War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3212

ตอนที่ 3212

ฟั่ฟฟฟฟฟ!!

แสงกระบี่สีรุ้งสว่างวาบขึ้น จากนั้นแสงกระบี่ดังกล่าวก็คล้ายจะอันตรธานหายไปในความว่างเปล่า ปรากฏอีกครั้งก็อยู่เบื้องหน้าจางจินอี้ที่พึ่งจะสะบัดมือเรียกป้ายหยกประจำตัวออกมาอย่างอัศจรรย์!

จางจินอี้ที่กำลังจะออกแรงบดขยี้ป้ายหยกประจำตัวในมือ แสงกระบี่สีรุ้งดังกล่าวก็ได้พาดผ่านร่างของมันตั้งแต่กลางกระหม่อมจรดหว่างขา แยกผ่าร่างของมันออกเป็น 2 เสี่ยงซ้ายขวาอย่างสมมาตร!

กระทั่งเกราะอมตะที่เปล่งม่านพลังสีเลือด ก็ถูกแสงกระบี่ดังกล่าวผ่าแยกเป็นสองเสี่ยงอย่าง่ายดาย ราวเป็นเยื่อกระดาษบางๆ!!

จางจินอี้ ทายาทสายตรงของตระกูลจางสาขาหลักแห่งเผ่าจิ้งจอกมายาในแดนฟ้าสิ้นสุด หลังจากใช้เวลาเฝ้ารออยู่ร้อยปี สุดท้ายก็ได้ทิ้งหนึ่งชีวิตลงในแดนลับสมบัติระดับ 3 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง…

แม้แต่ตัวจางจินอี้เอง ก็ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลย ว่าวันหนึ่งตัวมันจะพบพานจุดจบอะไรอย่างนี้…

“ไปกันเถอะ ฮ่วนเอ๋อ”

หลังฆ่าจางจินอี้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือริบสินสงครามมาเร็วไว จะแหวนพื้นที่ก็ดี กระบี่และเกราะอมตะจอมราชันก็ดี สุดท้ายก็กลายเป็นสินทรัพย์ของเขา

และจนถึงบัดนี้ประตูมิติอีก 2 บานยังไม่เปิดออก…

เห็นได้ชัดว่าการสู้ตะลุมบอนกันของ คน 4 กลุ่มใน 2 สนามประลองยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ

ณ 7 ภูมิภาคเบื้องบน

แดนฟ้าสิ้นสุด

ณ เผ่าจิ้งจอกมายา อาณาเขตของตระกูลจาง

“ผู้อาวุโส! ท่านผู้อาวุโส! แตกแล้ว…ลูกแก้ววิญญาณของจางจินอี้…แตกแล้วขอรับ!!”

ทันทีที่จางจินอี้ตกตาย ลูกแก้ววิญญาณของมันที่แตกลงก็ถูกพบเร็วไว และถูกรายงานไปยังอาวุโสระดับสูงของตระกูลจางทันที

“ว่าอะไร!?”

สีหน้าของผู้อาวุโสสูงตระกูลจางเปลี่ยนไปในฉับพลัน คนลุกขึ้นยืนพรวด “เกิดอันใดขึ้น มิใช่มันอยู่ที่แดนสวรรค์ใต้หรือไร? ยังมีผู้ใดในแดนสวรรค์ใต้หาญกล้าฆ่ามัน?”

จากนั้นไม่ทันไร อาวุโสที่รับหน้าที่ติดต่อกับตระกูลจางสาขาย่อยในแดนสวรรค์ใต้ก็ถูกอาวุโสระดับสูงของตระกูลจางเรียกตัวเข้าพบเป็นการด่วน

“จางจินอี้ตายแล้ว”

และวาจาของผู้อาวุโสสูงตระกูลจาง ก็ทำให้อาวุโสที่รับหน้าที่ติดต่อกับสาขาย่อยถึงกับหน้าเหวอไปทันที “อันใด!? จางจินอี้…ตายแล้ว!?”

“มิผิด เรื่องนี้เจ้าเร่งถามหัวหน้าเผ่าตระกูลจางสาขาแดนสวรรค์ใต้เสีย ว่าที่แท้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!? และหากมันไม่อาจหาคำอธิบายดีๆมามอบให้เจ้าได้ เช่นนั้นมันก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”

อาวุโสสูงตระกูลจางเอ่ยออกเสียงเข้ม

“ขอรับ”

จากนั้นยันต์อมตะสื่อสารสีทองก็ถูกใช้เร็วไว ไม่นานข้อความจากตระกูลจางสาขาหลักบนแดนฟ้าสิ้นสุดก็ข้ามทะเลดาราโกลาหลจนมาถึง ตระกูลจางงสาขาแดนสวรรค์ใต้

“อะไรนะ!?”

