War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3118

ตอนที่ 3118

“ยอดเยี่ยม! ร้ายกาจนัก!!”

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ชายชราก็โพล่งคำชมเชยออกมาอย่างถูกใจ จากนั้นก็ระบายลมหายใจออกมาอยย่างโล่งอกเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงชื่นชม “ไม่เพียงผ่าน ยังผ่านมากเกินพอ…อาศัยพลังฝีมือของเจ้าตอนนี้ คิดจะรับตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราเป็นคนแรกในรอบ 30,000 ปี ย่อมไม่มีปัญหาอันใด!”

“กระทั่งอาศัยพลังฝีมือของเจ้าตอนนี้ หากเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง น่ากลัวว่าจะกวาดล้างอัจฉริยะหัวกะทิพวกนั้นได้ไม่น้อย คิดจะยืนหยัดรับอันดับต้นๆจนสร้างชื่อให้ลือชาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง นับว่าไม่ยากเย็นอันใด!”

กล่าวถึงจุดนี้สองตาที่ชายชราใช้มองต้วนหลิงเทียนก็จ้าขึ้นปานจะยิงลำแสงความร้อนออกมาอยู่รอมร่อ

แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง?

อันดับ?

ได้ยินประโยคนี้ของชายชรา สิ่งแรกที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกก็คือ ความคุ้นเคยประการหนึ่ง! เพราะก่อนที่เขาจะเข้าสู่นิกายอมตะเป้าผู่ เขาก็ได้เข้าไปแข่งขันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ จนได้อันดับที่ 2 ท่ามกลางบรรดาอัจฉริยะยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้งหลายที่เข้าไปในนั้น

เป็นธรรมดาว่าเหตุผลที่เขาได้ที่ 2 นั้น เป็นเพราะเขาโยนคะแนนที่ไม่ต่างอะไรจาก ‘เผือกร้อน’ ไปให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋น หาไม่แล้วคะแนนของเขาไม่เพียงแต่จะเป็นอันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ แต่ยังจะทิ้งห่างอันดับ 2 ลิบลิ่ว!

“ผู้เฒ่าฉี แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางที่ท่านเอ่ยถึง เท่าที่ข้ารู้มามันจำกัดด่านพลังของผู้เข้าร่วมอยู่ที่ขุนนางอมตะ 10 ทิศใช่หรือไม่ แล้วกฏเกณฑ์อื่นๆใช่เหมือนกันกับแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำรึเปล่า? พอดีข้าได้ยินท่านเอ่ยถึงเรื่อง อันดับ อะไรเมื่อครู่ด้วย?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

ก่อนหน้านี้ตอนได้ยินเรื่องแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำมา เขาก็ได้ยินมาว่ายังมีแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางและแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอยู่ด้วย

ในบรรดาแดนลับเหล่านั้น แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ จำกัดผู้เข้าไว้ที่ขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด

สำหรับแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้น จำกัดขอบเขตพลังผู้เข้าไว้ให้ไม่เกินขุนนางอมตะ 10 ทิศ

สำหรับแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง จะจำกัดด่านพลังผู้เข้าร่วมไว้ที่ราชาอมตะ 10 ทิศ

“ทั้งใช่และไม่ใช่…”

ฉีเทียนหมิงส่ายหัวไปมา “กล่าวไปนอกจากการจำกัดด่านพลังแล้ว กฏเกณฑ์อื่นๆล้วนแตกต่างกัน…หากเจ้าอยากรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม เอาไว้ข้าจักเล่าให้เจ้าฟังระหว่างเดินทางไปคฤหาสน์เฉวียนโยว”

“อ่า”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับเบาๆ

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้ฉีเทียนหมิง ด้านฉีเทียนหมิงก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบไม่ร้อน พลางหันไปมองกล่าวกับซุนเหลียงเผิงข้างๆ “เสี่ยวเผิงเผิง เช่นนั้นข้าจะพาต้วนหลิงเทียนไปคฤหาสน์เฉวียนโยวก่อน…ส่วนเจ้าก็รอรับรางวัลจากคฤหาสน์เฉวียนโยวได้เลย”

