WSSTH ตอนที่ 3,216 : การเปลี่ยนแปลงของหวงเอ้อ
ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ พึ่งจะนั่งบ่มเพาะพลังในหุบเขาน้ำแข็งไปได้แค่ครึ่งวัน ก็ถูกไฉฉงอี้ ประมุขนิกายอมตะเสวี่ยหยาเรียกหาเสียแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของไฉฉงอี้ ต้วนหลิงเทียนก็ลืมตาขึ้นมา จากนั้นเขาก็แลเห็นร่างคนตระกูลถงทั้ง 4 ที่ถูกเขาเตะโด่งออกไปก่อนหน้า ย้อนกลับมาอีกรอบ และนอกจากพวกมันยังมีอีก 5 ติดตามมาด้วย
ดูจากระยะห่างแล้ว 5 ร่างด้านหลังได้แบ่งพรรคแบ่งพวกชัดเจน ฝ่ายนึงมี 2 อีกฝ่ายมี 3
“2 คนที่เหาะใกล้กันด้านซ้ายคือแพะเฒ่าจากตระกูลซือถู…ส่วน 3 คนด้านขวานั่น คือผู้พิทักษ์อาวุโสของนิกายอมตะเชียนฉวิน และทั้งหมดล้วนเป็นจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด และจะตระกูลซือถูหรือนิกายอมตะเชียนฉวินพวกมันยังมีจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดอีกคนที่เป็นผู้นำ ทว่าไม่ได้มา”
ก่อนที่ทั้ง 9 จะเหินร่างเข้าเขตหุบเขาน้ำแข็ง ไฉฉงอี้ก็เอ่ยความเป็นมาของพวกมันให้เขาทราบ
และหลังจากไฉฉงอี้กล่าวจบคำได้ไม่นานนัก ร่างทั้ง 9 ก็เหินเข้าเขตหุบเขาน้ำแข็งแล้ว
“เป็น 2 คนนั่น! ไฉฉงอี้อ้างว่าพวกมันทั้งคู่เป็นอาวุโสทรงเกียรติของนิกายอมตะเสวี่ยหยา…แต่ข้าดูทรงแล้วมิพ้นพวกมันเป็นมือปืนรับจ้างที่ไฉฉงอี้จ้างมาเป็นแน่! หาไม่แล้วอาศัยนิกายเสวี่ยหยาของพวกมัน ไฉนดึงดูดยอดฝีมือเช่นนี้มาเข้าร่วมได้?!”
หลังจากที่ร่างทั้ง 9 ลุถึงหุบเขาน้ำแข็ง ถงจิน ผู้นำตระกูลถง ก็มองจ้องมายังร่างต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเขม็ง พลางกล่าวกับคนของตระกูลซือถูและนิกายอมตะเชียนฉวินด้วยประกายตาเรืองวาบ ราวกับเชื่อว่าข้อสันนิษฐานของตัวเองต้องถูกต้องแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม ไม่ทันที่คนของตระกูลซือถูกับนิกายอมตะเชียนฉวินจะได้ตอบสนองสิ่งใด ฮ่วนเอ๋อแต่เดิมที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน ก็ย่ำเท้าก้าวขึ้นมาในอากาศ ก่อนจะกวาดตามองคนทั้ง 9 ผ่านๆรอบหนึ่ง ค่อยมาตกลงบนร่างพวกถงจินทั้ง 4 พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเจ้ากลับกล้ายึดถือคำพูดของพี่หลิงเทียนเป็นแค่ลมที่ผ่านหูงั้นหรือ…”
ขณะที่ฮ่วนเอ๋อกล่าวคำเย็นชาออกมา พลังวิญญาณของนางก็กำจายออกไปเป็นวงกว้าง ทำให้ร่างทั้ง 9 ชะงักค้างไปทันใด และรอบนี้สายตาทุกคนกลับกลายเป็นเหม่อลอยดุจคนไร้สติสัมปชัญญะ!
ในขณะที่ทั้ง 9 คล้ายเลื่อนลอยไม่ได้สติ ฮ่วนเอ๋อก็อันตรธานร่างไปจากจุดเดิม ปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่เบื้องหน้าคนตระกูลถงทั้ง 4 แล้ว แหวน 9 วิญญาณหยินหยานปราฏขึ้นในมือ ก่อนจะก่อเกิดกระบี่พลังมีสภาพพุ่งไปทางคนตระกูลถงทั้ง 4 ปานลำแสง!!
ซึบ! ซึบ! ซึบ! ซึบ!