หลังได้รับข้อความดังกล่าว จางตงหนาน หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาของสกุลจางสาขาแดนสวรรค์ใต้ ก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที “ทูต…ตายแล้ว? ไม่ใช่มันอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงหรือไร? คงมิใช่ว่าหลังออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณ ตอนกำลังเดินทางกลับมันเผลอไปหาเรื่องจอมราชันอมตะผู้ใดระหว่างทางแล้วถูกฆ่าตายหรอกนะ?”

จางตงหนานงุนงงไม่น้อย อยากรู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น

อย่างไรก็ตามไม่ว่ามันจะใช้วิธีอะไร แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ดี “สามารถยืนยันได้แค่เรื่องเดียวเท่านั้น…ด้วยอันดับของทูตยามนั้น สมควรเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 3…”

“แต่ในแดนลับสมบัติระดับ 3 ยังมีสิ่งใดเป็นภัยคุกคามมันได้กัน? หรือมันจะประมาทจนถูกจิตวิญญาณฆ่าเอาจริงๆ?”

ถึงแม้ว่าจิตวิญญาณค่ายกลในแดนลับสมบัติระดับ 3 จะเป็นภัยคุกคามอยู่บ้าง ทว่าด้วยพลังของจางจิ้นอี้ แม้จะเอาชนะไม่ได้ แต่ก็สมควรหนีเอาตัวรอดได้อยู่ดี

ในแดนลับสมบัติระดับ 3 ไม่มีจิตวิญญาณค่ายกลตัวใด ที่ร้ายกาจถึงขั้นที่จางจินอี้ไม่อาจหนีได้

“หืม? ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ…ก็เข้าสู่แดนลับสมัติระดับ 3 ด้วยรึ?”

หลังจากนั้นไม่นานจางตงหนานก็ได้รับข้อมูลเรื่องนี้ สีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที “หากเป็นฮ่วนเอ๋อตัวจริง…ในเมื่อร้อยปีก่อนนางมีพลังฝีมือถึงระดับนั้น…”

“ตอนนี้หลังผ่านไปอีกร้อยปี เรื่องที่นางจะแข็งแกร่งมากพอสังหารทูตก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!”

หลังคิดถึงจุดนี้ จางตงหนานก็รายงานกลับไปยังอาวุโสตระกูลจางสาขาหลักทันที

อาวุโสที่รับข้อความของจางตงหนาน ก็เร่งนำไปรายงานอาวุโสสูงของตระกูลจางอีกที

“เช่นนั้นเจ้าจงลงไปสืบเรื่องนี้ที่แดนสวรรค์ใต้เสีย…ไม่ว่ามันจะเป็นผู้ใด แต่ในเมื่อกล้าเข่นฆ่าทายาทสายตรงของสกุลจางเรา เช่นนั้นมันต้องตาย!”

อาวุโสสูงตระกูลจางเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

“ผู้น้อยทราบ”

อาวุโสเร่งประสานมือรับคำเร็วไว จากนั้นก็หันหลังจากไป เร่งรุดเดินทางไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก

ในเวลาเดียวกัน

ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่ตระเวนไปในแดนลับสมบัติระดับ 3 ในที่สุดก็ได้พบเจอจิตวิญญาณค่ายกลตัวแรกที่ปกป้องสมบัติอยู่…

อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณค่ายกลตัวนี้อ่อนแอเกินไป ต้วนหลิงเทียนเพียงชกออกไปส่งๆหมัดเดียวก็ทำลายมันได้ง่ายดาย

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ตระเวนหาจิตวิญญาณค่ายกลตัวอื่นต่อ

‘จางจินอี้ตายไปแบบนี้ ทางเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาหลักไม่พ้นต้องเร่งตรวจสอบการตายของมันแน่…ฮ่วนเอ๋อหรือแม้แต่ข้าเองก็ไม่พ้นต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลัก’

‘อย่างไรก็ตาม ต่อให้พวกมันจะสงสัยพวกเรามากแค่ไหน พวกมันก็ไม่อาจไปหาความอะไรจากคฤหาสน์เฉวียนโยวได้เพราะเรื่องนี้…เพราะสุดท้ายแล้วฮ่วนเอ่อจะใชจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาหรือไม่ พวกมันก็ยังไม่อาจชี้ชัดได้’

‘และในสายตาของจางตงหนานหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาสาขาแดนสวรรค์ใต้ พวกเราก็เดินทางออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวไปนานแล้ว ถึงแม้มันอาจเอะใจเรื่องที่พวกเราอาจไม่ได้ออกไปไหนจริงๆ แต่คนฉลาดอย่างมัน ไม่มีทางลากคฤหาสน์เฉวียนโยวลงน้ำเพราะเรื่องนี้แน่นอน’

‘มันในตอนนี้ ไม่กล้าคิดล่วงเกินข้ากับฮ่วนเอ๋อแน่…’

ถึงแม้จะได้พบเจอจางตงหนานแค่ 2 ครั้ง ทว่าแค่ครั้งแรกจางตงหนานก็ได้ทิ้งความประทับใจไว้ให้ต้วนหลิงเทียนไม่น้อย

เขามองออกได้ไม่ยากว่าจางตงหนานผู้นี้ ฉลาดเฉลียวทั้งเจ้าเล่ห์ไม่เบา

หากมันคิดจะขายคฤหาสน์เฉวียนโยวจริง มันก็ต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมาหลังจากล่วงเกินเขากับฮ่วนเอ๋อด้วย

แม้ในตอนนี้เขากับฮ่วนเอ๋ออาจจะไม่เป็นภัยคุกคามอะไร แต่ในอนาคตเล่า? จางตงหนานไม่มีทางโง่งมถึงขั้นไม่คำนึงถึงจุดนี้แน่นอน

ดังนั้นต้วนหลิงเทียนก็เลยไม่ได้กังวลอะไรมากมาย และพาฮ่วนเอ๋อท่องไปทั่วๆแดนลับสมบัติระดับ 3

อย่างไรก็ตาม แม้จะพบเจอจิตวิญญาณค่ายกลที่ร้ายกาจอยู่บ้าง จนทำให้ฮ่วนเอ๋อต้องทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อทำลายมัน อนิจจาฮ่วนเอ๋อยังไม่พบโอกาสที่จะทะลวงไปยังขอบเขตจอมราชันอมตะอยู่ดี

ตอนนี้เวลา 10 วันที่สามารถอยู่ในแดนลับสมบัติระดับ 3 ได้ ก็หลงเหลืออีกแค่ครึ่งวันเท่านั้น

“ฮ่วนเอ๋อ พวกเราออกไปกันเถอะ…ได้เวลาออกจากหลิงหลัวเทียนและไปอวี้หวงเทียนกันแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนหันไปกล่าวชวนฮ่วนเอ๋อ ก่อนจะบดขยี้ป้ายหยกเพื่อออกไป จากนั้นเขาก็ได้ไปร่ำลาจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ก่อนจะเดินทางออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยว

หลังจากต้วนหลิงเทียนพาฮ่วนเอ๋อมาใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกในเมืองที่อยู้ใต้การปกครองโดยตรงของคฤหาสน์เฉวียนโยว ทั้งคู่ก็สามารถเดินทางไปยังหลิงหลัวเทียนได้อย่างราบรื่น

แน่นอนว่าตั้งแต่ก่อนจะกลับออกมาจากแดนลับสมบัติระดับ 3 ต้วนหลิงเทียนก็ได้นำชุดคลุมลมดำออกมา 2 ชุด สำหรับให้เขากับฮ่วนเอ๋อสวมใส่เพื่อปกปิดตัวตนเรียบร้อย

เหตุผลก็คือเพื่อหลีกเลี่ยงการชักนำปัญหาต่างๆมาสู่คฤหาสน์เฉวียนโยว

ในขณะเดียวกัน ด้านอาวุโสของตระกูลจางสาขาหลักแดนฟ้าสิ้นสุด ก็ได้มาพบกับจางตงหนาน ก่อนจะเริ่มตามสืบเรื่องราวของจางจินอี้จากเบาะแสทั้งหมดที่ได้มา และในที่สุดก็มาพบเจอคนที่เจอจางจินอี้ในแดนลับสมบัติระดับ 3

“เจ้านั่นพลังฝีมือของมันร้ายกาจมาก ก่อนจะเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 3 มันยังฆ่าคนที่ทำให้มันขุ่นเคือง…อย่างไรก็ตามหลังเข้าไปยังแดนลับสมบัติระดับ 3 แล้ว มันกลับไม่ออกไปตามหาสมบัติใดๆ เพียงรออยู่ด้านหน้าประตูมิติอีก 3 บายที่ยังไม่เปิด…หลังจากนั้นข้าที่รีบออกไปหาสมบัติ ก็ไม่รู้อะไรแล้ว”

จางตงหนานกับอาวุโสจากเผ่าหลักแดนฟ้าสิ้นสุด พอได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวก็ขมวดคิ้วทันที

“เจ้าคิดว่าคนที่ฆ่าจางจินอี้ จะใช่สตรีนามฮ่วนเอ๋อที่พวกเจ้าสงสัยว่านางจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาหรือไม่?”

อาวุโสตระกูลจางจากเผ่าหลัก หันไปเอ่ยถามจางตงหนานเสียงขรึม

“อาจเป็นได้…แต่ที่ข้าน้อยไม่เข้าใจก็คือ ในเมื่อฮ่วนเอ๋อนั่นร้ายกาจถึงเพียงนั้น แล้วนางเข้าไปทำอะไรในแดนลับสมบัติระดับ 3…เดิมทีข้ายังคิดมาตลอดว่านางเป็นตัวปลอม แม้ท่านทูตจะเข้าไปยังแดนลับสมบัติระดับ 3 ก็จริง แต่สุดท้ายข้ากลับไม่ได้รับแจ้งเลยว่านางเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่”

“นอกจากนั้นอาจเป็นไปได้ว่า ท่านทูตอาจจะบดขยี้ป้ายหยกเพื่อออกจากแดนลับสมบัติระดับ 3 ทันทีเมื่อพบว่าฮ่วนเอ๋อที่ว่าเป็นตัวปลอม จากนั้นก็ประสบอุบัติเหตุด้านนอกจนถึงแก่ความตาย”

“เพราะอย่างไรเสียตลอดหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ท่านทูตที่รอคอยเวลาอย่างเบื่อหน่ายก็เดินทางออกไปด้านนอก ข้าเองก็มิกล้าละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัว เช่นนั้นจึงไม่ทราบว่าท่านทูตไปที่ใด และข้าก็ไม่ทราบว่าท่านทูตจักไปดูแคลนผู้ใด จนอีกฝ่ายลงมืออย่างไม่สนฐานะของท่านทูตหรือไม่…”

จางตงหนานกล่าว “กล่าวได้ว่า หากเป็นกรณีนี้จริง เช่นนั้นการตามหาฆาตกรสังหารท่านทูต ก็มิต่างใดจากงมหาเข็มในกองฟางแล้ว”

แต่ต้นจนจบจางตงหนานพยายามกล่าวเบี่ยงประเด็นเพื่อให้อาวุโสจากตระกูลจางสาขาหลักสับสน โดยชักนำให้อีกฝ่ายคิดว่ามีความเป็นไปได้มากกว่าที่จางจินอี้จะถูกยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันอมตะเข่นฆ่าเอาด้านนอก

และเรื่องนี้ยิ่งมาก็ยิ่งสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก

เป็นอย่างที่ต้วนหลิงเทียนคิดไว้ไม่มีผิด

แต่ต้นจนจบจางตงหนานไม่เคยกล่าวถึงคฤหาสน์เฉวียนโยว ให้ผู้อาวุโสของตระกูลจางสาขาหลักที่มาจากแดนฟ้าสิ้นสุดฟังเลย เห็นได้ชัดว่าไม่คิดสร้างปัญหาอะไรเพิ่มเติม

แน่นอนว่าถึงแม้สุดท้ายมันอาจจะโดนลงโทษเพราะไม่ทราบเรื่องราวดั่งตัวโง่งม แต่โทษก็คงไม่หนักถึงขั้นตกตายแน่นอน เพราะบางเรื่องก็สุดที่มันจะควบคุมได้

และไม่ว่าจะอย่างไร จางตงหนานก็เป็นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ เว้นเสียแต่จะทำความผิดใหญ่หลวงจนก่อให้เกิดความเสียหายกับเผ่า หาไม่แล้วเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาหลักก็ยากจะลงดาบมัน

ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาหลักคราวนี้ก็คือการตายของจางจินอี้ และในเมื่อจางจินอี้ออกจากเผ่าไปเพราะความตั้งใจของตัวเอง ใครจะไปรู้ได้ว่ามันไปไหน…

เรื่องนี้จางตงหนาน หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาย่อยแดนสววรรค์ใต้ย่อมรอดพ้นความผิดมาง่ายๆ ยังปัดสวะให้พ้นตัวได้อีก

“เอาล่ะ เรื่องนี้เจ้าพยายามสืบต่อไป ตราบใดที่เจ้าสามารถหาตัวฆาตกรให้เผ่าหลักยืนยัน จนนำไปสู่การล้างแค้นให้จางจินอี้ได้ล่ะก็ ทางเผ่าหลักก็ไม่คิดจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างเลวร้าย”

อาวุโสของตระกูลจางสาขาหลักกล่าวกำชับจางตงหนานก่อนจะเดินทางออกจากแดนสวรรค์ใต้

อย่างไรก็ตาม จางตงหนานไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องนี้เลย

ถึงแม้ในใจของมันนั้น จริงๆแล้วจะเชื่อไปกว่า 9 ส่วน ว่าจางจินอี้สมควรตกตายด้วยน้ำมือของฮ่วนเอ๋อผู้ต้องสงสัยว่าเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาในแดนลับสมบัติระดับ 3 ก็ตามที

แต่เพราะเหตุนี้ มันจึงรู้สึกว่าฮ่วนเอ๋อเติบโตก้าวหน้าได้รวดเร็วจนน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!

อีก 100 ปี นางจะเติบโตไปถึงไหน?

เอาแค่ในตอนนี้แม้นางจะเป็นแค่ราชาอมตะ 10 ทิศ แต่หากวัดจากอัตราความก้าวหน้าของนางเมื่อร้อยปีก่อน น่ากลัวว่าฝีมือในปัจจุบันของนางคงไม่ใช่เล่นๆแน่!

หลังผ่านไปอีก 100 ปี อย่างน้อยๆก็ไม่อ่อนด้อยกว่ามันแน่นอน!

มันเป็นแค่อาวุโสตระกูลจางสาขาย่อยของเผ่าจิ้งจอกมายาคนหนึ่ง มันก็แค่ต้องการปกครองพื้นที่หนึ่งมู่สามเฟินของมันเท่านั้น หากฮ่วนเอ๋อยังไม่เติบโตก้าวหน้า มันอาจจะมีความคิดจัดการนางอยู่บ้าง

(หนึ่งมู่สามเฟินในที่นี้ สื่อถึง พื้นที่เล็กๆ,มันพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีแม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมาก)

ทว่าตอนนี้ฮ่วนเอ๋อเติบโตแล้ว มันที่เลือกได้ก็ย่อมเลือกที่จะเลี่ยงการสร้างปัญหาที่ใหญ่เกินกว่าตัวมันจะรับไหวประเสริฐกว่า

แม้แต่ต้วนหลิงเทียนเอง ก็คิดไม่ถึงเลยว่าจางตงหนานจะฉลาดเลือกกว่าที่เขาคิด ไม่เพียงไม่ซัดทอดมาถึงคฤหาสน์เฉวียนโยว แต่ยังทำให้เรื่องราวการตายของจางจินอี้กลับกลายเป็นคลุมเครือ จับมือใครดมไม่ได้…

ณ อวี้หวงเทียน

การมาเยือนอวี้หวงเทียนครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนนไม่ได้พาฮ่วนเอ๋อไปยังดินแดนทั่วไปที่เขาเคยไปครั้งก่อนอย่างแดนผิงเทียน หากแต่พามาดินแดนสำคัญอย่าง แดนทักษินยุทธ์

แดนทักษินยุทธ์แห่งนี้ กับอีก 7 แดนสำคัญ จะถูกเรียกหาว่า 8 แดนขั้นสูงของอวี้หวงเทียน ซึ่งสถานะของ 8 แดนขั้นสูงของอวี้หวงเทียน ก็ไม่ต่างอะไรจาก 7 ภูมิภาคเบื้องบนของแดนสวรรค์ใต้เลย

ส่วนแดนผิงเทียนที่เขามาเยือนครั้งก่อนเพื่อผลเทพสังเวยสวรรค์นั้น เป็นแค่ดินแดนทั่วๆไปในอวี้หวงเทียนเท่านั้น

“ฮ่วนเอ๋อ พวกเรามาปักหลักอยู่ที่เมืองนี้สักพัก…หลังจากข้าเข้าใจสถานการณ์ทั่วไปในระดับหนึ่งแล้ว ค่อยคิดว่าพวกเราจะทำอย่างไรต่อไป”

ใกล้ๆกับค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกมีเมืองที่เรียกว่า สวีหยาง อยู่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้พาฮ่วนเอ๋อมาพักตั้งหลักที่นี่

War sovereign Soaring The Heavens

War sovereign Soaring The Heavens

Status: Ongoing

จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย

การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้!

ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ …

ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท