆโดยรอบก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปตามๆกัน
พวกมันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนที่เห็นนิ่งๆ ที่จริงกลับดุร้ายขนาดนี้!!
จังหวะนี้หลายคนที่กำลังมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนอยู่ ยังอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ ทั่วร่างเสียวซ่านคล้ายมีสายฟ้าแล่นวาบ!
เจ้าหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ มันบ้าไปแล้วหรือ!!
ยังคล้ายคนบ้าที่สิ้นหวัง!!
“คิดจะแลกกันคนละทีงั้นรึ!?”
“มาเถอะ! ข้าจะเล่นกับเจ้าสักครา! แล้วมาดูกันว่าจักเป็นเจ้าที่เจ็บหรือเป็นข้าที่เจ็บมากกว่า!!”
เผชิญหน้ากับการลงมือดั่งคนบ้าสิ้นหวังของต้วนหลิงเทียน เชวียจิงอวี่ตอนแรกก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวอยู่บ้าง หากแต่ต่อมาความกลัวก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ! จนดาบที่ฟันเข้าใส่ตัวต้วนหลิงเทียนคล้ายเพิ่มพูนพลังขึ้นไปอีกสองส่วน!!
เปรี๊ยงงง!!
และท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน ในที่สุดพลองของต้วนหลิงเทียนก็ฟาดทุบเข้าถูกข่ายพลังอัสนีของเชวียจิงอวี่อย่างจัง! เสียงระเบิดดังก้องสะท้านแก้วหูผู้คน ขณะเดียวกันสภาวะพลองก็ถดถอยลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าถูกข่ายพลังอัสนีลดทอนพลังไปอยู่บ้าง!!
เปรี๊ยงงงง!!
ขณะเดียวกันดาบที่ฟันฟาดมาดั่งทัณฑ์สววรรค์ฟาดลงจากฟ้าของเชวียจิงอวี่ ก็ปะทะเข้ากับร่มในมือพุทธองค์ร่างทองตัวเขื่องเช่นกัน อย่างไรก็ตามดาบของมันเพียงทำให้กระแสพลังสีเหลืองแก่ที่ปกคลุมตัวร่มเอาไว้กระเพื่อมไปเบาๆ ดังหนึ่งหินหล่นสระก่อเกิดระลอกน้ำนับพันเท่านั้น
หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วอึดใจ ผู้คนก็ได้แลเห็นว่า…
พลองยาวของต้วนหลิงเทียนนั้น แม้จะโดนข่ายอัสนีของเชวียจิงอวี่ต้านทานจนสูญเสียพลังไปบางส่วน หากแต่สุดท้ายมันก็สามารถทุบข่ายอัสนีกระจ่าย ฝ่าม่านพลังป้องกันดังกล่าวของเชวียจิงอวี่ไปได้ในที่สุด!!
กลับกัน ด้านเชวียจิงอวี่ที่ไม่ว่าจะเร่งเร้าถ่ายทอดพลังลงสู่ดาบสีเทาที่ประทับดาบอัสนีลงไปเท่าไหร่ แต่ร่มอันมีพลังสีเหลืองแก่ปกคลุมในมือพุทธองค์ร่างทองตัวเขื่อง แม้รัศมีพลังสีเหลืองแก่จะสะเทือนไปอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่มีทีท่าจะพ่ายแพ้!
ปงงงง!!
หลังจากที่ฟาดทุบข่ายอัสนีจนแตกกระจายแล้ว พลองของต้วนหลิงเทียนก็ฟาดทุบสืบต่อไปยังร่างเชวียจิงอวี่!
ซู่มมม!
ทันใดนั้นเอง พลันปรากฏแสงพลังสีทองขุมหนึ่งผุดขึ้นความว่างเปล่าคลุมร่างเชวียจิงอวี่เอาไว้ดั่งม่านพลัง อีกทั้งม่านพลังสีทองดังกล่าว ยังแผ่กลิ่นอายหนักแน่นคล้ายไร้สิ่งใดฝ่าทำลายมันได้!