…
กระบี่พลังมีสภาพที่พุ่งไปดั่งลำแสงจากแหวน 9 วิญญาณหยินหยาง เจาะทะลวงหว่างคิ้วทะลุหลังหัว ลากเส้นแดงเป็นสายยาวไปกลางหาว พรากชีวิตคนสกุลถงทั้ง 4 ไปในบัดดล!
ในเวลาเดียวกันกับที่ชีวิตของคนสกุลถงทั้ง 4 หลุดลอย อีก 5 คนจาก 2 ขุมกำลังก็หวนกลับมาได้สติอีกครั้ง จากนั้นเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นสีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง ร่างแต่ละคนเร่งปะทุพลังชั่วชีวิตแยกย้ายกันล่าถอยออกไปตั้งหลักเร็วไว ค่อยมองจ้องมายังฮ่วนเอ๋อด้วยสายตาทำราวกับเห็นศัตรูตัวฉกาจ!
บัดนี้ ในแววตาของพวกมีแต่ความหวาดกลัว!!
หวาดกลัวจับใจ!
สตรีที่มีรูปโฉมงดงามไร้คู่เปรียบนางนี้ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!!
เพียงเวลาแค่เสี้ยวพริบตา จอมราชันอมตะทั้ง 4 ของตระกูลถงก็ถูกฆ่าตายหมดสิ้น!!
ต้องทราบด้วยว่าหากทั้ง 4 ของตระกูลถงผนึกกำลังกันลงมือ ต่อให้พวกมัน 5 คนจะร่วมมือกัน อย่างน้อยๆก็ต้องใช้เวลาราวๆ หนึ่งก้านธูปถึงจะสยบปราบได้
แต่สตรีเบื้องหน้า เข่นฆ่าในพริบตา! ยังรวบรัดหมดจดนัก!!
“หากว่าเมื่อครู่ เป้าหมายของนางเป็นพวกเรา…พวกเราคงตายไปแล้ว”
ทั้ง 5 หันมามองหน้าสบตากันเร็วไว ก่อนจะแลเห็นซึ้งถึงความหวาดกลัวของกันและกัน
“นี่…”
ไฉฉงอี้ประมุขนิกายอมตะเสวี่ยหยา ไม่เว้นเหลี่ยนชิวเหอกับเห่าวั่งอาวุโสสูงสุดของนิกายอมตะเสวี่ยหยา บัดนี้ได้แต่มองร่างบางชุดขาวกลางหาวด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด
ถึงแม้พวกมันจะรู้แต่แรกแล้วว่าอาวุโสทรงเกียรติฮ่วนเอ๋อนางนี้ร้ายกาจมาก
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่คิดไม่ฝันว่านางจะร้ายกาจปานนี้!
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา กลับเข่นฆ่าสังหารคนสกุลถงทั้ง 4 ได้อย่างง่ายดาย สุดที่ทั้ง 4 จะต้อต้านแข็งขืนใดๆได้เลย!
“พี่ใหญ่หลิงเทียน”
ในขณะที่ทุกสายตากำลังชมมองฮ่วนเอ๋อด้วยความหวาดผวาขลาดกลัว ฮ่วนเอ๋อก็โบกมือเก็บแหวนพื้นที่ของคนสกุลถงเป็นสินสงคราม จากนั้นนางก็โรยตัวลงมาหยุดยืนข้างต้วนหลิงเทียน พลางยืนแหวนส่งให้ด้วยท่าทางว่าง่าย
“ว่าแต่พวกเจ้า 5 คน…จะนิกายอมตะเชียนฉวินก็ดีตระกูลซือถูก็ดี มีใครคันไม้คันมือรึเปล่า?”
หลังจากเก็บแหวนพื้นที่ของคนตระกูลถงทั้ง 4 แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆหันไปกวาดตามองถามคนทั้ง 5 จากนิกายอมตะเชียนฉวินและตระกูลซือถูด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
คันไม้คันมือ?
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน มุมปากทั้ง 5 อดกระตุกขึ้นมาตงิดๆไม่ได้
คันไม้คันมือกับผีสิ!
คนตระกูลถงทั้ง 4 ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าพวกมันเลย แต่เสี้ยวพริบตาทั้งหมดก็ตายเป็นผีกันหมด แล้วพวกมันจะไปมีผลลัพธ์แตกต่างอันใด?
