ตอนที่ 3,347 : กลับระนาบเซียนอีกครั้ง
ได้ยินคําถามของต้วนหลิงเทียน ด้านจี้หนิงอวิ๋นก็ผงะไปเล็กน้อย
ทว่าด้านเสี่ยวจินกับเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
แม้แต่เสี่ยวเฮยเองมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าทั้ง 3 รู้สึกขบขันคําถามที่ต้วนหลิงเทียนถามจี้หนิงอวิ๋น
“ไหงงั้นล่ะ?”
ถึงตาต้วนหลิงเทียนงุนงงบ้างแล้ว คําถามเมื่อครู่ของเขามันน่าขําตรงไหนกัน?
“พี่ใหญ่หลิงเทียน”
เสี่ยวจินเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ท่านเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างหรือไม่ ที่ว่ามีคนของเผ่ามังกรได้กลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์ในระนาบเทวโลกอื่นนะ?”
“เรื่องนี้ข้าก็เคยได้ยินมาอยู่บ้าง”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกกว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนก็ไม่น่าจะกล้าล่วงเกินเผ่ามังกรง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม ไม่กล้าล่วงเกินเผ่ามังกร ไม่ใช่ว่าจะไม่กล้าแตะต้องอาวุโสใหญ่เผ่ามังกร
ความสัมพันธ์ระหว่างเผ่ามังกร กับคนของเผ่ามังกรที่แยกตัวออกไปเป็นจักรพรรดิสวรรค์อาจจะยังแน่นแฟ้นดีอยู่ เป็นธรรมดาที่มันคงไม่อาจทนเห็นใครรุกรานเผ่ามังกรได้ ทว่าเรื่องราววันนี้มันต่างกัน เห็นชัดว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของจื้อวี่เหนียนไม่ได้เกี่ยวพันถึงทั้งเผ่า จักรพรรดิสวรรค์ที่มาจากเผ่ามังกรผู้นั้นก็ไม่แน่ว่าจะสนใจ
“แล้วท่านล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิสวรรค์ที่ว่ากับอาวุโสจื้อวี่เหนียนหรือไม่?”
เสี่ยวจินถามอีกครั้ง
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาก่อนโดยไม่รู้ตัว จากนั้นสองตาพลั่นทอประกายเรื่องขึ้นวูบหนึ่ง หยีตาเอ่ยถามออกไปว่า “หรือว่า…อาวุโสจื้อวี่เหนียนกับจักรพรรดิสวรรค์ที่มาจากเผ่ามังกรผู้นั้น จะมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน?”
“อาวุโสจื้อวี่เหนียนเป็นทายาทสายตรงของจักรพรรดิสวรรค์ที่ว่า….และจักรพรรดิสวรรค์คนนั้นก็เป็นปู่ทวดของอาวุโสจื้อวี่เหนียน”
เสี่ยวจินยิ้มกล่าว “นอกจากนั้นตอนยังเด็ก อาวุโสจื้อวี่เหนียนก็ถูกจักรพรรดิสวรรค์ที่เป็นปู่ทวดผู้นั้น พาไปบ่มเพาะฝึกฝนที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หลายปี วางรากฐานไว้ที่นั่นอย่างแน่นหนา นับว่ามีความสัมพันธ์กับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งนั้นไม่ใช่เล่นๆเลย”
“แล้วพี่ใหญ่ท่านคิดว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนจะกล้าแตะต้องอาวุโสจี้หรือไม่เล่า? ให้มันแกร่งกว่าแล้วอย่างไร มันสู้ปู่ทวดอาวุโสจี้ได้หรือ? เรื่องนี้ในแวดวงจักรพรรดิสวรรค์แล้วไม่ใช่ความลับอะไรเลย”
เสี่ยวจินกล่าวออกมารวดเดียวจบ
หลังได้ยินเรื่องราวจากเสี่ยวจิน ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าที่แท้เป็นเรื่องราวใด และไฉนอาวุโส 4 อย่างจี้หนิงอวิ๋นไม่ได้แลดูเป็นกังวลกับความปลอดภัยของอาวุโสจื้อวี่เหนียนแม้แต่นิดเดียว
นอกจากนั้นพอรวมกับท่าทีเฉยเมยไร้แยแสของอาวุโสจื้อวี่เหนียน หลังได้ยินคําขู่ของจ้าววังเทียนฉือว่าจักรพรรดิสวรรค์กําลังจะมา…เขาก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว
ที่แท้อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกรกลับมีขาใหญ่ระดับนี้หนุนหลัง
“ไม่ต้องกังวลจริงๆ…”
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
ตอนที่ไม่รู้ ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่อาจไม่กังวล เพราะอย่างไรเสียวันนี้เขาก็ได้อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกรช่วยเหลือ ทําให้เขาไม่ต้องเปิดเผเทพเบญจธาตุออกมา และอีกฝ่ายไม่ได้ช่วยแค่เขา ยังมีส่วนช่วยเหลียนชิว พี่ใหญ่เผยและคนอื่นๆ อีกด้วย
“พี่ใหญ่เผย”
พอคิดถึงทุกคนขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็เร่งส่งข้อความไปหาเผยหยวนจี๋ทันที “พวกเราคิดจะกลับไปยังระนาบเซียนเพื่อไปหาฮ่วนเอ๋อ ท่านจะไปด้วยไหม?”
ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในคุกหมื่นพันธนาการ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับเผยหยวนจี๋เอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงสามารถติดต่อไปหาอีกฝ่ายได้โดยตรง
“ข้าคงไม่ไปล่ะ”
เผยหยวนจี๋ส่งข้อความตอบกลับมาเร็วไว “ในเมื่อตู้เสวียนถูกช่วยออกมาแล้ว เช่นนั้นข้าก็ถือว่าได้ทําเพื่อตู้เฟยแล้ว…ต่อไปข้าจะไปตามทางของข้า”
“หวังว่าวันหน้าจะมีโอกาสได้เจอเจ้าอีก”
เผยหยวนจี๋กล่าว
“ย่อมได้พบกันแน่”
หลังตอบเผยหยวนจี๋ ต้วนหลิงเทียนก็ส่งข้อความไปหาเมิ่งชวนต่อทันที “อาวุโสเมิ่งชวน ท่านออกมาจากที่นั่นรียัง?”
ในตอนที่เขากับพวกพี่ใหญ่เผยแยกย้ายกันจากไปนั้น ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นได้ว่าเมิ่งชวนไม่ได้รีบร้อนไปไหน ยังคงรั้งอยู่
“ก็พึ่งจะกลับออกมาเมื่อครู่นี่เอง”
เมิ่งชวนตอบกลับ “ตอนแรกข้าก็คิดจะอยู่ดูเรื่องราวนั่นล่ะ แต่พอนึกอะไรขึ้นได้ข้าว่าข้ากลับดีกว่า เพราะข้าไม่อยากเป็นกระสอบทราย…”
“กระสอบทราย?”
ต้วนหลิงเทียนงุนงง
“ก็พอจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียนมาถึง กับจื้อวี่เหนียนนั้น แน่นอนว่ามันไม่กล้าทําอะไรแน่นอน..ถึงตอนนั้นขากลัวว่ามันที่ไม่อาจหาที่ลง จะเอาโทสะมาระบายกับข้าคนเดียวน่ะสิ”
เมิ่งชวนกล่าว “ถึงมันจะไม่กล้าฆ่าข้า แต่ไม่ใช่ว่าจะทุบตีข้าไม่ได้ อย่างไรเสียครั้งนี้ข้าก็เป็นฝ่ายผิด…”
“ดังนั้นข้าก็เลยหนีกลับมาก่อน ที่ตาแก่นั่นจะมาถึง”
เมิ่งชวนกล่าวด้วยน้ำเสียงขบขัน
ได้ยินข้อความตอบกลับมาของเมิ่งชวน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ
อาวุโสเมิ่งชวนผู้นี้ ช่างรู้มากจริงๆ…เอาตัวรอดเก่ง!
“อย่างไรก็ตาม…ต้วนหลิงเทียน ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่ากระทั่งอาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกรจะมาออกหน้าให้เจ้าแบบนี้ ถ้ารู้แต่แรกว่ามันจะมา ข้าคงไม่ต้องถ่อมาวังเทียนฉือหรอก”
เมิ่งชวนกล่าวอย่างทอดถอนใจ
“ข้าก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน”
ต้วนหลิงเทียน “การมาของอาวุโสใหญ่เผ่ามังกร ข้าไม่รู้เรื่องเลย…”
“เอาล่ะ…ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว ไว้คราวหน้าค่อยพบกันใหม่ และหากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กลับมาเมื่อไหร่ ข้าจะเล่าเรื่องเจ้าให้ท่านฟัง ถึงตอนนั้นหากท่านอยากเจอเจ้า ข้าจะไปรับเจ้าด้วยตัวเอง”
เมิ่งชวนกล่าว “ว่าแต่เจ้ายังคิดจะอยู่ที่อู๋หยาเทียนอีกนานไหม?”
โดยปกติแล้ว ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณจะสามารถใช้ติดต่อได้เฉพาะตอนอยู่ในระนาบเทวโลกเดียวกันเท่านั้น ต่อให้เป็นยันต์อมตะสื่อสารที่ดีที่สุด ก็ทําได้แค่ติดต่อไปยังดินแดนต่างๆในระนาบเทวโลกนั้นๆ
ไม่มีทางที่จะส่งข้อความข้ามระนาบโทวโลกได้
“ไม่นานหรอก อีกสักพักข้าก็จะไประนาบโลกียะที่เป็นบ้านเกิดของอาวุโสฟงชิงหยางส่วนอู๋หยาเทียนนี่…”
เดิมต้วนหลิงเทียนจะบอกว่า เขาไม่คิดจะกลับมาเหยียบอู๋หยาเทียนอีก แต่พอคิดถึงฉือหล่างกับศิษย์พี่คนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่พึ่งพบกันครั้งแรก แต่นางกลับเลือกที่จะออกหน้าช่วยเหลือเขาหนีไป ทําให้เขาอดไม่ได้ที่จะลังเลใจขึ้นมา
วันหน้าเขาจะไม่มาเหยียบอู๋หยาเทียนแล้วจริงๆหรือ?
“หากไม่มีเรื่องราวอะไร ข้าก็คงไม่คิดจะกลับมาอีก…”
ต้วนหลิงเทียนตอบเมิ่งชวน
“งั้นตอนเจ้ากลับจากระนาบโลกียะ เจ้าจะไปอยู่แดนสวรรค์ไหนล่ะ?”
เมิ่งชวนเอ่ยถามอีกรอบ “อย่างไรเสีย พอถึงตอนที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์คิดหาตัวเจ้า ข้าก็ต้องหาที่ๆจะส่งข้อความถึงเจ้าให้ได้ก่อนใช่ไหมล่ะ?”
“หากไม่ใช่ ว่านโช่วเทียน อวี้หวงเทียน หลิงหลัวเทียน…ก็น่าจะเป็นที่จี้เมี่ยเทียนเลย”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“และหากท่านไม่พบข้าในระนาบเทวโลกที่ว่ามา ท่านก็ลองมายังระนาบเซียนดู มันเป็นระนาบโลกียะบ้านเกิดของอาวุโสฟงชิงหยาง เพราะไม่แน่ข้าอาจจะยังอยู่ที่นั่น”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสริม
“ระนาบโลกียะที่เรียกว่าระนาบเซียน…ว่านโช่วเทียน อวี้หวงเทียน หลิงหลัวเทียน แล้วก็จี้เมี่ยเทียน เอาล่ะข้าจําได้แล้ว”
เมิ่งชวนตอบกลับ
หลังจบการสื่อสารกับเมิ่งชวนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็คิดจะส่งข้อความไปหาฉือหล่าง แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเอาลูกแก้ววิญญาณของฉือหล่างให้นักเลียนเสียงไปแล้ว ก่อนจะเข้าไปในคุกหมื่นพันธนาการ
‘ดูเหมือนตอนนี้ข้าจะติดต่อได้แต่ศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่หญิง 3 ศิษย์พี่หญิง 4 ศิษย์พี่ 5 แล้วก็ศิษย์พี่ 6 เท่านั้น…’
พอนึกถึงเหล่าศิษย์พี่ ที่ตอนนี้ไม่แน่อาจจะยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่าเขาก่อการอุกอาจอะไรเอาไว้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมา
ถึงแม้ว่าแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้คิดใช้ประโยชน์อะไรจากทุกคน แต่ตัดสินจากเรื่องที่เขาก่อไว้ในวังเทียนฉือ แม้วังเทียนฉือจะไม่ลงโทษทุกคน แต่วันหน้าไม่พ้นทุกคนต้องพบเจอกับสายตาแปลกๆของคนอื่นๆในวังเทียนฉือแน่
เพราะสุดท้ายแล้ว เขาที่เป็นศิษย์ในต่านก็เป็นผู้ทรยศ! แถมเรื่องที่ก่อไว้ยังงามหน้าอย่างสาหัสนัก!
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะส่งข้อความไปให้ศิษย์พี่ 6 หงเฟย กับศิษย์พี่หญิง 3 หูเหมย เพราะปกติแล้วเขาสนิทกับ 2 คนนี้มากที่สุด “ศิษย์พี่หญิง 3 หากท่านพบครู ข้าฝากท่านขอขมาครูให้ข้าด้วย”
“ศิษย์พี่ 6 ข้าไม่มีหน้ากลับไปพบครูกับศิษย์พี่หญิงใหญ่แล้ว อย่างไรก็ตาม ข้าฝากคําขอโทษไปถึงทั้ง 2 คนด้วย”
ไม่ว่าจะหูเหมยก็ดี หงเฟยก็ดี พอได้รับข้อความดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ทั้งคู่ก็เร่งส่งข้อความกลับมาถามเร็วไว
“ศิษย์น้องเล็กเจ้าเป็นอะไรไป นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”
หูเหมยงุนงงอยู่บ้าง
“ศิษย์น้องเล็ก เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?”
หงเฟยก็อึ้งไปไม่ต่าง
“ตอนนี้พวกท่านคงได้ยินเรื่องนักโทษแหกคุกหมื่นพันธนาการ กันมาบ้างแล้วแล้วใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
เรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนพานักโทษแหกคุกออกมามันเกิดขึ้นได้สักพักแล้ว และไม่ใช่ แค่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9 เท่านั้นที่รู้ แต่อาวุโสส่วนใหญ่ในคุกหมื่นพันธนาการก็ทราบเรื่องราวหมดสิ้น ในนั้นต้องมีคนที่นําไปบอกเล่ากับสหายหรือคนรู้จักแน่นอน
“เรื่องนี้ข้าก็พึ่งได้ยินมาหยกๆ…เห็นว่ามีศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่ง ปล่อยนักโทษในเรือนจําชั้น 2 กับชั้น 3 ทั้งหมดออกมา”
หูเหมยตอบกลับเร็วไว
“ข้ายังได้ยินอีกว่า…มีบางคนใส่ร้ายเจ้า ว่าเป็นเจ้าช่วยนักโทษพวกนั้นแหกคุก กระทั่งยังพูดไปเรื่อยว่าเป็นเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่เป็น 1 ใน 3 พัสดีอีกด้วย…ศิษย์น้องเล็ก…นี่เจ้าคงไม่ได้ทําอะไรแบบนั้นจริงๆหรอกนะ?”
เดิมทีหงเฟยก็คิดว่าเรื่องราวดังกล่าวมันเหลวไหลทั้งเพ แต่อย่างไรก็ตามพอนึกถึงข้อความก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียน ที่ฝากมันไปขอขมาอาจารย์กับศิษย์พี่หญิงใหญ่ หงเฟยก็รู้สึกใจคอไม่ดี เร่งส่งข้อความกลับมาถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
“เป็นข้าช่วยนักโทษแหกคุกเองล่ะ…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
หงเฟยถึงกับเงียบไปทันที
ด้านหูเหมยที่ได้ยินข้อความทํานองเดียวกัน ก็เงียบไปสักพัก
“ทําไม?”
หูเหมยส่งข้อความกลับมาถาม น้ำเสียงยังเย็นลงไม่น้อย
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เล่าต้นสายปลายเหตุเรื่องราวทั้งหมดออกไป ด้านหูเหมยหลัง เงียบไปสักกพักก็ส่งขอความตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ศิษย์น้องเล็ก ขาเข้าใจความจําเป็นของเจ้าแล้ว..ช่างมันเถอะ”
“ศิษย์พี่หญิง 3 พวกท่านจะเป็นศิษย์พี่ของข้าเสมอ..วันหน้าไม่ว่ามีเรื่องอะไร หากข้าต้วนหลิงเทียนสามารถช่วยได้ ข้าจะไปช่วยเหลือท่านทันทีไม่ว่าจะอะไรก็ตาม!”
ได้ยินข้อความตอบกลับ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนของหูเหมย ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะใจสั่น เพราะความรู้สึกผิด
“อื้ม เจ้าเองก็จะเป็นศิษย์น้องเล็กของศิษย์พี่หญิง 3 เสมอ…ตลอดไป”
หูเหมยกล่าว “นอกจากนั้นเจ้าไม่ต้องห่วง ข้ารู้จักนิสัยของศิษย์พี่หญิงใหญ่ดี ในเมื่อวันนี้นางพยายามหาวิธีช่วยให้เจ้าหลบหนี ต่อให้จะกล่าววาจา ‘ตัดรอน’ แต่นางก็แค่กล่าวไปอย่างนั้น”
“หากนางไม่เห็นเจ้าเป็นศิษย์น้องเล็ก นางคงไม่คิดจะช่วยเจ้าแต่แรก”
หูเหมยกล่าวแทนฉือหย่าชี
“ข้าทราบแล้ว ขอบคุณท่านมาก”
ต้วนหลิงเทียนตอบกลับ
“ศิษย์น้องเล็ก ที่แท้เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่? เจ้าเจ้าปล่อยนักโทษพวกนั้นจริงๆรึ?”
ตอนนี้เองหงเฟยเหมือนจะพึ่งหายอึ้ง จึงเร่งส่งข้อความมาถามด้วยความตกใจ
“ศิษย์พี่ 6 ข้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้ศิษย์พี่หญิง 3 ฟังแล้วท่านอยากรู้รายละเอียดใด ไป ถามศิษย์พี่หญิง 3 ได้เลย เพราะตอนนี้ข้ากําลังจะออกจากอู๋หยาเทียนแล้ว”
“เรื่องก่อนหน้าที่ข้าฝากฝังท่าน อย่าลืมซะเล่า”
พอส่งข้อความดังกล่าวไป ต้วนหลิงเทียน เจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ไม่เว้นเหลียนชิวและจี้หนิงอวิ๋นก็ออกจากอู๋หยาเทียนไปยังระนาบเซียนทันที
ครั้งสุดท้ายที่เขากลับมายังระนาบเซียน เขากลับมาพร้อมฮ่วนเอ๋อ
แต่คราวนี้ พอกลับมาพร้อมเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ความรู้สึกของต้วนหลิงเทียนมันแตกต่างจากครั้งล่าสุดมาก
“ฮ่วนเอ๋อ”
ต้วนหลิงเทียนพาทุกคนไปยังบ้านเกิดเขาที่อาณาจักรนภาล่องทันที
เพราะฮ่วนเอ๋อไปรอเขาที่อาณาจักรนภาล่อง
“พี่หลิงเทียน”
และเมื่อพบหน้ากันอีกครั้ง โฉมงามที่ราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดก็โผเข้าอ้อมกอดตัวนหลิงเทียนฉับไว ปานสายลมหอบหนึ่ง
ด้านเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ไม่เว้นจี้หนิงอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะชมดูด้วยสองตาเป็นประกาย..ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคิดฝันเลยว่าใต้หล้าจะมีโฉมสะคราญไร้ผู้ต้านเช่นนี้ดํารงอยู่!