ตอนที่ 3,316 : บิดาของฮ่วนเอ๋อ
หลังจากเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้น 2 ได้ไม่ทันไร เสียงผ่านพลังของฮ่วนเอ๋อก็ดังขึ้นใน หูต้วนหลิงเทียนทันที “พี่หลิงเทียน ข้า…ข้าสัมผัสได้..ข้าสัมผัสได้ถึงลมหายใจของท่านแม่ ท่านแม่อยู่ตรงนั้น!”
หลังได้ยินเสียงผ่านพลังของฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็มองไปตามสายตานางทันที จากนั้นจึงพ บลูกกรงห้องขังที่เรียงรายเป็นแถว ก่อนจะไปหยุดยังห้องขังท้ายๆ แต่เขาไม่อาจแลเห็นคนที่อยู่ด้า นในจากมุมนี้ได้
และในตอนนี้เองอาวุโสเซียที่เป็นผู้นําทางของพวกเขา ก็ได้ก้าวนําออกไปพร้อมเริ่มกล่าวคําแนะนําออกมา โดยบอกต้วนหลิงเทียนว่าผู้ที่ถูกจองจําอยู่ในห้องขังต่างๆเป็นใคร และทําความผิดอะไรมาบ้าง เขาจึงได้รู้ว่านักโทษบนชั้น 2 นี้ก็ไม่ใช่คนของวังเทียนฉือทั้งหมด แต่ยังมีคนนอกที่เคยล่วงเกินและสร้างความขุ่นเคืองให้วังเทียนฉือรวมอยู่ด้วย
ไม่นานนักชายชราก็พาต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อมาถึงบริเวณที่มีห้องขัง 2 แถวตั้งขนานกัน
ด้านหนึ่งมีห้องขัง 3 ห้อง โดยห้องตรงกลางนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คน ส่วนอีก 2 ห้องที่เหลือ 1 ในนั้นมีชายวัยกลางคนกําลังนั่งขัดสมาธิอยู่ เส้นผมบนหัวของมันเป็นสีขาวโพลนราวหิมะ
และห้องขังอีกแถวที่ตั้งอยู่ตรงข้าม ห้องขังที่ตรงกับห้องขังนี้พอดี ก็มีจิ้งจอกสีขาวตัว ใหญ่นอนแน่นิ่งอยู่ หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วๆ บางทีเขาคงคิดว่าจิ้งจอกตัวนี้ตายไปแล้ว
หลังมองพินิจดูพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ว่าจิ้งจอกดังกล่าวเป็นจิ้งจอกมายา และตอนนี้ อยู่ในสภาพสลบไสลไม่ได้สติ
เส้นขนที่ขาวราวหิมะของจิ้งจอกมายาตัวนี้ ชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงกว่าครึ่ง กระทั่งหากมองพื้นห้องขังหลังที่ลูกกรงให้ดี จะพบว่ามันเจิ่งนองไปด้วยคราบโลหิตที่ย้อมไปกว่าครึ่งห้องขังแล้ว! โลหิตเพิ่งนอกมากมายแบบนี้ ชวนให้ผู้คนที่ชมมองอดเสียขวัญไม่ได้จริงๆ!
“พี่หลิงเทียน…นั่นคือท่านแม่…นั่นคือท่านแม่ของฮ่วนเอ๋อ!”
ทันใดนั้นเองในหูต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงผ่านพลังด้วยความตื่นเต้นทั้งกระวนกระวายของ ฮ่วนเอ๋อตั้งขึ้น อย่างไรก็ตามสีหน้าท่าทีของฮ่วนเอ๋อผิวเผินยังแลดูสงบ เพื่อไม่ให้ชายชราพบเห็น พิรุธและสิ่งผิดปกติใดๆ
เพราะนางรู้ดีว่าตอนนี้หากนางหลุดอาการเผยพิรุธอะไรออกไปล่ะก็ วันหน้าเกรงว่านาง อาจจะไม่ได้เข้ามาในคุกหมื่นพัธนาการอีก
ถึงตอนนั้นหากนางคิดจะช่วยมารดาออกไป เกรงว่าคงยากเย็นยิ่งกว่าเก่า
อันที่จริงแม้วนเอ๋อจะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาของฮ่วนเอ๋อก็ได้บอกต้วนหลิงเทียนหมดทุกอย่าง ทําให้เขารู้ได้ทันทีว่าจิ้งจอกสีขาวที่นอนสลบไสลจมกองเลือดอยู่สมควรเป็นมารดาของฮ่วนเอ๋อ ตู้เสวียน สําหรับชายวัยกลางคนที่อยู่ห้องขังฝั่งตรงข้าม ก็เห็นได้ไม่ยากว่าเป็น ศิษย์อัจฉริยะแห่งขุนเขากระบีฟ้าบิดาของฮ่วนเอ๋อ!
“พี่หลิงเทียนฮ่วนเอ๋อส่งเสียงผ่านพลังไปหาท่านแม่แล้วแต่ท่านแม่ไม่ตอบฮ่วนเอ๋อ…ท่านแม่ ต้องบาดเจ็บสาหัสแน่ หาไม่แล้วไม่มีทางที่ท่านแม่จะไม่ตอบฮ่วนเอ๋อ”
ฮ่วนเอ๋อกล่าวผ่านพลังไปหาต้วนหลิงเทียนด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็สงสารนางจับใจ
“ฮ่วนเอ๋อ ข้าใช้สํานึกเทวะตรวจสอบอาการท่านแม่ของเจ้าอย่างละเอียดแล้ว…ท่านแม่ของเจ้ายังไม่มีอันตรายถึงชีวิต เกี่ยวข้าจะลองติดต่อชายวัยกลางคนที่อยู่ห้องขังฝั่งตรงข้ามดู ชายคนนั้นสมควรเป็นท่านพ่อของฮ่วนเอ๋อ”
หลังจากต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังคุยกับฮ่วนเอ๋อ เขาก็หันไปให้ความสนใจกับชายวัยกลางคนผมขาว และส่งเสียงผ่านพลังไปถึงอีกฝ่ายทันที “จิ้งจอกมายาในห้องขังตรงข้ามกับท่าน นางใช่มีนามว่า ‘ตู้เสวียน’ หรือไม่?”
“หืม?”
แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเสียงผ่านพลังต้วนหลิงเทียนดังจบคํา ชายวัยกลางคนที่นั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่ก็ลืมตาขึ้นมา จากนั้นสายตาราวกับมีอัสนีบาดฟาดพลันจับจ้อ งมองสบตาต้วนหลิงเทียนทันที
เป็นธรรมดาว่าฉากนี้ในสายตาของชายชรา ก็เสมือนต้วนหลิงเทียนหันไปมองชายวัยกลางคน และชายวัยกลางคนก็สมควรสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของพวกมันทั้ง 3 เช่นนั้นจึงลืมตาขี้นมามองผู้มาใหม่
“เจ้าเป็นผู้ใด ไฉนถึงได้ล่วงรู้นามของภรรยาข้าได้?”
ชายวัยกลางคนเหลือบมองชายชราด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะลอบส่งเสียงผ่านพลังไปถาม ต้วนหลิงเทียนอย่างไร้พิรุธ
“ท่านรู้ตัวหรือไม่ ว่าท่านมีลูกสาว?”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงไปถามต่อ
“ย่อมรู้”
ชายวัยกลางคนตอบกลับ พลางย้อนถาม “ที่แท้เจ้าเป็นใครกันแน่? ไฉนไม่เพียงแต่รู้ชื่อของเสวียนเอ้อ แต่ยังรู้ว่าข้ากับนางมีลูกสาวด้วยกัน?!”
“เพราะลูกสาวของท่าน คือสตรีที่อยู่ข้างกายข้าตอนนี้”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังประโยคนี้ไป เขาก็เร่งส่งเสียงผ่าน พลังตามติดไปเร็วไว “ท่านอย่าได้แสดงออกมากเกินไป เพราหากมีคนพบตัวตนของนาง ไม่แน่ นางอาจถูกวังเทียนฉือจับขังไว้อีกคน”
สองตาชายวัยกลางคนผมขาวลุกวาวขึ้นมาทันใดหลังได้ยินวาจาผ่านพลังประโยคแรกของ ต้วนหลิงเทียน แต่ในขณะที่มันกําลังจะหันมองไปทางฮ่วนเอ๋อ เสียงผ่านพลังประโยคหลังของ ต้วนหลิงเทียนก็ดังขึ้นในหูอย่างทันท่วงที
เพราะคําเตือนนี้เอง ทําให้มันเพียงมองส่วนเอ่อผ่านๆอย่างไม่เจาะจง
และเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต มันยังเบนสายตาไปเหลือบมองชายชราข้างกายต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาเยียบเย็น
อย่างไรก็ตาม หลังจากเห็นว่าชายชราไม่ได้สนใจใยดีมันเลย มันก็ลอบกลอกตามองไปทางฮ่วนเอ๋ออีกรอบ แววตายังกลายเป็นอ่อนโยนลงทันตาเห็น
“คนผู้นี้ก็คือศิษย์อัจฉริยะของขุนเขากระบี่ฟ้า เหลียนชิว”
ชายชราเหลือบมองชายวัยกลางคนด้วยสายตาไม่แยแสปราดหนึ่ง ก็หยุดลงพลางหันไปกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนอย่างตรงไปตรงมา “มันเป็นคนที่ทําลายสัญญาวิวาห์ ระหว่างวังเทียนฉือเรากับขุนเขากระบีฟ้าแห่งเมียเทียน…สุดท้ายก็ถูกผู้นําขุนเขากระบีฟ้าประกาศตัดสัมพันธ์ แถมยังจับตัวมันส่งมาให้วังเทียนฉือเราสําเร็จโทษ! สุดท้ายจึงถูกพวกเราจับขังไว้ในคุกหมื่นพันธนาการแห่งนี้”
“ส่วนจิ้งจอกสีขาวที่อยู่ในห้องขังฝั่งตรงข้ามก็คือภรรยาของมัน…เพียงเพราะจิ้งจอกขาวตัวนี้ มันถึงกับหาญกล้าทําลายสัญญาวิวาห์หาเรื่องใส่ตัว ซ้ำยังทําให้จิ้งจอกขาวตัวนี้พลอยประสบเคราะห์ไปกับมันด้วย”
ขณะกล่าวถึงท้ายประโยคชายชราผมฟูดังราชสีห์ขนขาวก็ส่ายหัวไปมา และพอมองไปยัง จิ้งจอกขาว แววตามันก็ฉายความเวทนาสงสารออกมาอย่างอดไม่ไหว ก่อนจะละสายตากลับมาแล้วเดินหน้าไปต่อ
“อ้อ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทราบด้วยท่าทางเฉยเมย จากนั้นก็จับมือฮ่วนเอ๋อเดินตามชายชราไปติดๆ แน่นอนว่าสายตาของฮ่วนเอ้อก็ได้ละออกมาจากร่างมารดาและไปตกยังร่างชายวัยกลางคนได้สักพักแล้ว ทั้งยังยากจะละสายตากลับมาอยู่นาน
‘ฮ่วนเอ๋อ….นางนางคือฮ่วนเอ๋อจริงๆ เป็นลูกสาวของข้ากับเสวียนเอ้อไม่ผิดแน่! ดวงตาของนางเหมือนกับเสวียนเอ๋อไม่มีผิด!!’
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกุมมือฮ่วนเอ๋อตามหลังชายชราจากไป เหลียนชิวก็หลับตาลงและไม่มองฮ่วนเอ๋ออีกต่อไป อย่างไรก็ตามในใจของมันบัดนี้เสมือนมีมรสุมโหมกระหน่ําดั่งฟ้าคุ้มฝนคลั่ง ‘ทั้งเค้าโครงใบหน้าของนาง ก็ละม้ายคล้ายเสวียนเอ้ออยู่หลายส่วน’
ตอนแรกเหลียนชิวก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองมีลูกสาว
มารู้เอาตอนที่ตู้เสวียนโดนจับตัวมากักขังในคุกหมื่นพันธนาการเพราะมาตามหามัน ทําให้มัน รับทราบว่าก่อนภรรยารักจะมาตามหาตัวมัน นางได้ทิ้งลูกน้อยเอาไว้ที่หลิงหลัวเทียนเพียงลําพัง..
วันนั้นพอทราบเรื่องนี้ ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจของมันคือโทสะมันโกรธนัก! โกรธที่ไฉน ภรรยารักถึงได้ทิ้งลูกสาวตัวน้อยเอาไว้เพียงลําพัง แล้วพาตัวเองมาติดกับที่วังเทียนฉือแบบนี้ได้!
อย่างไรก็ตาม พอเห็นภรรยารักที่ถูกจับขังโดนคนของวังเทียนฉือทรมานอย่างสาหัสสากรรจ์ ในใจของมันก็เสมือนมีร้อยมีดกรีดเฉือน ใจเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน ไร้ซึ่งความโกรธใดๆหลงเหลือ ยังได้แต่ภาวนาอย่างอกสั่นขวัญแขวนทุกคืนวัน หวังว่าลูกน้อยที่เผชิญโลกกว้างเพียงลําพัง จะแคล้วคลาดปลอดภัยไร้ภยันตรายใดๆกล้ํากราย
มันได้ปลงกับชะตาชีวิตของตัวเองแล้ว ยังรู้สึกปลงกับชะตาชีวิตภรรยาอีกด้วย แถมยังรู้สึกสิ้นหวัง หนทางเบื้องหน้ามืดมิดไปหมด เพราะรู้สึกว่าจะไม่มีวันได้เห็นหน้าลูกสาวไปชั่วชีวิต
หากทว่าวันนี้อยู่ๆก็มีคนแปลกหน้ามาปรากฏตัวต่อหน้ามัน และในบรรดาคนแปลกหน้าทั้งสอง ชายหนุ่มหล่อเหลาในชุดสีม่วงคนนั้น กลับส่งเสียงผ่านพลังมาบอกมันว่า ลูกสาวที่มัน คิดถึงและเป็นห่วงทุกคืนวันยืนอยู่ข้างๆกาย…มันที่หันไปมองดูพอเห็นสตรีในชุดขาวถัดจากชาย หนุ่มชุดม่วง มันก็บอกได้ทันทีว่านี่คือลูกสาวของมันแน่นอน ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานอะไรยืนยัน
เพราะนางละม้ายคล้ายภรรยาของมันมาก
นอกจากนี้ยามสังเกตเห็นหว่างคิ้วของอีกฝ่าย มันยังเห็นเงาของตัวเองในนั้น
“อาวุโสเหลียนชิว ข้ากับฮ่วนเอ๋อจะหาทางช่วยท่านกับอาวุโสผู้เสวียนในเร็ววัน”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจูงมือฮ่วนเอ๋อเดินตามชายชราไปจนใกล้จะลับสายตาของเหลียนชิว เสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียนก็ดังขึ้นในหูเหลียนชิวอย่างทันท่วงที และน้ําเสียงยังเต็มไปด้วยความจริงจังเคร่งขรึมนัก!
‘ฮ่วนเอ๋อ…’
หลังได้ยินคําพูดทิ้งท้ายของต้วนหลิงเทียนที่เอ่ยนามลูกสาวของตัวเองออกมา เหลียนชิวก็มั่นใจว่านั้นคือลูกสาวของมันกับตู้เสวียนไม่ผิดพลาดแน่!
คนอาจดูคล้ายกันได้ แต่ชื่อไม่มีทางบังเอิญซ้ำกันได้อีก
‘ช่วยพวกเราออกไปในเร็ววัน?’
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นสักพักเหลียนชิวก็ดึงสติกลับมา ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นอึมครึมทั้งตึงเครียด
ลูกสาวของมันกับชายหนุ่มข้างกายที่มันสงสัยว่าไม่พ้นต้องเป็นว่าที่ลูกเขยของมัน.. กลับพูดว่าจะช่วยมันกับภรรยาออกไปงั้นหรือ?!
‘หวังว่าเด็กโง่ทั้งสองจะไม่ผลีผลามทําอะไรทุ่มบ่าม…คุกหมื่นพันาการของวังเทียนฉือไม่ง่ายที่จะหลบหนี หากมันหนีกันง่ายดายขนาดนั้น จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหลายบนชั้น 3 คงหนีกันออกไปได้นานแล้ว’
เหลียนชิวลอบอธิษฐานในใจ
ถึงแม้มันอยากจะพาตู้เสวียนภรรยาของมันหลบหนีไปจากที่นี่แค่ไหน แต่หากต้องแลกมากับการเสี่ยงอันตรายของว่าที่ลูกเขยกับลูกสาวตัวเอง มันกับภรรยาย่อมเลือกที่จะรั้งอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิตดีกว่า
‘เสวียนเอ้อ.ข้าเชื่อว่าเจ้าก็คงคิดเหมือนข้า’
เหลียนชิวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับอาการสั่นเพิ่มทั่วร่างก่อนสองตาจะทอดยาวออกไปยังร่างจิ้งจอกที่นอนสลบไสลจมกองเลือดในห้องขังฝั่งตรงข้ามอย่างปวดใจ
นี่คือภรรยาของมันตู้เสวียน
อย่างไรก็ตามต้เสวียนมักโดนคนของวังเทียนฉือเข้ามาทําร้ายและทรมานจนอาการสาหัส ทําได้แค่พยายามประคองพลังรักษาชีวิตไว้ไปวันๆเท่านั้น
ส่วนอีกด้าน
ขณะเดินตามหลังชายชราเดินชมไปทั่วชั้น 2 และกําลังจะขึ้นไปยังชั้น 3 ต้วนหลิงเทียนที่กุมมือของฮ่วนเอ๋อไว้แน่น ก็ลอบหารือกับวาทีเทพชําระโลกา 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุที่อยู่ในโลกใบเล็กภายในกายของเขาทันที “พี่สาวสุ่ย ท่านพอมีหนทางหรือไม่?”
จุดประสงค์การมาคุกหมื่นพันธนาการนั้น ต้วนหลิงเทียนเคยบอกวารีเทพชําระโลกาเอาไว้แล้ว กระทั่งยังฝากฝังอีกฝ่ายให้ช่วยดูว่ามีช่องโหว่รวมถึงจุดบอดอันใดในคุกหมื่นพันธนาการแห่งนี้หรือไม่
หากมี เขาจะได้ลองใช้ช่องโหว่ที่ว่าช่วยเหลือบิดามารดาของฮ่วนเอ่อ
“ยาก”
และคําที่วารีเทพชําระโลกาเอ่ยตอบกลับมา ก็ทําให้ใจต้วนหลิงเทียนจมดิ่งลงสู่ก้นบึงทันที
“ยาก?”
ลองวารีเทพชําระโลกาเอ่ยคําว่ายากออกมาได้ เช่นนั้นก็สมควรยากเย็นมากแล้วจริงๆ!
“พี่สาวสุ่ย..หากข้าให้บิดาฮ่วนเอ๋อยืมใช้พลังของพวกท่าน จนมีพลังเหนือจักรพรรดิอมตะ สมญานามในช่วงเวลาสั้นๆพอให้หนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการ มันพอจะเป็นไปได้หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยในสิ่งที่เขาคิดไว้ออกมา
ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าการเปิดเผยเทพเบญจธาตุออกไปจะชักนําเภทภัยใหญ่หลวงและหายนะไม่จบไม่สิ้นมาสู่ตัว แต่เพื่อช่วยบิดามารดาฮ่วนเอ๋อเขาก็ไม่ลังเล
เพราะเขาไม่คิดว่าบิดาของฮ่วนเอ๋อจะทรยศเขา
แน่นอนว่าหากทําแบบนั้นได้ ตอนบิดาฮ่วนเอ๋อใช้พลังของเทพเบญจธาตุออกมา เป้าหมายแรกที่ทุกคนเพ่งเล็งย่อมเป็นบิดาของฮ่วนเอ๋อ ไม่ใช่เขาด้วยซ้ํา
อย่างไรก็ตาม ตอนี้ต้องยืนยันก่อนว่าวิธีนี้ใช้ได้หรือไม่
หากได้เขาก็พร้อมจะให้บิดาฮ่วนเอ๋อยืมใช้เทพเบญจธาตุชั่วคราว
“ไม่ได้”
ทว่าทันทีที่เสียงถามไถ่ของต้วนหลิงเทียนดังจบคํา วิธีที่เขาคิดขึ้นมาก็ถูกวารีเทพชําระโลกา ปฏิเสธทันที “เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด”
“มีเพียงร่างต้นเท่านั้นที่สามารถใช้พลังของเทพเบญจธาตุได้อย่างเต็มที่…เจ้าคิดว่ายามพวกเราอยู่กับคนอื่นจะสามารถสําแดงพลังอํานาจได้เท่ากับตอนที่อยู่กับเจ้าหรือ?”
“นั่นมันเรื่องเพ้อฝัน”