และหากผู้ใดชมมองให้ดี จะพบว่าในม่านพลังสีทองดังกล่าว ยังมีประกายอัสนีสีม่วงแล่นวาบแปลบปลาบผสานอยู่ด้วย! เห็นได้ชัดว่ามันก่อเกิดขึ้นมาจากพลังเซียนอมตะที่ผสานเข้ากับพลังแห่งกสายฟ้าของเชวียจิงอวี่!!
“หืม? นั่นมัน…อุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทป้องกันรึ?”
“จริงสิ ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าตระกูลราชวงศ์ประเทศหนันฉี่ได้รับอุปกรณ์อมตะระดับราชาสายป้องกันแท้ที่เรียกว่า ‘อาภรณ์แสงทองอมตะ’ มาครอง แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายฮ่องเต้หนันฉี่กลับเต็มใจมอบมันให้องค์ชายรองไว้ใช้!!”
“องค์ชายรองหนันฉี่ เชวียจิงอวี่ จะอย่างไรก็กำลังจะเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ฮ่องเต้หนันฉี่สุดท้ายก็เป็นพ่อคน จะมอบอุปกรณ์ป้องกันให้ลูกชายมากหน่อยก็ไม่แปลกหรอก!!”
“มิผิด อาภรณ์แสงทองอมตะนี้ พอจ่ายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดลงไป ม่านพลังแสงสีทองที่มันสร้างขึ้นนับว่าทรงพลังเหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับราชาชิ้นที่สองที่ต้วนหลิงเทียนควักออกมาใช้เสียอีก อย่างไรเสียนี่ก็เข้าใจได้ ร่มนั่นของต้วนหลิงเทียนถือว่าเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทอาวุธที่มีพลังป้องกันโดดเด่น แต่อาภรณ์แสงทองอมตะนั่น เป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะ ที่มีไว้ป้องกันถ่ายเดียว!!”
…
ในขณะที่ผู้มุงชมกำลังตกใจกับม่านพลังสีทองที่ปรากฏขึ้นคลุมกายเชวียจิงอวี่ ด้านต้วนหลิงเทียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
‘ที่แท้ที่มันกล้าจะแลกกับข้าไม่ใช่เพราะมั่นใจในข่ายอัสนีนั่น…แต่มันกลับมีอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะเป็นไพ่ใบสุดท้าย’
วินาทีนี้ต้วนหลิงเทียนที่ตระหนักได้ถึงเรื่องราว ก็เลือกที่จะรวมรั้งพลังทั้งหมดถ่ายทอดลงสู่ตัวพลอง และปล่อยให้หน้าที่ป้องกันเป็นของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน หมายทำลายม่านพลังสีทองให้จงได้!
และม่านพลังแสงสีทองดังกล่าว ก็สามารถต้านทานพลองของเขาเอาไว้ได้ถึง 3 ลมหายใจเต็ม!
อย่างไรก็ตามหลังผ่านไป 3 ลมหายใจแล้ว ในที่สุดม่านพลังแสงสีทองดังกล่าวก็จำต้องถูกพลองที่รวมรั้งพลังทั้งหมดของเขาทุบทำลายจนแหลก และเปิดเผยให้เห็นว่าบริเวณลำตัวของเชวียจิงอวี่ ได้ปรากฏชุดเกราะตัวหนึ่งสวมทับ!
ช่างน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย มันเป็นอาภรณ์แสงทองอมตะ ที่ตระกูลราชวงศ์หนันฉี่ได้มาครอบครองไว้จริงๆ
อย่างไรก็ตามพลังส่วนใหญ่ของเชวียจิงอวี่ก็ได้ทุ่มเทลงสู่ตัวดาบเพื่อการโจมตี ทำให้พลังที่มันสามารถจ่ายลงสู่ชุดเกราะอาภรณ์แสงทองนั้นหลงเหลือเพียงไม่กี่ส่วนเท่านั้น
ทว่าการที่อาศัยพลังไม่กี่ส่วนสามารถต้านทานรับพลองของต้วนหลิงเทียนได้ถึง 3 ลมหายใจเต็มก็นับว่าพลังของมันน่าทึ่งมากแล้ว!