“ข้าซือถูเฟิง ในนามของตระกูลซือถู พวกเราจักมิคัดค้านการตัดสินใจใดๆของนิกายอมตะเสวี่ยหยาพวกท่านอีก…นอกจากนั้นในเมื่อจอมราชันอมตะทั้ง 4 ของตระกูลถงตกตายหมดสิ้นแล้ว หมายความว่าตระกูลถงมิอาจมาใช้ที่นี่ได้อีก เช่นนั้นต่อไปนิกายอมตะเสวี่ยหยาจักสามารถใช้เวลาที่นี่ได้นานครึ่งปี ส่วนพวกเราตระกูลซือถูกับนิกายอมตะเชียนฉวินจักยึดถือเวลา 3 เดือนดังเดิม มิทราบใต้เท้าเห็นเป็นเช่นไร?”
ในขณะที่คนของตระกูลซือถูเอ่ยถามความเห็นต้วนหลิงเทียนออกมา สีหน้าท่าทีของมันเผยอาการกล้าๆกลัวๆชัดเจน แววตาฉายชัดถึงความวิตกกังวล
“นิกายอมตะเชียนฉวินเราเห็นด้วยกับตระกูลซือถู”
คนของนิกายอมตะเชียนฉวินทั้ง 3 ก็เร่งกล่าวเห็นชอบกับคนตระกูลซือถูทันที ราวกับพวกมันหวาดกลัวจะเดินตามรอยเท้าคนของตระกูลถงทั้ง 4 ไป
“พวกเจ้านับว่าฉลาด”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ “ในเมื่อพวกเจ้าฉลาดเฉลียวแบบนี้ ข้าก็ไม่คิดสร้างความลำบากใจให้พวกเจ้า…ทว่าสิ่งที่พวกเจ้าเสนอนั้น ข้าคิดว่าให้นำไปใช้หลังจากนี้อีก 60 ปีจะดีกว่า และตลอดระยะเวลา 60 ปีนับจากวันนี้ ที่นี่จักมีนิกายอมตะเสวี่ยหยาใช้ได้เพียงผู้เดียว ตระกูลซือถูรวมถึงนิกายอมตะเชียนฉวินไม่อาจก้าวเข้ามาที่นี่ได้แม้แต่ครึ่งก้าว!”
“พวกเจ้ายอมรับหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน คนของตระกูลซือถูกับคนนิกายอมตะเชียนฉวินก็หน้าเปลี่ยนสีทันที ด้วยไม่คิดเลยว่าพอพูดออกมา ต้วนหลิงเทียนก็คิดจะยึดครองที่นี่ฝ่ายเดียว 60 ปีทันที
แต่ในที่สุดพวกมันก็ยอมรับได้
เวลาแค่ 60 ปีพวกมันรอได้สบาย
ยิ่งไปกว่านั้นหากนับเวลาที่พวกมันเอาเปรียบนิกายอมตะเสวียหยามาเนิ่นนาน หากต้องชดใช้คืนกันจริงๆ เกรงว่าคงเกิน 60 ปีไปไกลโข!
จนเมื่อคนของตระกูลซือถูและนิกายอมตะเชียนฉวินจากไปได้สักพักแล้ว พวกไฉฉงอี้ทั้ง 3 ถึงดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้อีกครั้ง แต่นี่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้พวกมันรู้สึกเสมือนกำลังฝันไปอย่างไรอย่างนั้น
“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโสทรงเกียรติทั้ง 2!”
และพอทั้ง 3 กลับมามีสติแล้ว สิ่งงแรกที่พวกมันทำก็คือพร้อมใจกันประสานมือโค้งคารวะให้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อด้วยความซาบซึ้ง
“หลังจากนี้พวกข้าจะบ่มเพาะพลังที่นี่แล้วกัน…พวกท่านก็ไม่ต้องใส่ใจพวกเรามากนัก สามารถมาใช้ที่นี่ได้ตลอดเวลา เพราะพวกเราไม่ได้สนใจพลังวิญญาณฟ้าดินหรือการตระหนักรู้กฏน้ำแข็งสักเท่าไหร่”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับคนของนิกายอมมตะเสวี่ยหยาทั้ง 3
หลังจากนี้เขาคิดจะเฝ้าอยู่ที่นี่ เพื่อติดตามสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของหวงเอ้อ หากเกิดอะไรผิดพลาดจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที
“ขอบคุณผู้อาวุโสทรงเกียรติ!”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ดวงตาคนทั้ง 3 ก็ทอประกายสว่างจ้าขึ้นมา มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตายังฉายถึงความสำนึกบุญคุณไม่น้อย
“หากพวกท่านคิดจะตอบแทน…วันหน้าหากได้เบาะแสเรื่องผลไม้อมตะหรือโอสถอมตะล้ำค่าที่สามารถส่งเสริมการบ่มเพาะพลังขอบเขตราชาอมตะได้ เพียงแจ้งข้าให้ทราบก็พอ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“เรื่องนี้ขอท่านผู้อาวุโสทรงเกียรติอย่าได้เป็นกังวล หากหน่วยยข่าวกรองนิกายอมตะเสวี่ยหยาเราได้เบาะแสใดที่ยืนยันข้อเท็จจริงได้แล้ว…พวกเราจะแจ้งให้ท่านทราบทันที”
ไฉฉงอี้กล่าวรับปากเป็นมั่นเหมาะ
“ท่านอาวุโสทรงเกียรติ พอดีข้ามีผลไม้อมตะที่ราชาอมตะสามารถใช้ได้ติดตัวอยู่ 2 ผล…หากท่านไม่รังเกียจโปรดรับไว้ด้วย”
“ข้าก็มีเหมือนกัน”
เหลี่ยนชิวเหอกับเห่าวั่งเร่งหยิบควักผลไม้อมตะที่มีติดตัวไว้ในแหวนนานปี ออกมามอบให้ต้วนหลิงเทียนทั้งหมดอย่างไม่เสียดาย
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ผลไม้อมตะธรรมดาๆไม่ได้มีค่ามากมายอะไร แต่อย่างน้อยๆมันก็ช่วยส่งเสริมพลังฝึกปรือให้ราชาอมตะได้จริงๆ สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว จังหวะนี้อะไรเขาก็เอาหมด เพราะถึงยุงจะตัวเล็กแค่ไหนมันก็ยังมีเนื้อ
หลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็เลือกจะอาศัยอยู่ในหุบเขาน้ำแข็ง
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดนั่งกลางแจ้ง ยังสร้างเรือนไม้ให้ฮ่วนเอ๋อเป็นพิเศษ ย้อนกลับไปขุดสนามหญ้า รวมถึงต้นไม้ใหญ่ที่มีชิงช้ามาปลูกไว้บนพื้นน้ำแข็งโดยอาศัยค่ายกลบางประการ ไม่เว้นแปลงดอกไม้ทั้งหลายจากบ้านลานหลังเดิม เรียกว่าดุจเนรมิตรที่พักในนิกายอมตะเสวี่ยหยาให้มาปรากฏที่หุบเขาน้ำแข็งก็ไม่ปาน
ในกระบวนการก่อสร้างจัดแต่งดังกล่าว 3 จอมราชันอมตะของนิกายอมตะเสวี่ยหยาก็ช่วยเหลือด้วยความกระตือรือร้น เรียกว่าเป็นลูกมือทำตามคำสั่งต้วนหลิงเทียนราวน้องชายผู้ว่าง่าย
อันที่จริงตั้งได้แต่ได้เห็นฉากเรื่องราวการเข่นฆ่าคนตระกูลถงทั้ง 4 ในเสี้ยวพริบตาของฮ่วนเอ๋อ พวกมันก็เคารพต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อดุจดั่งเทพเจ้า ไม่เพียงจะไม่กล้าละเลย ยังกลัวจะทำอะไรผิดพลาด จนเป็นเหตุทำให้ต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อเกิดความขุ่นเคือง จนออกจากนิกายอมตะเสวี่ยหยาไป
ตอนนี้พวกมันได้แต่หวังว่าทั้งคู่จะอยู่ในนิกายอมตะเสวี่ยหยาตลอดกาล
อย่างไรก็ตาม พวกมันรู้ดีแก่ใจว่วาเรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้
“60 ปี…ข้ารู้สึกว่ากำหนดเวลาที่อาวุโสทรงเกียรติหลิงเทียนกล่าวออกมา มิได้กล่าวออกมาลอยๆอย่างไร้ความหมาย และข้ามักรู้สึกว่า…หลังจากผ่านไปครบ 60 ปีแล้ว ทั้งคู่จะจากไป”
เหลี่ยนชิวเหอส่งเสียงผ่านพลังคุยกับเห่าวั่ง
“ข้าก็คิดเหมือนเจ้า อย่างไรเสียพวกแพะเฒ่าของตระกูลซือถูกับตัวน่าตายจากนิกายยอมตะเชียนฉิวทั้งหลาย ต้องไม่กล้าผิดสัญญาและลงมือบุ่มบ่ามแน่นอน…เว้นเสียแต่พวกมันจะยืนยันได้แล้วว่าอาวุโสทรงเกียรติหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อจะไม่ย้อนกลับมานิกายอมตะเสวี่ยหยาของพวกเราจริงๆ มิฉะนั้นพวกมันก็ทำได้แค่ซุกหางไว้ให้มิดชิดเท่านั้น…”
เห่าวั่งกล่าว
…
วสันต์ผ่านพ้นสู่คิมหันต์ จวบจนสารทมาเยือนก็แล้ว หากแต่ทุ่งน้ำแข็งรวมถึงหุบเขาน้ำแข็งแห่งนี้กลับไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทุ่งน้ำแข็งก็ยังคงมีทัศนียภาพดั่งเดิม หยาดหิมะหล่นฟ้าโปรยปราย ว่อนปลิวไปตามสายลมหนาว ทุกที่ทางทับถมไว้ด้วยหิมะขาวหนาตา
“หวงเอ้อ”
หลังผ่านไป 10 ปี เบื้องหน้าห้องหับในเรือนไม้เล็กๆของต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ก็ปรากฏสตรีงดงามในชุดสีรุ้ง ตอนแรกร่างของนางก็เลือนลางปานภูตผี แต่ต่อมาก็ค่อยๆชัดขึ้นจนคล้ายมีสภาพ
เป็นจิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน หวงเอ้อ!
“ขอบคุณนายท่านที่มอบชีวิตใหม่ให้ข้า!”
หวงเอ้อป้องมือประสานพลางคุกเข่าลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ตอนนี้จะภายนอกภายในคล้ายนางเคารพต้วนหลิงเทียนหมดใจ
และต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกได้ชัดเจน ว่าหวงเอ้อนั้นแตกต่างไปจากกาลก่อน
ถึงแม้ในอดีตหวงเอ้อจะเลือกเป็นจิตวิญญาณกระบี่หิงหลง 7 เปลี่ยนให้เขา แต่นางเสมือนคนที่มีชีวิตและประสบการณ์ รวมถึงการความคิดและการตัดสินใจเป็นตัวของตัวเอง เหมือนเลือกจะเป็นจิตวิญญาณกระบี่ให้เขาเพราะความจำเป็น
อย่างไรก็ตาม หวงเอ้อในตอนนี้ประหนึ่งกลายเป็นจิตวิญญาณกระบี่ที่เกิดมาเพื่อเขา ราวกับทุกถ้อยคำที่เขาเอ่ยสั่งนางล้วนปฏิบัติตามอย่างไร้เงื่อนไข ไม่ยึดติดกับชีวิตและความทรงจำในอดีตอีกต่อไป
“ผู้อาวุโสเพลิงเทพโกลาหล…นี่มันยังไงกันแน่?”
ต้วนหลิงเทียนที่งุนงงสงสัยในเรื่องนี้ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเพลิงเทพโกลาหลในร่าง
“มิแปลก ยังเข้าใจได้ง่ายนัก”
เพลิงเทพโกลาหลเอ่ยตอบเสียงดังฟังชัด “กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนนั้นแต่เดิมมันยอมรับเจ้าเป็นนายแล้ว ทั้งยังอยู่กับเจ้ามาเนิ่นนาน…แม้ก่อนหน้าหวงเอ้อจักเป็นจิตวิญญาณกระบี่เล่มอื่น แต่หลังจากที่นางผสานรวมเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนโดยสมบูรณ์ ความคิดและจิตใจของนางก็จักได้รับอิทธิพลจากความจงรักภัคดีของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่มีต่อเจ้า”
“ตอนนี้ต่อให้เจ้าสั่งให้นางฆ่าเจ้าหนูที่เรียกว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั่น นางก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย”
เพลิงเทพโกลาหลเอ่ยตอบ
“หรือว่า…ความทรงจำของนางทั้งหมด มันหายไปแล้ว?”
ได้ยินเรื่องที่เพลิงเทพโกลาหลพูด ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะผงะไป
“เปล่า ความทรงจำในอดีตของนางไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่เสมือนมันเจือจางและกลายเป็นเรื่องราวอันห่างไกลไร้สำคัญ…ตอนนี้สิ่งที่นางให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือการจงรักภัคดีต่อเจ้า เชื่อฟังคำสั่งของเจ้า เรียกว่าชีวิตของนางตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจตจำนงของเจ้า ดุจเจ้าคือเหตุผลเดียวในการดำรงอยู่ของนาง”
เพลิงเทพโกลาหลกล่าวสืบต่อ