กล่าวถึงจุดนี้ รอยยิ้มสดใสก็คลี่กางขึ้นมาบนใบหน้าฉีเทียนหมิง

ซุนเหลียงเผิงเป็นดั่งลูกชายของมัน มันได้เห็นซุนเหลียงเผิงตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยไม่ประสาจนเติบโตขึ้นมาถึงวันนี้ เรียกว่ายึดถือซุนเหลียงเผิงเป็นดั่งลูกชายของมันไปครึ่งนึงแล้ว พอรู้ว่าซุนเหลียงเผิงกำลังจะได้รับรางวัลจากคฤหาสน์เฉวียนโยว มันก็รู้สึกมีความสุขและยินดีกับซุนเหลียงเผิงจากใจ

“อาจารย์ลุง ท่านพึ่งมาถึงแท้ๆ ไม่อยู่พักผ่อนสักวันสองวันเล่า จะรีบไปไหนกัน?”

ซุนเหลียงเผิงกล่าวตอบด้วยความตกใจ “ข้าจำได้…ท่านเองก็ไม่ได้ชี้แนะสอนสั่งข้ามานานแล้ว”

“เหอะ! เจ้าเชื่อฟังคำสอนของข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อีกทั้งพอข้าจักสอนเจ้าทีไร ไม่ใช่เจ้ารึ ที่หนีหน้าข้าไปเล่นกับนังหนูผู้นั้นตลอด?”

ได้ยินวาจาของซุนเหลียงเผิง ฉีเทียนหมิงก็ได้แต่ถลึงตามองอีกฝ่ายพลางส่ายหน้าอย่างระอา จากนั้นก็หอบหิ้วต้วนหลิงเทียนเหินร่างหายไปต่อหน้าต่อตาซุนเหลียงเผิงราวสายลมหอบหนึ่ง

ครู่ต่อมา ในลานด้านหน้าของคฤหาสน์ส่วนตัวประจำตำแหน่งประมุขนิกายอมะตเป้าผู่ ก็คงเหลือแต่ซุนเหลียงเผิงที่ถูกทิ้งไว้ให้ยืนหน้าม้านยิ้มแห้งๆด้วยความอายเพียงลำพัง

ส่วนอีกด้าน

ในฐานะราชาอมตะ 10 ทิศ ความเร็วในการเหินบินของฉีเทียนหมิงเป็นธรรมดาว่ารวดเร็วเป็นอย่างมาก ไม่ทันไรก็หอบหิ้วร่างต้วนหลิงเทียนออกนอกเขตนิกายอมตะเป้าผู่ไปไกลแล้ว

“ผู้เฒ่าฉี ท่านเป็นอาจารย์ลุงของประมุข เช่นนั้นท่านก็สมควรเป็นศิษย์พี่ของอาจารย์ประมุขใช่หรือไม่…ในเมื่อตอนนี้ท่านเป็น 1 ใน 10 ผู้ตรวจการของคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว ท่านอาจารย์ประมุขเล่าใช่เป็นอาวุโสในคฤหาสน์เฉวียนโยวด้วยหรือไม่?”

ขณะเดินทาง ต้วนหลิงเทียนที่เห็นความสนิทสนมระหว่างฉีเทียนหมิงกับซุนเหลียงเผิง ก็อดไม่ได้ที่จะถามเรื่องราวเพิ่มเติมออกมาด้วยความอยากรู้

“ไม่ผิด ข้าเป็นศิษย์พี่ของอาจารย์เสี่ยวเผิงเผิงจริงๆ…”

ดิ้นคำถามของต้วนหลิงเทียน ดวงตาของชายชราก็กลายเป็นพร่ามัวฉายแววคิดถึงไม่น้อย “ตอนนี้อาจารย์ของมันกับข้า พวกเราก็เข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยวพร้อมๆกัน…แต่โชคมันไม่ดีเท่าข้า และตกตายไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง สุดท้ายจึงไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้เห็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวกลายเป็นประมุขของนิกายอมตะเป้าผู่…”

“อย่างไรก็ตาม หากมันยังมีชีวิตอยู่บนฟ้าและสามารถรับรู้ได้ว่าเสี่ยวเผิงเผิงกลายเป็นประมุขนิกายอมตะเป้าผู่แล้ว มันต้องยินดีอย่างยิ่งเป็นแน่…เพราะความปรารถนาชั่วชีวิตของมันก็คือได้เป็นประมุขนิกายอมตะเป้าผู่”

กล่าวจบ ชายชราก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน

“แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง?”

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “นั่นมิใช่สถานที่ๆจำกัดด่านพลังผู้เข้าให้อยู่ในขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศหรือไร? อาจารย์ท่านประมุขตกตายในนั้น…หมายความว่าตกตายก่อนบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกแล้ว”

ชายชรากล่าว “ตอนนั้นพวกเราทั้งคู่ก็ยังมีด่านพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศเท่านั้น ในฐานะศิษย์คนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยว พวกเราก็ต้องเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง…ข้าโชคดีรอดชีวิตมาได้ แต่มันกลับต้องตายอยู่ในนั้น”

“หลังจากมันตาย ข้าก็กลับมาทำใจอยู่ที่นิกาอมตะเป้าผู่และดูแลเสี่ยวเผิงเผิงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหวนกลับคฤหาสน์เฉวียนโยวอีกครั้ง…ต่อมาข้าก็ไต่เต้าจนได้กลายเป็นอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยว และก็เริ่มแข่งขันช่วงชิงตำแหน่งผู้ตรวจการของคฤหาสน์เฉวียนโยวกับผู้อื่น สุดท้ายข้าก็ชนะจนได้เป็น 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยว”

ถึงแม้ชายชราจะไม่ได้กล่าวรายละเอียดมากมายอะไร แต่ฟังจากน้ำเสียงของชายชราที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงความเศร้าจากการสูญเสีย ความเหน็ดเหนื่อยและความยากลำบาก รวมถึงความภาคภูมิใจของชายชราที่ฟันฝ่ามาจนกลายเป็น 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยว

“แบบนี้นี่เอง”

ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับบ จากนั้นก็เอ่ยถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่ท่านผู้เฒ่าฉี…ที่ท่านบอกข้าว่ากฏเกณฑ์ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมันนต่างจากระดับต่ำ…ไม่ทราบว่ามันแตกต่างกันอย่างไรบ้างหรือ?”

“แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนั้น นานๆทีจักเปิดและมีไว้สำหรับให้เหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดเข้าไปแสวงหาโชควาสนา และมีเพียงแต่ผู้เข้มแข็งเท่านั้นถึงจักรอดชีวิตกลับออกมาได้…สิ่งนี้เป็นดั่งการคัดกรองยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดของแต่ละเขตคฤหาสน์เฉยๆ ไม่ได้มีความขัดแย้งแข่งขันกับภายนอกแต่อย่างไร”

ชายชราหยุดลงเล็กน้อย ค่อยกล่าวสืบต่อ “หากทว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้น เป็นสถานที่ๆมีไว้สำหรับให้แต่ละคฤหาสน์แข่งขันกันอย่างเปิดเผย เป็นดั่งสนามประลองช่วงชิงผลงาน และจักสรุปผลงานทุกๆเดือน…ผู้ที่จักเข้าร่วมคือมือดีที่แต่ละคฤหาสน์เลือกเฟ้นมาแล้ว”

“ขุนนางอมตะ 10 ทิศของแต่ละคฤหาสน์จะแข่งขันแย่งชิงคะแนนกันในนั้น…และอันดับของขุนนางอมตะที่เข้าร่วมจะส่งผลต่อรางวัลที่ต้นสังกัดจักได้รับจาก 10 ตระกูลใหญ่ตลอดเวลา”

“ตัวอย่างก็เช่น หากขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราได้อันดับ 1 ในเดือนนี้…และสามารถรักษาอันดับ 1 ไปได้จนถึงสิ้นเดือน คฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเราก็จักได้รับรางวัลจาก 10 ตระกูลใหญ่ ส่วนขุนนางอมตะ 10 ทิศที่ทำผลงานได้ดีจนเป็นอันดับ 1 ทางคฤหาสน์เฉวียนโยวเราก็จักให้รางวัลมันเอง”

“ยิ่งอันดับที่ได้สูง ของรางวัลที่ได้ก็จะยิ่งมาก…”

หลังชายชรากล่าวออกมาคร่าวๆรวดเดียวจบ ต้วนหลิงเทียนก็จับประเด็นได้ไม่น้อย และชายชรายังเลือกกจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจมากขึ้น

ทำให้ต้วนหลิงเทียนเองก็รับทราบกระจ่างแจ้ง ว่าที่แท้แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเป็นอย่างไร…

แดนสวรรค์ใต้ระดับกลาง ไม่ต่างใดจากสถานที่ๆมีไว้สำหรับขัดเกลายอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศของ คฤหาสน์อมตะระดับ 6 และมันจะเปิดตลอดเวลา ซึ่งตารางอันดับก็จะทำการจัดใหม่ทุกเดือน และคฤหาสน์ระดับ 6 ทั้งหลายจะได้รางวัลจาก 10 ตระกูลใหญ่มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับผลงานในแต่ละเดือน

โดยปกติแล้วคฤหาสน์ระดับ 6 แต่ละแห่ง จักต้องจ่ายส่วยเป็นผลึกอมตะระดับสูงจำนวนมากให้ 10 ตระกูลใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังทุกเดือน…

อย่างไรก็ตาม หากขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เป็นตัวแทนของคฤหาสน์ สามารถแสดงฝีมือได้ดีและติดอยู่ใน 20 อันดับแรกของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และสามารถครองอันดับได้จนถึงสิ้นเดือน ก็จะทำให้คฤหาสน์ต้นสังกัดได้รับรางวัลเป็นการไม่ต้องจ่ายส่วยเดือนนั้นให้ 10 ตระกูลใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง

หากสามารถติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ ไม่เพียงเดือนนั้นคฤหาสน์ต้นสังกัดจะไม่ต้องจ่ายส่วยให้ 10 ตระกูลใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง กระทั่งเดือนหน้าก็ไม่ต้องจ่ายด้วย และถ้าเดือนหน้ายังสามารถครอง 10 อันดับแรกได้อีก ก็จะได้รับรางวัลเพิ่มเติม ยิ่งได้อันดับสูงเท่าไหร่ ของรางวัลที่จะได้รับจาก 10 ตระกูลใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนั้นยังมีกฏและรายละเอียดยิบย่อยต่างๆอีกมากมาย

“ฟืด—”

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังได้ทราบว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางคืออะไร

เดิมทีเขานึกว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็จะมีลักษณะคล้ายแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ที่ให้เข้าไปต่อสู้ช่วงชิงโชควาสนา แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นดั่งเวทีประลองเป็นตายขนาดใหญ่ ที่ขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์ระดับ 6 เข้าไปประหัตประหารเข่นฆ่ากันอย่างโจ๋งครึ่มเพื่อผลประโยชน์

เพื่อที่จะไม่ต้องจ่ายส่วยในแต่ละเดือน คฤหาสน์อมตะระดับ 6 จะส่งมือดีขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศของตัวเองเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และแข่งขันเพื่อชิง 20 อันดับแรกมาให้ได้…

“อันดับที่ได้รับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็จะคงอยู่ในแต่ละเดือน และจะประกาศอันดับที่ได้เป็นทางการเมื่อถึงสิ้นเดือน…พอวันแรกของเดือนใหม่เริ่มต้น ก็จะทำการโล๊ะอันดับทั้งหมด และเริ่มแข่งขันจัดอันดับกันใหม่…ดำเนินไปในลักษณะนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…”

ในหูของต้วนหลิงเทียนยังเสมือนมีเสียงอธิบายของชายชราดังก้องซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เขาเข้าใจกระจ่างว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเป็นอย่างไร

“ผู้เฒ่าฉี…”

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหาใจเข้าลึกๆ ก่อนจะมองถามชาชราด้วยความสงสัยอีกครั้ง “เป็นไปได้ไหมที่เหล่าศิษย์ขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศที่สามารถทำผลงานในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ดี…จะมีโอกาสได้รับอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน?”

