WSSTH ตอนที่ 3,276 : มาเยือนสังเวียนอัจฉริยะอีกรอบ
ฝานฉีก็เหมือนกับหวงลู่หนานศิษย์อัจฉริยะที่ต้วนหลิงเทียนเคยท้าประลองมาก่อนอยู่บ้าง เพราะมันมีด่านพลังฝึกปรืออยู่ที่ขอบเขตจอมราชันอมตะ 5 องค์ประกอบเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามในแง่พลังความแข็งแกร่ง หากหวงลู่หนานคิดจะเทียบกับฝานฉียังนับว่าห่างไกลนัก!
ต่อให้หวงลู่หนานได้รับสิทธิ์ท้าทายฝานฉี…มันก็ไม่มีแม้แต่ความกล้าจะท้าทาย!
‘ต้วนหลิงเทียนท้าฝานฉีประลองชิงตำแหน่งรึ? พลังฝีมือของฝานฉีผู้นั้นให้เทียบกับศิษย์พี่หลิวเจี้ยนแล้วยังเหนือกว่าหลายส่วน…นอกจากนั้นในฐานะที่เป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับ 1 ในช่วงอายุ 200-300 ปี ไม่พ้นต้องมีไพ่ตายซุกซ่อนอยู่แน่’
‘เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น ไม่น่าจะสู้ฝานฉีได้!’
ไม่ว่าจะเพราะอยากเห็นต้วนหลิงเทียนแพ้พ่ายก็ดี หรืออยากเห็นไพ่ตายของฝานฉีก็ดี หวงลู่หนานก็ได้ออกจากสถานที่พักบ่มเพาะ และมุ่งหน้าไปยังสังเวียนอัจฉริยะทันที
‘เดือนก่อนตอนอาจารย์ได้รับบบาดเจ็บสาหัสกลับมา…โชคดีที่ท่านไม่ถือโทษข้า’
เมื่อนึกย้อนถึงเรื่อราวเมื่อเดือนก่อน ตอนเห็นอาจารย์กลับมาพร้อมสภาพย่ำแย่ หวงลู่หนานก็กลัวจนตัวสั่น เรียกว่าวันนั้นมันเตรียมตัวโดนถูกทุบตีลงโทษเอาไว้แล้ว แต่อาจารย์กลับไม่พูดไม่จาอะไร…
ตอนนี้ศิษย์วังเทียนฉือมากมายได้ไปรวมตัวกันที่สังเวียนอัจฉริยะแล้ว ผู้ที่กำลังเดินทางไปก็ยังมีไม่น้อยเช่นกัน
ในบรรดาผู้ที่กำลังเดินทางไปหรือไปรออยู่ก่อน ก็มีเหล่าศิษย์อัจฉริยะไม่น้อย
เมื่อเดือนก่อนตอนที่ต้วนหลิงเทียนกับหวงลู่หนานประลองกันนั้น เรียกว่าเป็นกระลองเล็กๆไร้สำคัญ เนื่องจากหวงลู่หนานเป็นแค่ศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุ 200-300 ปี…
และก่อนการประลองวันนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่ได้เป็นศิษย์อัจฉริยะด้วยซ้ำ
ดุจเดียวกับเมื่อ 20 กว่าวันก่อน ตอนที่ฮ่วนเอ๋อท้าประลองชิงตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะช่วงอายุ 200-300 ปี นางเองก็ไม่ได้ดึงดูดคววามสนใจจากผู้คนมากนัก
อย่างไรก็ตาม ฮ่วนเอ๋อยังทำให้ผู้ที่ไปชมดูนางตกใจอยู่บ้าง เพราะนางสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในพริบตาเช่นกัน
ตั้งแต่วันนั้นพอมีคนสืบไปสืบมา ก็พบว่าไม่เพียงฉือหล่างจะพึ่งรับศิษย์ใหม่มาคนหนึ่ง แต่เหลยอิงก็รับศิษย์ใหม่อีกคนเช่นกัน เป็นฮ่วนเอ๋อเอง!
นอกจากนั้น ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อดูเหมือนจะเป็นคู่เต๋ามากพรสวรรค์อีกด้วย!
…
ในวังเทียนฉือ จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหลาย ไม่เว้นจ้าววังเทียนฉือเองล้วนมีศิษย์อัจฉริยะใต้สังกัดทั้งสิ้น
ตัวอย่างก็เช่นจักรพรรดิอมตะทุ่งขจี ฉือหล่าง ก็มีศิษย์อัจฉริยะทั้งสิ้น 7 คน
จักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง มีศิษย์อัจฉริยะ 5 คน
จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง นั้น เดิมทีมันมีศิษย์อัจฉริยะทั้งสิ้น 6 คน แต่หนึ่งในนั้นถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายไป ส่วนอีกหนึ่ง ก็ถูกต้วนหลิงเทียนถีบออกจากตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะไปเรียบร้อย จึงหลงเหลือแค่ 4 เท่านั้น
“ศิษย์น้อง 5 ช่างไร้ประโยชน์ยิ่ง…ถึงกับถูกไอ้หนูอายุไม่ถึง 300 ปีฆ่าตายเอาได้!”
4 ศิษย์อัจฉริยะใต้สังกัดกู้ฉางเจียงที่เหลือ ไม่ว่าใครก็มีพลังฝีมือเหนือกว่าหลิวเจี้ยนทั้งสิ้น
นอกจากนั้นในบรรดาพวกมันทั้ง 4 ยังมี 2 คนทีอายุน้อยกว่าหลิวเจี้ยนอีกด้วย
คนหนึ่งอายุได้ 500 กว่าปี ส่วนอีกคนอายุ 600 ปีเศษ
ที่กำลังพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจอยู่ ก็คือศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งของกู้ฉางเจียงที่อยู่ในช่วงอายุ 600-700 ปีเหมือนหลิวเจี้ยน หากแต่อายุของมันน้อยกว่าหลิวเจี้ยนหลายสิบปี
อย่างไรก็ตามพลังฝีมือของมันเหนือกว่าหลิวเจี้ยนมาก และยังมีพลังฝีมือเป็นอันดับที่ 3 ในบรรดาศิษย์อัจฉริยะของกู้ฉางเจียงอีกด้วย
กระทั่งหากหลิวเจี้ยนพบเจอมา ยังต้องเรียกหามันด้วยเคารพว่า ศิษย์พี่ 3…
ศิษย์พี่ 3 ของหลิวเจี้ยนที่ว่า ก็เป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมบางคนหนึ่ง สวมใส่ชุดผ้าทออย่างดีแลดูหรูหรามีระดับ แม้หน้าตาจะธรรมดาไม่โดดเด่น แต่แววตาของมันนับว่าเฉียบคมมาก
ศิษย์ลำดับที่ 3 ของกู้ฉางเจียง อวี๋เยวี่ย
อวี๋เยวี่ยคนนี้ยังเป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับที่ 3 ในช่วงอายุ 600-700 ปีอีกด้วย พลังฝีมือของมันไม่ใช่อะไรที่อันดับ 9 อย่างหลิวเจี้ยนจะเทียบได้เลย…
“ศิษย์พี่ 3 ข้าว่าเป็นศิษย์น้อง 5 ดูเบาคู่ต่อสู้เกินไปเลยประมาทมัน…ไม่งั้นด้วยพลังฝีมือของศิษย์น้อง 5 ถึงจะแพ้ต้วนหลิงเทียนศิษย์ใหม่ของจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีนั่น แต่ก็ไม่น่าจะถูกผู้อื่นฆ่าตายเอาได้..”
วันนี้เหล่าศิษย์ของจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง นอกจากหวงลู่หนานที่เดินทางไปยังสังเวียนอัจฉริยะคนเดียว ยังมีอีก 2 คนที่คิดไปร่วมสนุกที่สังเวียนอัจฉริยะ
พวกมันก็คือศิษย์อันดับ 3 และ 4 ของจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง อวี๋เยวี่ย และ เหวียนกัง
เหวียนกังนั้นมีอายุ 500 กว่าปี และเป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับที่ 4 ในช่วงอายุ 500-600 ปี ถึงแม้มันจะมีอายุน้อยกว่าหลิวเจี้ยน แต่พลังฝีมือก็เหนือกว่าหลิวเจี้ยน
ศิษย์ของจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง จะจัดอันดับศิษย์พี่ศิษย์น้องกันตามพลังฝีมือ เหมือนกับศิษย์ของจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง
อันที่จริงในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9 คนของวังเทียนฉือ นอกจากฉือหล่างที่จัดอันดับความเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องตามลำดับการเข้าร่วมแล้ว ศิษย์ของอีก 8 คนที่เหลือล้วนจัดอันดับตามพลังฝีมือทั้งสิ้น
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว พลังฝีมือของศิษย์ฉือหล่างนั้น ผู้ใดสูงต่ำกว่ากันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะทราบ
…
ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่กำลังเดินทางไปยังสังเวียนอัจฉริยะไม่ทันได้ไปไหนไกล เขาก็พบหงเฟยมาดักรออยู่กลางทาง
ความนี้หงเฟยไม่ได้มาคนเดียว
ข้างๆหงเฟยยังมีคนอีก 2 คนลอยอยู่ข้างๆ เป็นศิษย์พี่หญิง 3 หูเหมย กับศิษย์พี่หญิง 4 เวิ่นหว่านเอ๋อ
“ศิษย์พี่หญิง 3 ศิษย์พี่หญิง 4”
ต้วนหลิงเทียนเหินร่างมาหยุดเบื้องหน้าทุกคนก่อนจะกล่าวทักสตรีทั้ง 2 ออกไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หันไปมองทักหงเฟย “ศิษย์พี่ 6”
“ศิษย์น้องเล็กอ่า…เจ้าลำเอียงกับสตรีรึเปล่า ไฉนถึงทักข้าเป็นคนสุดท้ายเลยเล่า”
หงเฟยกล่าว “หรือที่แท้เจ้ากำลังดูถูกข้าศิษย์พี่ 6 อยู่?”
“เจ้าอ้วนนี่…ในบรรดาพวกเรา 3 คนลำดับเจ้าก็อยู่หลังสุด เจ้าจะให้ศิษย์น้องเล็กทักผู้ใดเป็นคนสุดท้ายหากไม่ใช่เจ้า? หรือเช่นนั้นเจ้ามาประลองกับข้าและศิษย์น้องหญิง 4 ดูสักรอบดีหรือไม่ หากเจ้าชนะพวกเราคนใดคนหนึ่งได้ พวกเราจะยกให้เจ้าเป็นศิษย์พี่เลยเอาไหม?”
หูเหมยยังเป็นสตรีที่โผงผางเช่นเคย และพอนางกล่าวออกมา หงเฟยก็หมดสิ้นความคึกทันที
เดิมทีหลังจากต้วนหลิงเทียนมา มันก็คิดว่าในที่สุดก็มีคนที่อ่อนด้อยกว่ามันแล้ว…อนิจจาหลังเห็นต้วนหลิงเทียนฆ่าหลิวเจี้ยนเมื่อเดือนก่อน มันก็ตระหนักได้ทันที…
ศิษย์น้องเล็กคนนี้ ยังแข็งแกร่งกว่ามันเสียอีก!
และตอนนี้มันก็ยังคงรั้งอันดับศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาศิษย์ของจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง! หากไม่ใช่ว่าฉือหล่างไม่จัดอันดับศิษย์ตามลำดับเข้าร่วม แต่เป็นจัดตามพลังฝีมือเหมือนคนอื่นๆ มันก็คงเป็นศิษย์น้องเล็กแทน…
“ศิษย์น้อง 6 เจ้าเองก็ขยันให้มากๆหน่อย…ตอนนี้กระทั่งศิษย์น้องเล็กยังร้ายกาจกว่าเจ้าเลย แถมถ้าเจ้าไม่ขยันให้มากๆเข้า ระวังวันนึงเจ้าจะหลุดโผศิษย์อัจฉริยะเอานะ”
ศิษย์พี่หญิง 4 เวิ่นหว่านเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ
“ศิษย์พี่หญิง 4 อ่า เดี๋ยวนี้ท่านหัดรวมหัวกับศิษย์พี่หญิง 3 มารังแกข้าแล้วหรือ…”
หงเฟยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสลดหดหู
“น้องสาวฮ่วนเอ๋อ ยินดีกับเจ้าด้วยสำหรับตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะ”
เวิ่นหว่านเอ๋อหันไปมองกล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง 4”
ฮ่วนเอ๋อกล่าวตอบเวิ่นหว่านเอ่อด้วยรอยยิ้ม เพราะนางเองก็รู้สึกดีกับศิษย์พี่หญิง 4 ของต้วนหลิงเทียนคนนี้อยู่บ้าง สำหรับหูเหมยนั้น นางไม่แม้แต่จะมอง
“ไอ้หยา…น้องสาวฮ่วนเอ๋อคนดี เจ้ายังโกรธศิษย์พี่หญิง 3 อยู่อ่อ…”
ทว่าฮ่วนเอ๋อไม่สนใจหูเหมย ก็ไม่ใช่ว่าหูเหมยจะไม่สนใจฮ่วนเอ๋อด้วย นางเข้ามากล่าวหยอกล้อฮ่วนเอ๋อด้วยท่าทางร่าเริงทันที
“เด็กโง่เอย…”
“วันก่อนข้าล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง ต่อให้ศิษย์น้องเล็กจะหล่อ แต่ศิษย์พี่หญิง 3 ไม่แย่งคนรักเจ้าหรอก…เจ้าไม่โกรธศิษย์พี่หญิง 3 ได้ไหม…พวกเราดีกันนะ นะๆ… ”
หูเหมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส ท่าทีการง้อของนางยังแลดูออดอ้อนทำราวกับเด็กน้อย ทำให้หงเฟยอดชมดูจนตาลอยไม่ได้
“ศิษย์พี่หญิง 3 ท่านกับศิษย์พี่หญิง 4 จะไปสังเวียนอัจฉริยะด้วยเหรอ?”
เมื่อเห็นหูเหมยกับเวิ่นหว่านเอ๋อปรากฏตัวที่นี่ ต้วนหลิงเทียนไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพวกนางจะไปดูการประลอง
“ใช่”
หูเหมยพยักหน้า “เดือนก่อนตอนเจ้าฆ่าหลิวเจี้ยน ข้าล่ะเสียดายยิ่งที่ไม่ได้ไปชมดู”
“วันนี้ศิษย์น้องเล็กเจ้าท้าชิงอันดับ 1 ในรุ่นทั้งที ข้าจะพลาดได้อย่างไรเล่า?”
หูเหมยกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ
“ศิษย์น้องเล็กข้าเองก็ได้ยินเจ้า 6 กล่าวชมเจ้าอย่างนู้นอย่างนี้ ก็เลยอยากเห็นขึ้นมาว่าเจ้าร้ายกาจขนาดไหน”
เวิ่นหว่านเอ๋อก็ยิ้มตอบเช่นกัน
“ถ้างั้นพวกเราไปกันเลยเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางยิ้มแห้งๆ จากนั้นร่างคนทั้ง 5 ก็เหินออกจากเขตที่อยู่อาศัยของฉือหล่าง และมุ่งหน้าไปยังสังเวียนอัจฉริยะ
ระหว่างเดินทาง ยังได้เห็นผู้คนมากมายกำลังเหินร่างไปสังเวียนอัจฉริยะเช่นกัน
สังเวียนอัจฉริยะนั้น อยู่ห่างจากวังเทียนฉือไม่ไกล ต้วนหลิงเทียนกับพวกเดินทางไม่นานก็มาถึงแล้ว
และตอนนี้มองไปก็พบเห็นผู้คนเนืองแน่นหนาตา เหินร่างห้อมล้อมสังเวียนอัจฉริยะเอาไว้นับไม่ถ้วน มองไกลๆประหนึ่งเมฆทะมึนคลุมฟ้า
เหนือเกาะลอยที่อยู่กึ่งกลางสังเวียนอัจฉริยะทั้ง 3 ก็ปรากฏร่างผู้อาวุโสตำหนักลองกระบี่แซ่ฉินคนเดิม ที่รอคอยอยู่
พอเห็นต้วนหลิงเทียนกับพวกมาถึง มันก็มองจ้องไปต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆทันที คลี่ยิ้มทักทายต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็ป้องมือโค้งคารวะฮ่วนเอ๋อเล็กน้อย
“ต้วนหลิงเทียนมาแล้ว!”
“เจ้านั่นล่ะ ต้วนหลิงเทียน!!”
…
เมื่อต้วนหลิงเทียนปรากฏตัว เหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่จดจำเขาได้ก็เร่งชี้ให้สหายชมดูทันที จากนั้นคนที่ไม่เคยเห็นก็หยีตามองสำรวจต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ ไม่ละสายตาไปไหนอยู่นาน
“อัยยะศิษย์น้องเล็ก…เจ้านับว่าโด่งดังแล้วจริงๆ! วันนี้เจ้าต้องเอาชนะฝานฉีนั่นให้ได้เล่า…พวกเราจักพลอยได้หน้าไปด้วย!!”
หงเฟยยิ้ม
“เจ้าผายลมอะไรของเจ้าหา?”
ทว่าแทบจะทันทีที่หงเฟยกล่าววจบคำ เสียงขุ่นขึ้งของหูเหมยก็ดังขึ้น “เจ้าสมควรกล่าวบอกศิษย์น้องเล็กว่าอย่าได้ทุบตีฝานฉีให้มากเกินไปมากกกว่า! หรือกระทั่งศิษย์น้องเล็กออกโรงแต่เจ้ายังกังขาในผลแพ้ชนะอยู่อีก?”
“เปล่าๆ! ไม่กังขาๆ!”
ได้ยินสิ่งที่หูเหมยพูด หงเฟยก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมา ขณะเดียวกันก็ลอบโอดครวญในใจไม่ได้ ว่าศิษย์พี่หญิง 3 จะร้ายกาจไปแล้ว ประจบเก่งกว่ามันอีก!
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไฉนศิษย์พี่หญิงใหญ่ยังแลดูสนิทสนมกับศิษย์พี่หญิง 3 ราวกับพี่น้องแท้ๆ…
“โอ๊ะ? ไม่คิดเลยว่าเจ้าหวงลู่หนานนั่นมันจะมาดูด้วย!”
แม้ตาหงเฟยจะโดนไขมันเบียดจนหยีแทบปิดยากมองเห็นลูกตา แต่ตาหยีๆของมันนี้นับว่าแหลมคมไม่เบา สามารถสังเกตเห็นหวงลู่หนาน ศิษย์จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียงผู้แพ้พ่ายศิษย์น้องเล็กของมันเมื่อเดือนก่อน ที่ยืนปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชนได้
“หืม?”
หลังหูเฟยพบเห็นหวงลู่หนานไม่นาน ก็พบเห็นร่างคุ้นตาอีก 2 คน “อวี๋เยวี่ย? เหวียนกัง? พวกมันก็มาด้วยรึ…หรือจะมาหาความให้หลิวเจี้ยนศิษย์น้องพวกมัน?”
“ทำไมเจ้า 6? เจ้ากลัวว่าอวี๋เยวี่ยกับเหวียนกังนั่นจะกล้าเข้ามาหาเรื่องศิษย์น้องเล็กงั้นเหรอ?”
หูเหมยหันไปมองหงเฟยยตาดุ จากนั้นก็สะบัดมือตบท้าทอยอีกฝ่ายยเบาๆ “นี่เจ้าคิดว่าข้ากับน้องหญิง 4 เป็นบุปผาในแจกันรึไง?”
ได้ยินดังนั้นหงเฟยก็นึกขึ้นได้ ว่าวันนี้มันไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังมีศิษย์พี่หญิง 3 กับศิษย์พี่หญิง 4 มาด้วย
ด้วยพลังฝีมือของศิษย์พี่หญิงทั้ง 2 มันไม่ต้องกลัวอวี๋เยวี่ยกับเหวียนกังแม้แต่น้อย
“ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว…พอดีข้าเผลอลืมไปว่าศิษย์พี่หญิงผู้เก่งกาจทั้ง 2 ของข้าก็มาด้วย!”
หงเฟยหัวเราะแห้งๆ มือลูบท้ายทายป้อยๆ
“ฮึ! เผลอลืมพวกเราหรือ? หรือพวกเราไม่อยู่ในสายตาเจ้ากันแน่?”
หูเหมยกล่าววออกมาอีกครั้ง ฝ่ามือก็รัวตบไปยังศีรษะหงเฟออย่างสนุกมือ จนหงเฟยคิดร่ำไห้ยังไร้น้ำตา