และถึงแม้พลังของพลองต้วนหลิงเทียน จะถูกลดทอนลงไปบางส่วนยามบุกฝ่าข่ายอัสนี แต่ก็ยังคงเหลือมากพอให้ทุบทำลายม่านพลังสีทองดังกล่าว
อีกทั้งม่านพลังสีทองดังกล่าว ยังสามารถลดทอนพลังในพลองของต้วนหลิงเทียนไปได้อีกเกือบ 9 ส่วน ทำให้พลังอานุภาพที่หลงเหลืออยู่ในพลองของต้วนหลิงเทียน จึงทำร้ายเชวียจิงอวี่ให้บาดเจ็บได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น
ปงงงงง!!
หลังจากที่ผู้คนเห็นร่างเชวียจิงอวี่ปลิดปลิวกระเด็นออกมาปานลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร เสียงระเบิดของพลังก็พึ่งจะดังมาเข้าหูพวกมัน
“อั๊ค–!”
เชวียจิงอวี่ตอนนี้สภาพแลดูไม่ได้อยู่บ้าง สีหน้ายังซีดลงอย่างเห็นได้ชัด โลหิตกระอักออกปากคำหนึ่ง กลับกลายเป็นบุปผาสีแดงฉานเบ่งบานกลางหาว ต้องสะทอนแสงอัสดงเป็นประกายระยิบระยับ…
อย่างไรก็ตาม ความสนใจของทุกผู้คนเพียงหยุดอยู่กับเชวียจิงอวี่ที่ถูกซัดจนปลิวแค่ครู่เดียว จากนั้นก็รีบหันกลับไปชมดูทางด้านต้วนหลิงเทียนทันที
จึงพบว่าต้วนหลิงเทียนยังคงลอยร่างค้างกลางหาวอย่างเงียบงัน มือซ้ายถือร่มคันหนึ่ง ส่วนมือขวาถือพลอง สีหน้าท่าทียังแลดูสงบเหมือนตอนแรก ไร้ซึ่ความเปลี่ยนแปลงใดๆ
ที่สำคัญเลยก็คือ…เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!
“บ้าน่า…เรื่องงพรรค์นี้มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“มัน…มันไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยรึ!?”
“พลังป้องกันของมันไฉนร้ายกาจถึงขนาดนั้นได้กัน…เป็นไปได้หรือไม่ที่มันจะเข้าใจความลึกซึ้งอื่นๆของกฏแห่งดิน ที่เน้นไปในด้านป้องกันโดยเฉพาะ!?”
“เป็นไปไม่ได้! หากมันใช้พลังความลึกซึ้งอื่นๆของกฏแห่งดิน ไหนเลยราชาอมตะมากมายที่ชมดูอยู่จะไม่สังเกตเห็น?”
…
เมื่อเห็นเชวียจิงอวี่ถูกซัดจนปลิวแลดูบาดเจ็บ ทว่าทางด้านต้วนหลิงเทียนกลับไม่เป็นอะไรเลย ผู้ชมก็ตกใจไม่น้อย พากันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด!
จังหวะนี้กระทั่งฮ่องเต้ฝูชิวเองยังมองต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาเบิกโพลงราวตัวโง่งม
อันที่จริงมันไม่ได้มั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมากสักเท่าไหร่
มันเพียงเตรียมใจไว้แค่ต้วนหลิงเทีนอาจจะเสมอ หรือไม่ก็อาจจะแพ้พ่าย…
แต่มันคิดไม่ถึงจริงๆ…
ต้วนหลิงเทียยนไม่เพียงแต่จะเอาชนะองค์ชายรองของประเทศหนันฉี่ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถซัดคู่ต่อสู้จนเจ็บได้โดยที่ตัวเองไม่เป็นอะไรเลย!
กล่าวได้ว่าต้วนหลิงเทียนเอาชนะองค์ชายรองหนันฉี่ได้อย่างราบคาบ!
“การโจมตีของเชวียจิงอวี่เมื่อครู่…ต่อให้จะเป็นแค่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดธรรมดา ไร้พลังอำนาจแห่งกฏสายฟ้าผสานรวมอันใด แต่ก็มิใช่อะไรที่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอัจฉริยะทั้งหลายจะป้องกันได้ง่ายดายมิใช่หรือ?”
พอหูหลินอี้ได้สติกลับมา สองตาที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่ ก็ทอประกายขึ้นมาเจิดจ้า
“บางที…ผลงานของต้วนหลิงเทียนในแดนสวรรค์ใต้โบราณ…อาจจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรก!”
เดิมทีหูหลินอี้ประเมินเชวียจิงอวี่เอาไว้ว่า ไม่พ้นผลงานของอีกฝ่ายในแดนสวรรค์ใต้โบราณต้องติดอยู่ใน 100 อันดับแรกแน่นอน
แต่ตอนนี้พอเห็นชัยชนะอันราบคาบของต้วนหลิงเทียน จึงทำให้มันบังเกิดความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมากขึ้นจมหู และเชื่อว่าเผลอๆต้วนหลิงเทียนอาจจะรั้งอยู่ใน 10 อันดับแรกได้สำเร็จ!
สำหรับ 3 อันดับแรก หรืออันดับที่ 1 นั้น ตัวมันยังไม่กล้าคิดฝัน
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ดินแดนพันประเทศนั้นกว้างใหญ่ไพศาลอาจปรากฏยอดฝีมือเร้นลับ เหล่ายอดเซียนอมตะที่มารวมตัวกันคราวนี้ นอกจากคนของดินแดนพันประเทศแล้ว ยังมียอดฝีมือจากขุมกำลังระดับ 8 อีกมากมาย
ที่สำคัญก็คือเหล่าขุมกำลังระดับ 7 ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวอย่าง 3 นิกาย 2 ตระกูลก็ส่งมือดีมาเข้าร่วมด้วย และพวกมันก็คือยอดฝีมือในบรรดายอดฝีมืออีกที!
หากคนของ 3 นิกาย 2 ตระกูลคิดแสวงหาความก้าวหน้าและเข้าร่วมกับคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้น ก็มีแต่ต้องแสดงพลังฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์จนเข้าตาแมวมองของคฤหาสน์เฉวียนโยว นอกจากนั้นการที่จะมีโอกาสได้แสดงพลัง อย่างน้อยๆก็ต้องโดดเด่นเหนือกว่าคนใน 3 นิกาย 2 ตระกูลให้ได้เสียก่อน
จึงกล่าวได้ว่า ทุกครั้งที่แดนสวรรค์ใต้โบราณเปิดออก อัจฉริยะขอบเขตยอดเซียนอมตะของ 3 นิกาย 2 ตระกูล ล้วนคิดใช้โอกาสนี้แสดงผลงานด้วยกันทั้งสิ้น…
ในบรรดาอัจฉริยะขอบเขตยอดเซียนอมตะเหล่านั้น มีแม้กระทั่งผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งอย่างที่สองแล้ว
“ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะแข็งแกร่งมิใช่ชั่ว…แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินอย่างที่สอง”
“กล่าวได้ว่าต่อหน้าสุดยอดอัจฉริยะของ 3 นิกาย 2 ตระกูล ต้วนหลิงเทียนยังขาดอยู่บ้าง…ไม่พอจะโดดเด่นเหนือพวกมัน!”
หูหลินอี้ลอบพึมพำกับตัวเบาๆ