ถ้ำที่ปลูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์แห่งนี้ เป็นแดนลับที่เจียงหลานเปิดสร้างไว้เมื่อชาติก่อนครั้งยังเป็นจักรพรรดิอมตะ ในนี้มีค่ายกลป้องกันและค่ายยกลสังหารมากมาย หากแต่เจียงหลานในชาตินี้ก็ยังไม่อาจควบคุมพวกมันได้
สิ่งเดียวที่มันควบคุมได้ก็คือค่ายกลมายาหลอนประสาทที่กำลังทำงานอยู่
ตัวอย่างเช่น เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่มันหลอกมา มันอยากจะให้ใครเจอกับใคร มันก็สามารถจัดแจงได้โดยการควบคุมค่ายกลมายาหลอนประสาทดังกล่าว
“หืม?”
เจียงหลานที่กำลังทำสัญลักษณ์มือหมายควบคุมค่ายกลมายา สร้างช่องทางให้ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพบเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้น จำต้องหยุดมือลงกระทันหัน เพราะมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังแปรปรวนของกฏแห่งน้ำขุมหนึ่ง
และเมื่อมันหยุดมือค่ายกลมายาก็เริ่มทำงานต่อดังเดิม และส่งคู่ต่อสู้มาให้ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกครั้ง แต่พวกมันก็คือคู่ต่อสู้ที่อยู่ใกล้ๆ และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏเพียงแค่ 2 ประการเท่านั้น สุดท้ายจึงถูกต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจบชีวิตได้ง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่
“เจ้าเจียงหลานนั่น…ไฉนอยู่ๆมันถึงหยุดมือซะเล่า?”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นส่งเสียงผ่านพลังไปถึงต้วนหลิงเทียนด้วยความงุนงง เนื่องเพราะเจียงหลานมันหยุดมือเสียก่อน ทำให้ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่ได้ถูกจัดแจงให้เจอยอดฝีมือ
“มันถูกหลินเฟยหยางดึงความสนใจไปน่ะ…”
ต้วนหลิงเทียนทำทีเป็นกวาดตาไปมาเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบไปมองหลินเฟยหยางที่อยู่ไกลตาอย่างเป็นธรรมชาติ
ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 3 ประการ หลินเฟยหยางไม่ใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 2 ประการ กับอีกประการที่เข้าใจบางส่วนเท่านั้น…แต่กลับใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำออกมาเพิ่มอีกประการหนึ่ง!
ยิ่งไปกว่านั้นความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำที่หลินเฟยหยางเปิดเผยออกมา ยังบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว พลังของมันเหนือกว่าความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำที่เข้าใจแค่บางส่วนลิบลับ!
‘อย่างที่เดาไว้ไม่มีผิด…หลินเฟยหยางคนนี้ซ่อนพลังเอาไว้จริงๆ’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
เขากะไว้แล้วว่าหลินเฟยหยางที่ถูกวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 2 เลือกให้เป็นร่างต้นตั้งแต่เป็นตัวอ่อนในครรภ์มารดา จนสมควรมีความเข้าใจในกฏแห่งน้ำท้าทายสวรรค์ ไม่น่าจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำได้แค่ 2 ประการกับอีกบางส่วนเท่านั้น ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เขาเดาไว้ไม่มีผิด!
“หลินเฟยหยางคนนี้…ไม่เพียงแต่จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 3 ประการถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น แต่มันยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำประการที่ 4 ได้บางส่วนแล้ว?”
เจียงหลานที่ถูกหลินเฟยหยางดึงดูดความสนใจไป บัดนี้สองตาพลันทอประกายสว่างจ้าขึ้นมา “ที่สำคัญมันยังเป็นคนที่อายุไม่ถึงร้อยปีคนที่ 3 นอกจากต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น…อีกทั้งมันก็เหมือนกับต้วนหลิงเทียนและหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่มิได้เป็นผู้อมตะกลับชาติมาเกิด!”
“ในชาติก่อน ข้ามิเคยเจอผู้ใดที่ประสบความสำเร็จขนาดนี้โดยที่มิได้เป็นผู้อมตะกลับชาติมาเกิดเลยสักคน…แต่ในชาตินี้ข้ากลับพบเจอถึง 2 คนในคราวเดียว?”
พึมพำถึงจุดนี้ เจียงหลานก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน
และในขณะที่เจียงหลานถอนหายใจ หลินเฟยหยางก็เริ่มรุกไล่คู่ต่อสู้จนมีเปรียบอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเมื่อประมือกันไปอีก 30 กระบวนท่า ในที่สุดหลินเฟยหยางก็สังหารยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 3 ประการลงได้ ทำให้อีกฝ่ายกลับกลายเป็นปุ๋ยของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ไปอีกคน…
และนี่นับว่าเป็นครั้งแรกเลย ที่หลินเฟยหยางได้สังหารคู่ต่อสู้ขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการ!
‘สมแล้วที่เป็นร่างต้นของวารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 2…’
เมื่อเห็นหลินเฟยหยางฆ่าศัตรูที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการได้ แม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้แปลกใจอะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาเบาๆ หลังเห็นความเข้าใจในกฏแห่งน้ำของหลินเฟยหยาง
หลินเฟยหยางไม่เพียงอายุไม่ถึงร้อยปี แต่วารีเทพชำระโลกาในร่างก็ยังพึ่งอยู่ในชั้นที่ 2 เท่านั้น
หากวารีเทพชำระโลกาในร่างหลินเฟยหยางยกระดับเป็นขั้นที่ 3 ล่ะก็ ย่อมช่วยให้หลินเฟยหยางสามารถเข้าใจกฏแห่งน้ำได้รวดเร็วมากขึ้นแน่ ถึงตอนนั้นความสามารถในการทำความเข้าใจกฏแห่งน้ำของหลินเฟยหยางน่ากลัวจะท้าทายสวรรค์แล้วจริงๆ
“หืม?”
หลังจากเห็นหลินเฟยหยางฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 3 ประการแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็คล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงเบนตาไปมองยังจุดที่ห่างจากหลินเฟยหยางไม่มากเท่าไหร่
ที่นั่นปรากฏร่างหนึ่งกำลังถูกซัดร่วงตกจากกลางอากาศ…
เป็นมู่หรงเซี่ยวเซี่ยว
มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวหาได้โชคดีอีกต่อไป คู่ต่อสู้ที่นางพบเจอรอบนี้กลับเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของงกฏแห่งทอง 3 ประการ อาศัยมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวย่อมไร้กำลังจะต้านทานอีกฝ่าย
หลังจากผ่านไปอีก 3 กระบวนท่า ต้วนหลิงเทียนก็เห็นมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวถูกฆ่าตายอนาถ โฉมงามนางหนึ่งดับสิ้นไปเช่นนี้…
ณ หลิงหลัวเทียน มุมหนึ่งของแดนสวรรค์ใต้ เขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยว ตระกูลมู่หรงอันเป็นตระกูลระดับ 7 ตระกูลหนึ่ง…
ในเวลาเดียวกันกับที่มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวถูกฆ่าตาย ลูกแก้ววิญญาณของนางที่เก็บไว้ในตระกูลมู่หรงก็แตกสลายลงเป็นเสี่ยง ทำให้คนของตระกูลมู่หรงตื่นตระหนกตกใจนัก หากแต่ไม่มีใครล่วงรู้สักคนว่ามู่หรงเซี่ยวเซี่ยวตกตายได้อย่างไร และไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางอยู่ไหน…
จนเมื่อข่าวเรื่องที่มีบางคนกำลังรวบรวมยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดชนชั้นอัจฉริยะไปเป็นเครื่องสังเวยให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์แพร่มาถึงเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว คนของตระกูลมู่หรงจึงคาดเดากันได้คร่าวๆ ว่าสิบในสิบไม่พ้นมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวต้องถูกนำไปเซ่นสังเวยยต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์แล้วแน่นอน
ทว่าเรื่องราวเหล่านี้ล้วนจะเกิดขึ้นในภายหลัง
หลังจากที่มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวตกตาย ในโถงอันกว้างใหญ่ไพศาลก็หลงเหลือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอยู่แค่ 500 กว่าคนเท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน ดอกของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์บนยอดไม้ ก็เริ่มปรากฏดอกตูมเพิ่มขึ้นเป็น 2 ดอกเล็กๆ และพวกมันมีสีแดงฉานปานก้อนโลหิต แผ่กลิ่นอายอันชั่วร้ายออกมาขุ่นขลัก!
ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์นั้นก็เหมือนต้นไม้อื่นๆ ก่อนจะเกิดผลก็จำต้องออกดอกก่อน
แน่นอนว่าดอกตูมเช่นนี้ยังเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ผลไม้เทพสังเวยสวรรค์จะก่อเกิดขึ้นจริงๆหรือไม่ ยังต้องรอดูกันต่อ
อย่างไรก็ตาม ด้วยการตระเตรียมการเมื่อชาติที่แล้วของเจียงหลาน บัดนี้มันก็มั่นใจนักว่าอัตราความสำเร็จที่จะเกิดผลของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์นั้นมีถึง 5 ใน 10 ส่วน+
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางนั่นสามารถเก็บไว้ให้พวกมันเหลือรอดเป็นคู่สุดท้าย…จากนั้นหากพวกมันทั้งคู่ยินยอมเป็นข้าทาสของข้า ไม่เพียงแต่ข้าจะไว้ชีวิตพวกมัน แต่ข้าจะให้คนที่แข็งแกร่งกว่าได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์ที่เหลือไปใช้…”
หลังถอนสายตาออกมาจากหลินเฟยหยาง เจียงหลานก็หันไปมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกครั้ง มือของมันเริ่มขยับทำสัญลักษณ์ต่อ จากนั้นก็เริ่มเข้าควบคุมค่ายกลมายาหลอนประสาทในโถงสุดไพศาล
และเพื่อให้หลินเฟยหยางกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นสามารถรอดชีวิตได้ถึงตอนจบ มันก็จงใจไม่ให้ทั้งคู่ต้องมาพบเจอกัน
แน่นอนว่ามันยังไม่ลืมจัดแจงส่งยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการให้ไปเจอกับต้วนหลิงเทียนอีกด้วย
“ความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วง? กับความลึกซึ้งสั่นสะเทือน?”
คู่ต่อสู้ที่เจียงหลานจัดให้ต้วนหลิงเทียนนั้น พอมาถึงก็ลงมือใช้พลังความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงผสานกับความลึกซึ้งสั่นสะเทือนทันที หมายจะสะกดกักสังหารต้วนหลิงเทียนให้ได้โดยเร็วที่สุด
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังไม่เข้าใจความลึกซึ้ง สั่นสะเทือน ของกฏแห่งดิน แต่เขาก็รู้หลักกการของมันไม่น้อย
ด้านความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วง แม้จะยังไม่เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น แต่เขาก็เข้าใจบางส่วนแล้ว
ทำให้ไม่ว่าจะพลังของความลึกซึ้งสั่นสะเทือนก็ดี ความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงก็ดี ต้วนหลิงเทียนเข้าใจว่ามันจะทำงานอย่างไร
ครืนนน!!
ฟู่มมมม!!
…
ร่างต้วนหลิงเทียนระเบิดเปวเพลิงร้อนแรงออกกมา จนคนคล้ายดาวตกไฟ พุ่งทะยานออกจากสนามพลังกักกันของอีกฝ่ายเร็วไว ก่อนที่มันจะสำแดงพลังอำนาจสูงสุด!
แม้คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนจะมีความเร็วด้อยกว่าต้วนหลิงเทียนหลายส่วน แต่ด้วยความที่มันเข้าใจความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงของกฏแห่งดิน ซึ่งเป็นดาวข่มของพวกสายความเร็ว ก็ทำให้มันมีวิธีรับมือต้วนหลิงเทียน!
ครึก! ครึก! ครึก! ครึก! ครึก! ครึก!
…
หลังจากใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดมหาศาลที่ผสานไว้ด้วยธาตุดินสร้างคุกศิลามหึมาล้อมกักต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ มันก็เริ่มหดคุกดังกล่าวให้เล็กลงเรื่อยๆ สิ่งนี้ทำให้ความเร็วของต้วนหลิงเทียนไร้ความหมายทันที!
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
…
หลังจากถูกอีกฝ่ายทุ่มทุนสร้างถึงขั้นทุ่มพลังทั้งหมดสร้างคุกมหึมาแล้วอาศัยการหดเล็กลงแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็เร่งใช้แหวน 9 วิญญาณหยางลั้บสร้างกระบี่เพลิง หมายจู่โจมทำลายคุกศิลาทันที
ในขณะที่ลงมือ ต้วนหลิงเทียนยังสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลกำลังเคี่ยวกรำเข้าใส่ร่างเขาจากทุกทิศทาง ทำให้การลงมือของเขาอ่อนพลังลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันผนังคุกศิลาทั้ง 4 ทิศ 8 ทาง ก็เริ่มแผ่คลื่นสั่นสะเทือนออกมา
‘ให้ตายเถอะ สนามพลังโน้มถ่วงรุนแรง ที่มีพลังดูดรั้งฉุดกระชากไปมาจากทุกทิศทางแบบนี้ พอมาผสานกับคลื่นพลังสั่นสะเทือนนี่…ช่างน่ารำคาญจริงๆ’
เนื่องจากพลังของศัตรูรวมแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาแม้แต่น้อย ทำให้ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกลำบากลำบนอยู่บ้าง เรื่องจะทำลายผนังคุกศิลาก็กลายเป็นงานยากขึ้นมาทันที
‘หากเป็นแบบนี้ต่อไปถึงพลังน่ารำคาญนี่จะฆ่าข้าไม่ได้ แต่ก็ไมใช่เรื่องง่ายที่ข้าจะฆ่ามันได้เช่นกัน…ดูท่าจะต้องหงายไพ่อีกใบแล้ว’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือซ้ายเบาๆ จากนั้นพลันปรากฏแหวนวงหนึ่งผุดโผล่จากความว่างเปล่าเข้ามือ
แหวนวงนี้หากดูผิวเผินแล้ว ลักษณะรูปร่างของมันเหมือนกันกับแหวน 9 วิญญาณหยางอยย่างมาก อย่างไรก็ตามกลิ่นอายพลังที่มันแผ่ออกมานั้นแตกต่างกันราวคนละขั้ว กระทั่งหากสังเกตให้ดีลักษณะมณีทั้ง 9 ที่เรียงตัวรอบแหวนก็แตกต่างกันอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าแหวนวงนี้ก้คือ แหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับ! ที่เป็นแหวนคู่ของแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับ!!
แหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับก็เป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันเช่นกัน
นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ที่ต้วนหลิงเทียนถึงจุดตีบตัน เขาก็ได้นำแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับ และแหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับออกมาทดสอบ หลังได้อ่านเจอเรื่องราวหนึ่งในหอตำราฝ่ายใน จนในที่สุดก็พบว่าพวกมันสามารถผสานรวมกันได้จริงๆ…
และหลังจากพวกมันผสานรวมกันแล้ว ถึงแม้พลังอำนาจจะยังไม่เท่ากับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ แต่ก็เหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันส่วนใหญ่!
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…มันไปสรรหาอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันมาจากที่ไหนนักหนา?”
เห็นต้วนหลิงเทียนหยิบควักอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันออกมาอีกชิ้น ถึงแม้เจียงหลานจะไม่ได้แยแสอุปกรณ์อมตะจอมราชัน แต่มันก็ไม่อาจไม่แปลกใจ
ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นที่มันหลอกให้มาตายครั้งนี้ ไม่ว่าจะที่ยังรอดชีวิตอยู่หรือตกตายไปแล้ว ก็มีแค่ต้วนหลิงเทียนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีอุปกรณ์อมตะจอมราชัน กระทั่งยังมีอยู่ด้วยกันถึง 2 ชิ้น!
“หืม? ยังเป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันที่หลอมรวมกันได้อีกงั้นรึ?”
ครู่ต่อมา เจียงหลานก็เห็นว่า แหวนในมือซ้ายกับแหวนในมือขวาของต้วนหลิงเทียนได้ลอยล่องออกมาผสานรวมเป็นหนึ่งเดียว จากนั้นพอต้วนหลิงเทียนคว้ามันแล้วถ่ายทอดพลังลงไป พลังเซียนอมตะที่ผสานพลังธาตุไฟทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนก็เปล่งพลังสภาวะแข็งกล้าขึ้นมาอีกขั้น!
ต้องทราบด้วยว่าปกติแล้ว แม้จะมีอุปกรณ์อมตะจอมราชันในมือ 2 ชิ้น แต่ก็ไม่มีใครคิดจะนำออกมาใช้พร้อมกัน เพราะอุปกรณ์อมตะจอมราชันทั่วไปจะไม่เสริมพลังทับซ้อนกัน…
ดังนั้นจะใช้ชิ้นเดียวหรือสองชิ้นก็ไม่มีความแตกต่างอะไรทั้งสิ้น…
ทว่าอุปกรณ์อมตะจอมราชันทั้ง 2 ของต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่ธรรมดา…
พวกมันสามารถผสานหลอมรวมกันได้ และยังคล้ายกลับกลายเป็นหนึ่งเดียวโดยสมบูรณ์ ทำให้พลังของมันเหนือกว่าอุปกรณ์อมตะจอมราชันส่วนใหญ่ ถึงขั้นมีพลังไล่ตามอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิไปติดๆ
“ช่างเป็นไอ้หนูที่โชคดียิ่ง…ถึงกับไปพบเจออุปกรณ์อมตะจอมราชันที่สามารถผสานหลอมรวมกันได้อย่างลงตัวแบบนี้…”
ถึงแม้ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้จะไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยาง แต่เจียงหลานก็คิดว่าเขาแค่โชคดีเท่านั้น และไม่อาจเทียบกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลินเฟยหยางได้เลย…