ถึงแม้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจะมีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันและไม่ได้มีแค่ 1 รวมถึงมีแม้กระทั่งอุปกรณ์ระดับเทพ แต่สิ่งเหล่านี้เขาไม่อาจนำออกมาใช้อย่างโจ่งแจ้งได้ หาไม่แล้วคงกลายเป็นหายนะสำหรับเขา

ดังคำกล่าวที่ว่า

คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก!

อย่างไรก็ตามหากไปถึงคฤหาสน์เฉวียนโยวและมีช่องทางให้ได้รับอุปกรณ์อมตะจอมราชัน เขาก็สามารถต่อสู้เพื่อช่วงชิงอุปกรณ์อมตะจอมราชันและนำมาใช้อย่างเปิดเผยได้ โดยที่ไม่ต้องกลัวจะตกเป็นเป้าของคนอื่น เพราะคงไม่มีใครกล้าคิดแย่งชิงอุปกรณ์อมตะจอมราชันของคฤหาสน์เฉวียนโยว

“โอกาสย่อมมี”

พอชายชราพยักหน้าขานคำ และในขณะที่สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างวาบ มันก็เอ่ยต่อว่า “แต่ยากเย็นไม่น้อย”

“ยากเย็นขนาดไหนหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเพิ่ม

“ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ ว่าถึงเดือนนี้เจ้าจักเข้าไปต่อสู้ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจนได้รับอันดับ 1 มา ถึงเจ้าจะรักษาอันดับ 1 ได้ถึงสิ้นเดือน ทว่าพอขึ้นเดือนใหม่อันดับของเจ้าก็จะถูกล้างทันที หากคิดจะได้รับอันดับ 1 อีกครั้ง เจ้าก็ต้องต่อสู้ช่วงชิงและเก็บคะแนนให้มากพอขึ้นอันดับ 1 อีกรอบ”

ชายชรากล่าวถึงจุดนี้ก็หุดลงเล็กน้อย ค่อยเอ่ยออกเสียงเข้ม “และทาง 10 ตระกูลใหญ่ได้ทำข้อตกลงกันเอาไว้แล้ว ว่าหากมีขุนนางอมตะ 10 ทิศคนใดสามารถได้อันดับ 1 ติดต่อกันเป็นเวลาทั้งสิ้น 12 เดือน ก็จักได้รับอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันจาก 10 ตระกูลใหญ่เป็นของรางวัล”

“แน่นอนว่าเป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทอาวุธ…”

“แต่ถ้าหากเจ้าสามารถรั้งอันดับ 1 ไว้ได้ถึง 24 เดือนล่ะก็ เจ้าไม่เพียงจะได้รับอุปกรณ์อมตะจอมราชันชิ้นที่ 2 จาก 10 ตระกูลใหญ่ แต่อุปกรณ์อมตะจอมราชันชิ้นที่ 2 ที่เจ้าจักได้รับยังเป็นชุดเกราะ!”

“ในขณะเดียวกัน ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่สามารถครองอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นเวลา 24 เดือนได้ ก็สามารถเลือกที่จะเข้าร่วมกับ 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ได้ทันที และกลายเป็นคนของตระกูลใหญ่นั้นๆ เพลิดเพลินกับทรัพยากรบ่มเพาะมากมาย อีกทั้งยังมีโอกาสแข่งขันกับทายาทสายตรงของตระกูลใหญ่นั้นๆ เพื่อแย่งชิงทรัพยากรในการบบ่มเพาะที่ดียิ่งขึ้น”

ชายชรากล่าวถึงจุดนี้ ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง

ขณะเดียวกัน สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที

สำหรับเขาแล้ว สิ่งนี้ไม่ต่างอะไรจากวิธีที่จะยกระดับพังฝึกปรือให้เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด!

24 เดือนก็คือ 2 ปี!

หากเขารั้งอันดับ 1 ได้เป็นเวลา 2 ปี…ก็จะได้เข้าสู่ 10 ตระกูลใหญ่! ถึงตอนนั้นก็สามารถฉกฉวยทรัพยากรล้ำค่าของพวกมัน และยกระดับพลังฝึกปรือของเขาได้อย่างรวดเร็ว!!

War sovereign Soaring The Heavens

War sovereign Soaring The Heavens

Status: Ongoing

จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย

การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้!

ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ …

ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท