ตอนที่ 3,246 : แย่งคน
นิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้น มีทั้งสิ้น 10 สาย และสายท่ายอาก็คือหนึ่งในนั้น
บนเกาะหลักทั้ง 10 แต่ละเกาะล้วนมียอดเขากระบี่ตั้งอยู่ และหนึ่งในเกาะดังกล่าวก็เป็นสถานที่ตั้งของสายท่ายอา และที่พำนักของผู้นำสายท่ายอาก็อยู่บนยอดเขาท่ายอา
เมื่อเข้าสู่ยอดเขาท่ายอา ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณฟ้าดินอันหนาแน่น เรียกว่ามันหนานแน่นมากกว่าสถานที่ใดที่เขาเคยพบเจอในระนาบเทวโลกมาก
เป็นธรรมดาว่ายังไม่อาจเทียบกับพลังวิญญาณฟ้าดินในซากระนาบเทพ ที่บัดนี้ได้ถูกกักเก็บไว้ในโลกใบเล็กของเขาได้เลย
“ศิษย์พี่กงซุนจิ้ง!”
“ศิษย์พี่กงซุนจิ้ง!”
…
เมื่อเริ่มเดินเข้าสู่ยอดเขาท่ายอา ต้วนหลิงเทียนก็เห็นศิษย์ลาดตระเวนของนิกายกระบี่หมื่นหายนะท่องกระบี่ตรวจตราตามหน้าที่ พอพวกมันผ่านมาเห็นกงซุนจิ้ง ก็จะประสานมือคารวะทักทายด้วยท่าทางนอบน้อม
สำหรับซูหลี่ พวกมันไม่แม้แต่จะเหลียวแล เห็นชัดว่าไม่รู้จัก
“ซูหลี่ ข้าก็บอกเจ้าแต่ไหนแต่ไรแล้ว ว่าหัดออกมาแสดงตัวให้ผู้คนรู้จักบ้าง…ดูสิ เจ้าเห็นรึยัง เด็กน้อยเหล่านี้ไม่มีผู้ใดรู้จักอัจฉริยะอันดับ 1 ในนิกายกระบี่หมื่นหายนะเช่นเจ้าสักคน”
หลังศิษย์ลาดตระเวนจากไปแล้ว กงซุนจิ้งก็หันไปมองบ่นกับซูหลี่
ได้ยินคำบ่นของอีกฝ่าย ซูหลี่ก็คลี่ยิ้มเฉยเมย เพราะหากมันสนใจเรื่องพวกนี้ เกรงว่ามันคงไม่อาจมีวันนี้ได้
ตอนแรกนั้น ก่อนที่ซูหลี่จะได้รับสืบทอดมรดกของยอดฝีมือสายเฉิงหยิ่งที่บรรลุถึงขอบเขตเทพบนระนาบเหยียนหวง มันก็ต้องผ่านบททดสอบที่ยอดฝีมือผู้นั้นตั้งเอาไว้ก่อน
ในบรรดาบททดสอบทั้งหลาย ยังมีบททดสอบเกี่ยวกับลาภยศสรรเสริญรวมถึงความงาม มีเพียงเห็นทุกสิ่งเป็นดั่งหมอกควันเท่านั้น จึงจะสามารถผ่านบดทดสอบดังกล่าวได้
แค่ด่านทดสอบลาภยศสรรเสริญ ก็ไม่ทราบว่าสามารถหยุดผู้คนไปแล้วกี่หมื่นพัน
บางครั้งซูหลี่ถึงกับคิดว่า หากไม่ใช่เพราะทั้งชีวิตมันทุ่มให้กับการฝึกกระบี่ จนใจคล้ายหินก้อนหนึ่ง บางทีมันอาจจะไม่ได้รับสืบทอดมรดกของยอดฝีมือผู้นั้นมาก็ได้
“ต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ นี่คือประตูขึ้นสู่ยอดเขาท่ายอา…หลังจากจุดนี้ไปจะมีอาคมห้ามบินแล้ว พวกเราต้องเดินขึ้นไป”
เบื้องหน้าประตูสู่ยอดเขานั้น มีศิลาที่แกะสลักเป็นรูปกระบี่ตั้งอยู่ กงซุนจิ้งที่เหินร่างนำก็ร่อนลงพื้นเบื้องหน้ามันก่อนใคร “ที่นี่ต่อให้เป็นจักรพรรดิอมตะยังบินไม่ได้”
เมื่อเข้าใกล้ประตูสู่ยอดเขาที่ว่า ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันหนึ่งในบรรยากาศ และแรงกดดันที่ว่าก็ไม่หายไปจนเขาโรยตัวลงไปยืนบนพื้น
“ยอดเขาท่ายอา…”
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังแท่นศิลารูปทรงกระบี่ ก็พบว่ามีการสลักอักษร ยอดเขาท่ายอา เอาไว้ ตัวอักษรแลดูสง่างามน่าเกรงขามให้ความรู้สึกประหนึ่งหงส์ร่อนมังกรร่ายรำ
ที่สำคัญอักขระดังกล่าวยังแผ่พุ่งเจตนากระบี่อันร้ายกาจสุดหยั่ง เห็นได้ชัดว่าผู้สลักมันไว้เป็นมือกระบี่ที่ร้ายกาจคนหนึ่ง
หลังเดินขึ้นสู่ยอดเขาท่ายอาได้สักพัก ต้วนหลิงเทียนก็ถูกกงซุนจิ้งนำมาถึงห้องโถงใหญ่ จึงได้เห็นผู้นำสายกระบี่ท่ายอา เป็นประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะคนปัจจุบัน อวี่เจี้ยนเฉิง!
อวี่เจี้ยนเฉิงคนนี้ ก็คือผู้ที่สร้างสถิติที่ไม่อาจมีใครทำลายได้ถึง 20,000 ปีของยอดเขาแรงโน้มถ่วงกับหอคอยจิตวิญญาณในแดนลับอัจฉริยะ
“ประมุข”
ซูหลีกับกงซุนจิ้งโค้งให้อวี่เจี้ยนเฉิงแต่พองาม
“อืม”
อวี่เจี้ยนเฉิงพยักหน้าให้ทั้งคู่เป็นการทักทาย จากนั้นสายตาก็เบนไปตกยังร่างต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ เอ่ยถามออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเจ้าทั้งคู่ ก็คือต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อกระมัง”
“ประมุขอวี่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้อวี่เจี้ยนเฉิงด้วยรอยยิ้ม สำหรับฮ่วนเอ๋อที่เดินตามอยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียนเพียงพยักหน้าให้อวี่เจี้ยนเฉิงเบาๆเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ฮ่วนเอ๋อจะแลดูหยาบคายไปบ้าง แต่อวี่เจี้ยนเฉิงก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
ฟุ่บ!!
ไร้ซึ่งการแจ้งเตือนใดๆ อยู่ๆอวี่เจี้ยนเฉิงก็ควบรวมกระบี่สีดำจากมวลพลังที่แผ่ซ่านกลิ่นอายทำลายล้างขุ่นคลั่ก จากนั้นกระบี่พลังดังกล่าวก็ส่งเสียงแหวกฟ้าฉับไว จี้ตรงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!
“ประมุข!”
สีหน้าซูหลี่ทั้งกงซุนจิ้งเปลี่ยนไปทันที ด้วยไม่คิดว่าอยู่ๆอวี่เจี้ยนเฉิงจะลงมือจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนแบบนี้
อย่างไรก็ตาม เผชิญหน้ากับกระบี่พลังที่พุ่งมาดั่งลำแสงของอวี่เจี้ยนเฉิง สองตาต้วนหลิงเทียนพลันทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ผสานพลังธาตุมิติพลันปะทุออกมาท่วมร่างในชั่วพริบตา
พร้อมกันนั้นเบื้องหน้าของเขา ยังอุบัติรอยแยกมิติ 9 รอย ปรากฏคมมีดมิติ 9 สายพุ่งยิงออกมาด้วยความเร็วสูง จี้ตรงเข้าใส่กระบี่ที่เปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างในพริบตา
กระบี่สีดำที่เปล่งกลิ่นอายพลังทำลายล้างที่พุ่งเข้ามาๆ อยู่ๆก็หยุดชะงักครู่หนึ่งคล้ายปะทะกับพลังบางอย่าง ก่อนจะพุ่งฝ่ามาได้ราวกับกระบี่ไร้เทียมทานไม่อาจทำลาย
‘กฏทำลายล้างอันร้ายกาจ!’
เมื่อครู่ที่ไฉนอยู่ๆกระบี่สีดำที่พุ่งมาดั่งลำแสงชะงักไปวูบหนึ่ง เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนได้ใช้ความลึกซึ้งกักกัน บิดเบือนและพายุแม่เหล็กสกัดเอาไว้
แต่กระนั้นกระบี่สีดำดังกล่าวกลับลุยฝ่ามาได้
อย่างไรเสียพลังที่อัดแน่นในกระบี่สีดำเล่มนี้ก็คือพลังของจอมราชันอมตะ 6 ผสาน ที่อัดแน่นไปด้วยพลังความลึกซึ้งของกฏทำลายล้างอันน่ากลัว
ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ครู่ต่อมากระบี่พลังสีดำที่ถูกลดทอนพลังไปบางส่วน ก็ปะทะเข้ากับคมมีดมิติทั้ง 9 ตรงๆ จนในที่สุดมันก็ถูกคมมีดมิติทั้ง 9 ทำลายจนสลายหายไปในอากาศ
“ฝีมืออันร้ายกาจ!”
สองตาอวี่เจี้ยนเฉิงเปล่งประกาสว่างจ้า รู้สึกชื่นชมต้วนหลิงเทียนจากใจ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนเจ้าสามารถทำลายสถิติของ 2 บททดสอบที่ข้าสร้างทิ้งไว้เมื่อ 20,000 ปีลงได้…ความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ เหนือกว่าข้าตอนเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะในปีนั้นมากนัก”
“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนข้าเข้าแดนลับอัจฉริยะ อายุของข้าก็ปาเข้าไปเกือบพันปีแล้ว…แต่เจ้ายังมีอายุไม่ถึง 300 ปีด้วยซ้ำ”
กล่าวถึงจุดนี้ อวี่เจี้ยนเฉิงก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“ประมุขอวี่กล่าวชมเกินไปแล้ว”
สีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียนยังคงสงบไม่แปรเปลี่ยน เพราะเขาสามารถมองออกแต่แรก ว่าเมื่อครู่อวี่เจี้ยนเฉิงคิดทดสอบเขาเท่านั้น กระบี่ที่พุ่งเข้ามานั่น…มันไม่มีจิตมุ่งร้ายแม้แต่นิดเดียว
“เจ้าต้องการเข้าร่วมสายใดของนิกายกระบี่หมื่นหายนะเราหรือ? หากไม่รังเกียจ สายท่ายอาของข้าก็ยินดีต้อนรับเจ้า”
อวี่เจี้ยนเฉิงคลี่ยิ้มสดใส
“เพ่ย!!”
ต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันได้ตอบคำอะไร เสียงสบถเย็นชาหนึ่งก็ดังขึ้นในโถงใหญ่ จากนั้นอยู่ๆก็ปรากฏร่างชายชราผ่ายผอมขึ้นอย่างกะทันหัน
เป็นชายชรามาในชุดหรูหรา แต่แลดูหลวมๆไม่พอดีตัว แม้เส้นผมขนคิ้วจะเป็นสีขาวโพลน แต่ใบหน้ากลับแลดูอ่อนวัยปานเด็กน้อย สองตาทอประกายสดใสปานดวงดารา
“ท่านปู่!”
พอเห็นชายชราผู้โผล่มาปานภูตผี กงซุนจิ้งก็รีบประสานมือโค้งคารวะทันที
“ปรมาจารย์กงซุน”
ซูหลี่ยังทำความเคารพชายชราที่มาใหม่เช่นกัน
‘ผู้นำสายกระบี่ซวนหยวนงั้นรึ?’
ได้ยินคำทักทายของกงซุนจิ้งกับซูหลี่ ต้วนหลิงเทียนก็พอจะคาดเดาตัวตนของผู้มาใหม่ได้ ว่าไม่พ้นต้องเป็นผู้นำสายซวนหยวนของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ กงซุนคัง!
ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ!
“อาจารย์ลุงกงซุน ท่านไฉนมานี่ได้เล่า?”
พอเห็นร่างผู้มาใหม่ อวี่เจี้ยนเฉิงอดคลี่ยิ้มเจื่อนๆออกมาไม่ได้ เพราะไม่คิดเลยว่าอาจารย์ลุงของมันก็จะสนใจต้วนหลิงเทียนด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ มันได้รับข้อความจากหลานอย่างอวี่เทียนสิง ว่าให้รีบชักชวนต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมสายท่ายอาให้เร็วที่สุด
หาไม่แล้ว ผู้นำสายซวนหยวนอาจโผล่มาปล้นชิงผู้คน!
เพราะกงซุนจิ้งกับต้วนหลิงเทียนสมควรสนิทกันไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม มันคิดไม่ถึงจริงๆวาอาจารย์ลุงที่ไม่ได้ออกจากยอดเขาซวนหยวนมาเนิ่นนาน จะออกจากยอดเขาซวนหยวนและถ่อมาถึงยอดเขาท่ายอาเพื่อช่วงชิงผู้คนกับมันจริงๆ
“เหอะๆ หากข้าไม่มา ต้นกล้าดีๆไม่ถูกเจ้าฮุบไว้คนเดียวหมดรึ?”
ชายชรากล่าวออกด้วน้ำเสียงค่อนแคะ
“เจ้าหนูเจี้ยนเฉิงสายท่ายอาเจ้าก็มีเด็กน้อยเทียนสิงอันร้ายกาจอยู่แล้วทั้งคน…แต่สายซวนหยวนของข้ามีแค่อันธพาลน้อยอย่างจิ้งเอ๋อคนเดียว! เช่นนั้นมิใช่มีต้นกล้าดีๆก็ต้องให้สายซวนหยวนของข้าก่อนรึไร?”
ชายชรากล่าวกับอวี่เจี้ยนเฉิง
“อาจารย์ลุงกงซุน”
ในขณะที่อวี่เจี้นเฉิงคิดจะแย้ง เสียงชราอีกเสียงพลันดังขึ้นในโถงใหญ่ “ศิษย์พี่กงซุน เช่นนั้นสายข้าที่ไม่มีรุ่นเยาว์คนใดเทียบกงซุนจิ้งหลานชายของท่านได้…ยิ่งต้องได้รับความสำคัญมากกว่าผู้ใดสิ ต้นกล้าเช่นนี้ก็ต้องให้สายอวี๋ฉางของข้าก่อนแล้ว”
พร้อมๆกันกับที่เสียงชรานี้ดังขึ้น ในโถงใหญ่ก็ปรากฏร่างหญิงชราคนหนึ่งยืนหลังตรงอยู่ตรงนั้น ให้ความรู้สึกราวกับยอดเขาแหลมคม
หลังจากที่หญิงชราปรากฏตัวขึ้น นางก็เอาแต่มองจ้องกงซุนจิ้งไม่วางตา
“ต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนศิษย์น้องหญิงอวิ๋นอีของสายอวี๋ฉางจะแจ้งเรื่องนี้ให้ผู้นำสายของนางด้วย…เพราะนี่คือผู้นำสายอวี๋ฉาง และเป็นศิษย์น้องหญิงของท่านปู่ข้า ซีเหมินหวานหว่าน”
กงซุนจิ้งส่งเสียงผ่านพลังบอกต้วนหลิงเทียน
“ศิษย์น้องหญิงหวานหว่าน ไฉนเจ้าถึงแจ้นมานี่ได้เล่า?”
พอเห็นซีเหมินหวานหว่านปรากฏตัว กงซุนจิ้งก็ได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆ “ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ได้ออกจากยอดเขาอวี๋ฉางหลายพันปีแล้วหรือไร?”
“ศิษย์พี่กงซุน ข้าไม่คิดเรียกร้องอะไรมากมาย…ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อนั้น ข้าต้องการแค่คนเดียว”
ซีเหมินหวานหว่านมองไปยังต้วนหลิงเทียนก่อน ค่อยเบนตาไปมองฮ่วนเอ๋อที่ยืนข้างๆต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียนศิษย์น้องหญิงไม่แย่งกับศิษย์พี่ก็ได้”
“แต่ข้าอยากได้ฮ่วนเอ๋อมาเข้าร่วมสายอวี๋ฉาง”
เสียงของซีเหมินหวานหว่านนั้น เด็ดขาด ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
“เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา”
สองตากงซุนคังทอประกายจ้าขึ้นมาทันที ตอนแรกมันคิดว่าศิษย์น้องหญิงของมันจะแย่งชิงต้วนหลิงเทียนกับมันซะอีก แต่พอได้ยินความต้องการของอีกฝ่าย มันก็ยอมรับได้ทันที
สายซวนหยวนของมัน ได้ต้วนหลิงเทียนมาเข้าร่วมแค่คนเดียวก็พอ
“ศิษย์พี่กงซุน ศิษย์พี่หญิงซีเหมิน ไฉนพวกท่านแอบมาแบ่งผู้คนกันเองไม่บอกข้าเลยเล่า…นี่จะไม่น่าเกลียดไปหน่อยหรือ?”
เสียงมีอายุพลันดังขึ้นอีกครั้ง ไม่นานก็มีชายวัยกลางคนร่างกายกำยำแข็งแกร่ง แลดูตัวใหญ่ก้าวอาดๆเข้ามาจากด้านนอก
“นั่นเป็นผู้นำสายจ้านลู่ เรียกว่าฉงจิ่ว…ดูเหมือนเหอจ้านก็จะส่งข้อความไปรายงานด้วย”
กงซุนจิ้งส่งเสียงผ่านพลังบอกตัวตนของผู้มาใหม่ให้ต้วนหลิงเทียนฟังอีกรอบ
“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่หญิง…สายจ้านลู่ของข้าขาดแคลนอัจฉริยะอย่างต้วนหลิงเทียนยิ่ง…ผู้เป็นศิษย์พี่ย่อมเสียสละให้ศิษย์น้อง และไม่คิดแย่งคนกับศิษย์น้องที่น่าสงสารเช่นข้าใช่หรือไม่?”
กล่าวถึงจุดนี้ฉงจิ่วก็หันไปมองกงซุนจิ้งกับซีเหมินหวานหว่านตาแป๋ว
“เพ่ย!”
กงซุนจิ้งพ่นลมสบถเสียงเย็น “ศิษย์น้องฉงจิ่ว เจ้าจะทำหน้าอ้อนก็ดูสารรูปเจ้าด้วย…ที่สำคัญสายจ้านลู่เจ้าไม่ใช่ว่ามีเหอจ้านแล้วรึไร พรสวรรค์ของเด็กน้อยเหอจ้านยังเหนือกว่ากุงซุนจิ้งหลานข้าซะอีก เจ้ายังกล้ามาทำหน้าทำตา คิดฉกคนจากข้าอีกรึ?”
“เหอจ้าน?”
ฉงจิ่วส่ายหัวไปมา “ศิษย์พี่กงซุนอ่า ในเมื่อท่านบอกว่าเหอจ้านดี…งั้นข้าจะให้เหอจ้านเปลี่ยนไปอยู่สายซวนหยวนท่าน ส่วนท่านก็ไม่แย่งต้วนหลิงเทียนกับศิษย์น้องคนนี้เป็นไร?”
“เจ้า…”
กงซุนคังถึงกับอึ้ง ถึงขั้นพูดไม่ออกแถมลมหายใจติดขัดไปวูบหนึ่ง “ข้าไม่เจอเจ้าก็หลายปีดีดักแล้ว แต่เจ้ายังหน้าไม่อายไม่หายอีกหรือ?”
กงซุนจิ้งที่อยู่ไม่ไกลเองก็ตะลึงไปเช่นกัน
“อั้ย หากเหอจ้านนั่นมันรู้ว่าปรมาจาราย์ฉงจิ่วเอามันมาขายเลหลังแบบนี้…ข้าว่ามันต้องโมโหจนกระอักเลือดตายแน่”
กงซุนจิ้งกระซิบกล่าวกับต้วนหลิงเทียนและซูหลี่
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
และในขณะเดียวกับที่กงซุนจิ้งกำลังกระซิบคุยกับต้วนหลิงเทียนและซูหลี่นั้นเอง ร่างคน 2 พลันปรากฏขึ้นในโถงปานภูตผี
เป็นชายหนุ่มหล่อเหลา และหญิงสาวที่งดงามมาก
“ให้ตายเถอะ…กระทั่งผู้นำของสายก้านเจี้ยงกับม่อเหยียก็มาด้วยหรือ!?”
เห็นร่าง 2 ร่างที่พึ่งปรากฏขึ้น กงซุนจิ้งก็ตะลึงไปไม่น้อย
“พี่หลิงเทียน สองคนนี้หน้าตาเหมือนกันยิ่ง…”
เมื่อได้ยินเสียงผ่านพลังของฮ่วนเอ๋อดังขึ้นในหู ต้วนหลิงเทียนที่กำลังมองฉงจิ่วด้วยความสนใจ ก็พบว่าร่าง 2 ที่พึ่ปรากฏตัวขึ้นในโถงนั้น มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกันอย่างมาก