ตอนที่ 3,339 : แขกไม่ได้รับเชิญ
ตอนนี้ไม่ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามคนไหนของวังเทียนฉือก็กําลังลงมือสู้เต็มกําลัง จึงไม่อาจปันสมาธิมาสนใจเรื่องราวใดๆได้ ทําให้พวกมันไม่ได้รู้เลยว่า
หยางเซียวเทียน จักรพรรดิอมตะหอนฟ้า 1 ใน 9 จักรพรรดิสมญานามของวังเทียนฉือ พวกมันกลับหยุดร่างลงคุยกับต้วนหลิงเทียนเรื่องต้นกําเนิดไซอิ๋ว อย่างออกรส
“จากที่อาวุโสกล่าว ที่แท้เรื่องราวมากมายที่ปรากฏขึ้นในไซอิ่วล้วนมาจากบันทึกเรื่องราวของท่านที่เก็บไว้ในมรดกสถานงั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกระพริบตาปริบๆ ส่งเสียงผ่านพลังเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว”
หยางเซียวเทียนพยักหน้า ก่อนจะกล่าวผ่านพลังต่อด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้ “เพียงแต่ข้าไม่คิดเลยว่าสหายของซุนชิว อู๋เฉิงเอิง ผู้นั้นจะปั้นแต่งให้ลิงนั้นโดดเด่นกว่าผู้อื่นเขา”
“อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่แท้จริงของเจ้าลิงนั่นกล่าวไปยังเหนือกว่าที่อยู่ในเรื่องไซอิ๋วเสียอีก”
“เหอะๆเจ้าลิงนั่นน่ะ มันถล่มพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์กระเจิงมาแล้วรอบหนึ่งจริงๆ”
ขณะที่กล่าวผ่านพลังถึงจุดนี้ ในแววตาของหยางเซียวเทียนก็เผยความเคารพนับถือออกมาไม่น้อย เห็นได้ชัดว่านับถือเห้งเจียที่เป็นตัวละครเอกในไซอิ๋ว
เรียกว่าวันนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบต้นกําเนิดที่แท้จริงของไซอิ๋วเข้าแล้ว!
ชาติที่แล้วในโลกเก่า ผู้ประพันธ์ไซอิ๋วอู๋เอิงเฉิง ก็เป็นคนที่เกิดในยุคราชวงศ์หมิงช่วงปี ค.ศ. 1500..พอดีกับที่ศิษย์พี่ซุนชิงก็เกิดในยุคนั้นพอดี
“เวลาใช่ แถมคนก็ใช่ ดูเหมือนต้นกําเนิดไซอิ๋ว…จะมีต้นตอจากชายคนนี้จริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“ต้วนหลิงเทียน ครั้งนี้เจ้าก่อเรื่องใหญ่โตเกินไปจริงๆ…หาไม่แล้วเจ้าที่เป็นคนบ้านเดียวกับข้า ข้าย่อมช่วยเจ้าอย่างดีที่สุดเท่าที่ข้าจะทําได้แน่ แต่วันนี้ข้าเองก็ไม่มีปัญญาจะออกหน้าช่วยเจ้าได้จริงๆ”
หยางเซียวเทียนส่งเสียงผ่านพลังมาอย่างทอดถอน ท่าทางแลดูจปัญญาไม่ต่างอะไรจากฉือหล่างเลย
ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งกับวาจาดังกล่าวของหยางเซียวเทียน ด้วยไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าเบื้องหน้าจะอัธยาศัยดี และพูดง่ายขนาดนี้
“ตอนนี้ข้าทําได้แค่ แสร้งรบติดพันไม่ลงมือกับเจ้า…เจ้าเองก็รีบหาโอกาสหลบหนีไปเลยเถอะ”
หยางเซียวเทียนส่งเสียงผ่านพลังมาอีกครั้ง
และพอมันพูดจบคํา ทั่วร่างก็ปะทุเพลิงไฟออกมาอย่างรุนแรงปานจะแผดเผาแผ่นฟ้า ร่างโจนทะยานเข้าไปช่วยเหลือกู้ฉางเจียงที่ถูกจักรพรดรอมมตะขยี้เมฆา เถิงฉงป้าพลิกกลับมาไล่ต้อนได้อีกครั้ง และเมื่อมีมันเข้ามาแทรก เถิงฉงป้าที่กลับเป็นฝ่ามีเปรียบอีกครั้งก็ได้แต่ละทิ้งการจู่โจม แล้วเปลี่ยนกลับมาตั้งรับเต็มกําลังเหมือนเดิม..
ในขณะเดียวกัน
เสียงเมิ่งชวนก็ดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ
“จักรพรรดิอมตะพินิจเอกอุ โหยวเฟิงอวี้ วันนี้ข้าเมิ่งชวนคิดขอคําชี้แนะสักครา!”
พอเสียงเมิ่งชวนดังจบคํา ทั่วร่างมันก็ปลดปล่อยพลังสีฟ้าออกมา จากนั้นไอพลังสีฟ้าก็ควบรวมก่อเกิดกระบี่เล่มเรื่องหนึ่ง พุ่งทะลวงผ่านฟ้า จี้เข้าใส่โหยวเฟิงอวี้อย่างดุดัน!
“นามของจักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์ เมิ่งหลัว โด่งดังปานฟ้าร้องเจ้าในฐานะน้องชายของเมิ่งหลัว หวังว่าจักไม่ทําให้ข้าผิดหวัง!”
โหยวเฟิงอวี้ปริปากกล่าวคําเสียงเบา จากนั้นทั่วร่างก็ปรากฏพลังเขียวครามม้วนวนดังพายุ ก่อนจะควบรวมผสานเป็นกลุ่มก้อนสายลมหอบหนึ่งพุ่งไปดั่งมังกรวายุ เผชิญหน้ากับกระบี่สีฟ้าเล่มเขื่อง น่าเกรงขามอย่างไม่หวั่นหวาด!
พริบตา ทั้งคู่ก็ปะทะกันอย่างดุเดือด
แรกๆพวกมันก็แลดูจะสูสีคู่คี่
อย่างไรก็ตามพอเวลาผ่านไปสักพัก พลังของเมิ่งชวนก็เริ่มด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามเนื่องเพราะกฏที่เมิ่งชวนใช้คือกฏแห่งน้ําขึ้นชื่อเรื่องความอ่อนหยุ่นเป็นที่สุด ก็มากพอจะพัวพันโหยวเฟิงอวี้ให้รําคาญใจอยู่บ้าง เพราะเว้นเสียแต่โหยวเฟิงอวี้จะตัดสินใจเข่นฆ่าเด็ดขาด หาไม่แล้วก็ทําได้แค่โดนเมิ่งชวนพัวพันไม่เลิกรา
“เมิ่งชวน! ดูเหมือนเจ้าวางแผนจักซื้อเวลาให้พวกมันหลบหนี้สินะ!!”
ไม่นานโหยวเฟิงอวี้ก็ตระหนักได้ถึงปัญหาข้อนี้ แม้สีหน้ามันจะแลดูเย็นชา แต่ในแววตากลับฉายชัดถึงความอับจนหนทางประการหนึ่ง
เพราะถึงมันจะมองเจตนาที่แท้จริงของเพิ่งชวนออกแล้ว แต่มันก็ทําอะไรไม่ได้จริงๆ
ถึงสําหรับมันแล้ว การฆ่าเมิ่งชวนจะเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับว่ามันอยากจะลงมือหรือไม่
ทว่าหากมันฆ่าเพิ่งชวนไป เกรงว่าจะไม่อาจแบกรับผลที่ตามมาได้ไหว เพราะสิ่งที่จะตามมาหลังฆ่าเพิ่งชวนคือจักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์ เมิ่งหลัว ที่จะมาเยือนวังเทียนฉือพร้อมโทสะอันเกรี้ยวกราด และมันนึกภาพออกได้ไม่ยากว่าถึงตอนนั้นวังเทียนฉือจะถูกพลิกฟ้าคว่ําดินอย่างไร…
ในอดีตก็เคยเกิดเรื่องราวอันเป็นกรณีศึกษามาแล้ว
ย้อนกลับไปตอน เมิ่งชวน ผู้ที่กําลังสู้กับมันยังไม่ได้เป็นจักรพรรดิอมตะ อีกฝ่ายเกือบจะโดนจักรพรรดิอมตะสมญานามของขุมกําลังระดับสวรรค์แห่งหนึ่งสังหารพอจักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์เมิ่งหลัวทราบเรื่องราว มันก็บุกไปยังขุมกําลังระดับสวรรค์ที่ว่าเพียงลําพังพร้อมโทสะ! ทําให้จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหมดของขุมกําลังระดับสวรรค์แห่งนั้นบาดเจ็บสาหัสกันถ้วนหน้า และจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ทําร้ายเมิงชวนก็ถูกฆ่าตายอย่างอุกอาจ!
หลังการบุกไปถล่มขุมกําลังระดับสวรรค์เพียงลําพังครั้งนั้น ชื่อของจักรพรรดิอมตะ กร่างสวรรค์ เมิ่งหลัว มือขวาจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนก็แพร่กระจายออกไปราวไฟป่า!
ดังนั้นหากเลือกได้ โหยวเฟิงอวี้ไม่อยากตอแยกับตัวอันตรายเช่นนี้จริงๆ
จริงอยู่ถึงแม้ว่ามันอาจจะสู้เมิ่งหลัวไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้หวาดกลัวเมิ่งหลัวแต่อย่างใด เพราะเบื้องหลังมันก็มีตาที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียนอยู่
แต่ปัญหาก็คือ…
หากถึงจุดที่การต่อสู้ระหว่างมั่นกับเมิ่งหลัว จําต้องเดือดร้อนไปถึงตาของมันที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอิหยาเทียนขึ้นมา แล้วตอนนั้นจักรพรรดิสวรรค์แห่งขี้เมียเทียนจะนิ่งดูดายปล่อยให้มือขวาโดนรังแกหรือไม่?
ก่อนหน้านี้ หากตาของมันที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียนลองถามตัวเองดู ว่าใช่คู่มือฟงชิงหยางก่อนเข้าสู่นรกอสุราหรือไม่ ก็คงตอบได้ทันทีว่าไม่
หลังจากที่ฟงชิงหยางกลับออกมาจากนรกอสุราแล้ว พลังฝีมือก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และฟังจากที่ตามันกล่าว มันก็ตระหนักว่าตอนนี้ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนสมควรบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว!
“ต้วนหลิงเทียน เจ้ารีบหนีไปเร็วเข้า!”
ตอนนี้เองเสียงผ่านพลังของเมิ่งชวนก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอย่างกะทันหัน และบอกให้ต้วนหลิงเทียนหนีไป
ได้ยินดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองเผยหยวนจี๋กับจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆพลางขมวดคิ้ว
กับจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่น เขาอาจหักใจละทิ้งได้ เต็มที่ก็แค่ย้อนกลับมาช่วยภายหลังเมื่อเขาพร้อม
แต่กับเผยหยวนจี๋ เขาไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายรับศึกแทนเขาได้แบบนี้จริงๆ
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เขากับเผยหยวนจี๋นับว่าสนิทกัน อาศัยแค่ความสัมพันธ์ระหว่างเผยหยวนจี๋กับตู้เฟยที่เป็นกป๋อของฮ่วนเอ๋อ ก็ยากที่เขาจะหักใจละทิ้งเผยหยวนจี๋ไว้ที่นี้อย่างเห็นแก่ตัว
“เดิมที่ตามแผนของข้า หากครูกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าไม่มา ป่านนี้พวกเราคงหนีไปได้ง่ายๆแล้ว…แต่ตอนนี้กลับทําได้แค่ตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ใบหน้าต้วนหลิงเทียนบิดเบี้ยวอยู่บ้าง เพราะฉากเรื่องราวเบื้องหน้ามันผิดจากแผนที่เขาวางไว้อย่างสิ้นเชิง และเขาเองก็ตกที่นั่งลําบากพอสมควร
“ต้วนหลิงเทียน พาเหลียนชิวหนีไปเสีย!”
ตอนนี้เองเสียงผ่านพลังของเผยหวนพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ “เจ้ากับเหลียนชิวไปแล้ว พวกมันก็ไม่มีปัญญาทําอะไรพวกเราได้อยู่ดี..เต็มที่ก็ได้แต่จับพวกเราทั้ง 6 กลับไปขังไว้อีกครั้ง”
“สําหรับเมิ่งชวน จ้าววังเทียนฉือไม่กล้าแตะต้องมันแน่!”
“ขอแค่เจ้าหนีไปได้ ข้าก็วางใจ”
“วันหน้ารอให้เจ้ามีความสามารถมากพอ ค่อยย้อนกลับมาช่วยพวกเราเถอะ!”
“ข้าเชื่อใจเจ้า!”
ฟังที่เผยหยวนจี๋กล่าว ความหมายก็ชัดเจนนัก มันอยากให้ต้วนหลิงเทียนพาเหลียนชิวหนีไปก่อน ด้วยวิธีนี้ถือว่าการลงมือครั้งนี้ไม่ได้ล้มเหลวอะไร
สําหรับพวกมันแล้ว เต็มที่ก็แค่โดนจับไปขังอีกรอบเท่านั้น
ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งได้ยินคําพูดของเผยหยวนจี๋ ไม่ทันได้ตอบสนองสิ่งใด เขาก็ได้ยินเสียงผ่านพลังของคนอื่นส่งตรงถึงหูระรัว!
“วนหลิงเทียน ฟังที่อาวุโสเผยกล่าว เจ้ารีบหนีไปก่อนเถอะ!”
“เจ้าหนูหลิงเทียน หนีไป!”
“พวกเราจักรอเจ้ากลับมาช่วยวันหน้า!!”
เสียงผ่านพลังรอบนี้ถูกส่งมาจากจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนที่แหกคุกหมื่นพันธนาการออกมา นอกจากเผยหยวนจี๋แล้ว ไม่ว่าจะจักรพรรดิอมตะผกาทอง จักรพรรดิอมตะกวางขาว จักรพรรดิอมตะน้ําแข็งทมิฬ จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท ไม่เว้นจักรพรรดิอมตะขยเมฆา ก็กล่าวมาทํานองเดียวกัน!
ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะเดาได้ว่า ที่อยู่ๆจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 5 ส่งเสียงผ่านพลังมาพร้อมเพรียง ทั้งหมดเพราะได้รับคําชี้แนะจากเผยหยวนจี๋!
“ผู้อาวุโสเหลียนชิว พวกเราไปกันก่อนเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ค่อยหันไปมองกล่าวกับเหลียนชิวด้วยสีหน้าจริงจัง
เพราะตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่พอทําได้
หาไม่แล้วหากยังรั้งอยู่สืบไป เกรงว่าคิดจะหนีก็หนี้ไม่ได้แล้ว!
สําหรับเรื่องที่จะใช้พลังของเทพเบจธาตุเปิดฉากสังหารจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ได้ล้มเลิกความคิดดังกล่าวไปแล้ว เพราะเท่าที่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขามองว่าไม่จําเป็นต้องทําถึงขนาดนั้น กระทั่งวารีเทพชําระโลกาก็คิดว่า ไม่ต้องทําถึงขนาดนั้นเหมือนกัน
“แล้วทุกคนเล่า?”
เหลียนชิวย่อมไม่ทราบว่าคนอื่นๆได้ส่งเสียงผ่านพลังมาคุยกับต้วนหลิงเทียนหมดแล้ว พอเห็นต้วนหลิงเทียนชวนให้มันหนีไปกันก่อน จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
ขณะเดียวกัน มันก็ลอยร่างขาตาย ด้วยไม่คิดจะหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว
“ผู้อาวุโสเมิ่งชวนนั้น ไม่มีทางเป็นอะไรแน่ เพราะจ้าววังเทียนฉือไม่กล้าแตะต้องส่วนพวกพี่ใหญ่เผยกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ผลลัพธ์ที่แล้วร้ายที่สุดก็คือทั้ง 6 ถูกจับกลับไปยังอีกครั้ง และวันหน้าข้าจะย้อนกลับมาช่วยทุกคนอีกรอบ!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ในปัจจุบัน คนที่กําลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายมากที่สุดก็คือพวกเรา!”
“อีกทั้งต่อให้พวกเรารั้งอยู่ที่นี่สืบไป พี่ใหญ่เผยเองก็ลงมือได้ไม่เต็มที่ ต้องคอยพะว้าพะวงห่วงพวกเรา”
ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวผ่านพลังแจ้งเหลียนชิวรวดเดียวจบ
“เข้าใจแล้ว”
หลังได้ยินคําอธิบายของต้วนหลิงเทียน เหลียนชิวก็พลันเข้าใจสถานการณ์ และมันยังตระหนักอีกว่าทางออกที่ดีที่สุดในปัจจุบันมีแต่ต้องทําแบบนี้เท่านั้น
“ไปกันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิวพร้อมจะจากไป
“หอนฟ้า ฆ่าพวกมันเสีย!!”
แต่ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังจะจากไป จ้าววังเทียนถือก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขาทันที จึงเร่งตะโกนสั่งจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าเสียงดังสนั่น
ด้านหยางเซียวเทียนพอได้ยินคําสั่งดังกล่าว มันก็ได้แต่ลอบทอดถอนในใจ จากนั้นก็ผละออกจากจักรพรรดิอมตะขยี้เมฆา เถิงฉงป้า ร่างที่เต็มไปด้วยเพลิงไฟระอุ พุ่งแหวกอากาศไปฉับไว ทิ้งไว้เพียงเส้นทางเปลวเพลิงสายหนึ่ง จี้ตรงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิว
ซึ่ง!!
“โอยยย”
…
อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิอมตะหอนฟ้าที่เห็นทะยานข้ามฟ้าไปด้วยความเร็วสูงนั้น อยู่ดีๆเบื้องหน้าของมันก็ปรากฏกําแพงศิลาสีกากีหนึ่งขึ้นในฉับพลัน ทําให้คนชนเข้ากับกําแพงดังกล่าวอย่างจังจนหน้าหงาย กลับกลายเป็นงุนงงเห็นดาวระยิบระยับเต็มไปหมด สองมือยกขึ้นกุมหัวร่ําร้องโอดโอย สภาพแลดูน่าสงสารไม่น้อย
ในห้วงเวลาสําคัญ กลับเป็นเผยหยวนจี๋ที่ลงมือได้รวดเร็วฉับไวอีกครั้ง!
อย่างไรก็ตาม มองจากสีหน้าเผยหยวนจี๋ที่กลายเป็นตึงเครียด ก็เห็นได้ชัดว่าการใช้พลังครั้งนี้ไม่ใช่ง่ายดายเหมือนที่ผ่านๆมา!
เพราะสุดท้ายแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเผยหยวนจี๋แยกใจ 3 ทาง หยุดจักรพรรดิอมตะ สมญานามพร้อมๆกันถึง 3 คน!
“ไป!!”
เผยหยวนจีคํารามใส่ต้วนหลิงเทียนกับเหลียนชิวดังลั่น และร่างทั้ง 2 คนไหววูบก่อนจะพุ่งจากไปด้วยความเร็วสูงสุดทันที
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่จึงจะเห็นร่างหนีไปได้ไม่ทันไร ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้ใช้เคลื่อนมิติพาเหลียนชิววูบร่างตัดระยะ 20 ลี้ เขาก็ถูกพลังไร้สภาพจากร่างหนึ่งที่ผุดโผล่ออกมาปานภูตผีเบื้องหน้าผลักให้ล่าถอยไปหลายก้าวใหญ่!
“หืม?”
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังร่างผู้มาใหม่ที่พึ่งใช้พลังไร้สภาพบีบให้เขาล่าถอยด้วยความเคร่งเครียด พบว่าอีกฝ่ายเป็นคนในชุดคลุมลมสีเทาหลวมโครก สวมงอบฟางบดบังใบหน้าครึ่งบน สภาวะพลังทั่วร่างสงบนิ่งแต่แผ่กลิ่นอายน่ากลัวแถมชวนให้รู้สึกอึมครึมหดหูนัก
กลิ่นอายพลังดังกล่าวทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าละม้ายคล้ายกลิ่นอายที่หอเกิดดับกักไว้บนเวทีศิลากลางหาวอยู่บ้าง…กลิ่นอายแห่งความตาย!
ด้านเหลียนชิวที่ถูกพลังกดดันให้ล่าถอย ก็ได้แต่มองผู้มาใหม่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เจ้าก็คือศิษย์น้องเล็กหรือ?”
ทันใดนั้นเองเสียงนุ่มไร้อารมณ์หนึ่งพลันดังขึ้น จากนั้นชายเสื้อชุดคลุมลมเทาก็ค่อยๆยกขึ้น เผยให้เห็นมือขาวเนียนราวกับหยกหนึ่งเอื้อมไปจับงอบฟางบนศีรษะ ก่อนจะถอดมันออก
ครู่ต่อมา รูปโฉมอันงดงามไร้เทียมทานแต่เต็มไปด้วยความเย็นชาก็ค่อยๆเผยสู่สายต้วนหลิงเทียน และดวงตาคู่งามดังสารทฤดูนั่นก็กําลังจับจ้องมองมาที่เขาเขม็ง