ตอนที่ 3375 : บดขยี้
เหลยเจิ้นซาน
จักรพรรดิอมตะมือดีของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง
ศิษย์ปิดสํานักของหลานเหิง อดีตประมุขรุ่นก่อนของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง!
ยังเป็นที่รู้จักกันดีในนิกาย ว่าเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ที่สุดในประวัติศาสตร์นิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง และเป็นตัวตนที่มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามได้
ด้วยเหตุนี้ พอเหล่าอาวุโสและศิษย์ของนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้ยินนามของ เหลยเจิ้นซาน สีหน้าของทุกคนก็กลับกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันที
อย่างไรก็ตาม พอได้ยินวาจาประกาศต่อมาของเหลยเจิ้นซาน ทั้งหมดก็จําต้องตะลึงงัน
สวรรค์!
เหลยเจิ้นซานผู้นั้นกล่าวว่าอะไร?
ถอนตัวออกจากนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง?
กระทั่งยังประกาศตัดสัมพันธ์กับหลานเฟิงออกมาหน้าตาเฉย!
ไม่มีใครคิดฝันว่าอยู่ๆเหลยเจิ้นซานจะโพล่งวาจาทํานองดังกล่าวออกมา เลือกที่จะตีตัวออกห่างในฉับพลัน ยุติความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์กับหลานเหิง แต่นี้ต่อไปไม่เกี่ยวข้องกันอีก!
ต้วนหลิงเทียนเองก็คาดไม่ถึงกับปฏิกิริยาดังกล่าวของเหลยเจิ้นซานอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามหลังมองจ้องอีกฝ่ายครู่หนึ่ง เขาก็เลิกสนใจมันไป เพราะเขาไม่รู้จักมัน!
และตอนนี้เอง ต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงผ่านพลังของเพิ่งเทียนหวู่ บอกกล่าวว่าเหลยเจิ้นซานเป็นตัวตนอันใด ก็ทําให้เขาอดแปลกใจไม่ได้อยู่บ้าง
“เหลยเจิ้นซานผู้นี้นับว่าไม่ใช่โง่งมจริงๆ”
“มันน่าจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง แต่ไม่คิดเลยว่ายังไม่ทันได้ยืนยันอะไร ก็เลือกที่จะทรยศนิกายกระทั้งอาจารย์แล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่า เหลยเจิ้นซานผู้นี้ไม่ธรรมดาอยู่บ้าง
“เหลยเจิ้นซาน!”
ในที่สุดหลานเหิงก็คืนสติหลังได้ยินวาจายากจะเชื่อของเหลยเจิ้นซาน ตอนนี้สีหน้ามันเต็มไปด้วยความรู้สึกอับอายนัก ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่าศิษย์ปิดสํานักของตัวเองอยู่ๆจะกบฏขึ้นมาหน้าตาเฉย!
“ที่เจ้าพูดหมายความว่าอะไร!?”
หลานเหิงมองจ้องเหลยเจิ้นซานตาเขม็งเอ่ยถามเสียงหนัก
ด้านหลานชายของหลานเหิง หลานจี้เหนียน ก็กลับมารู้สึกตัวแล้วเช่นกัน พอมองไปยังเหลยเจิ้นซานอีกครั้ง ในแววตาฉายชัดถึงความไม่อยากจะเชื่อ กระทั่งยังเริ่มปรากฏโทสะวูบวาบขึ้นมาอย่างยากระงับ
“หลานเหิง!”
เหลยเจิ้นซานเหลือบมองหานเหิงด้วยสายตาเฉยเมย เอ่ยออกเสียงเบา “ข้าหมายความว่าอะไร หรือเจ้าไม่รู้จริงๆ?”
“พอเจ้าเห็นความสามารถและพรสวรรค์ของข้า เพื่อให้ลูกชายของเจ้าขึ้นนั่งเก้าอี้ประมุขนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง เจ้าถึงกับชิงลงจากตําแหน่งประมุขเร็วไว เป็นการสร้างโอกาสให้มัน…”
“เจ้าคิดอะไรอยู่ หรือเข้าใจว่าข้าโง่งมจนไม่รู้? แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะสนใจตําแหน่งประมุขนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งขนาดนั้น?”
“แต่อย่างไรเสีย สิ่งที่เจ้าทําก็นับว่านาชิงชังนัก! กฎของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งระบุชัดเจนว่าตําแหน่งประมุขสมควรเป็นของคนที่มีความสามารถมากที่สุด กล่าวได้ว่าเก้าอี้ประมุขนั้นสมควรเป็นข้าที่ได้นั่ง! แต่เจ้าก็เลือกที่จะตัดหนทางข้าและส่งต่อให้ลูกชายคนดีของเจ้า!!”
“อีกทั้งการรั้งอยู่ในนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งสําหรับข้าแล้วก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด ยังจะถ่วงรั้งข้าให้กลายเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามช้าลงด้วยซ้ํา!”
“ข้าพร้อมจะจากไปแต่แรกแล้ว!”
“วันนี้ข้าก็แค่สบโอกาสบอกเจ้าเท่านั้น”
เหลยเจิ้นซานกล่าว
“เจ้า!”
หลานเฟิงมีโมโหจนแทบปรี๊ดแตก “เจ้ามันตัวเนรคุณที่ไร้ยางอายนัก! เจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่าผู้ใดรับเจ้ามาชุบเลี้ยงปลูกฝังเจ้าจนมีวันนี้ได้?”
“เฮอะ! น่าขันนัก วาจาพรรค์นี้เจ้ายังกล้าพูดออกมาได้?”
เหลยเจิ้นซานหัวเราะ “หลานเหิงเจ้าอย่าล้ําเลิกบุญคุณปิดทองใส่หน้าตัวเองหน่อยเลย เดิมที ข้ามีความสามารถเหนือกว่าน้องชายของข้ามาก แต่เจ้าเลือกข้ามาเป็นศิษย์ ส่วนน้องข้าไปอยู่นิกายอื่นและคารวะผู้อื่นที่ด้อยกว่าเจ้าด้วยซ้ําเป็นอาจารย์”
“อย่างไรก็ตาม นิกายนั้นดูแลสนับสนุนน้องชายของข้าอย่างดี…จนบัดนี้ความแข็งแกร่งของมันเหนือล้ํากว่าข้าเสียอีก”
“หากข้าไปเป็นศิษย์ของอาจารย์น้องชายข้าที่นิกายนั้นป่านนี้ข้าไม่แน่อาจจะกลายเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามไปแล้วก็เป็นได้!”
เหลยเจิ้นซานหัวเราะเยาะเย้ยออกมา ในรอยยิ้มเย้ยหยันยังแฝงความขื่นขมประการหนึ่ง
“คุณชายท่านนี้ เรื่องราววันนี้ล้วนไม่มีใดเกี่ยวข้องกับข้า”
เหลยเจิ้นชานที่ปลีกตัวออกไปยืนอยู่ห่างๆ มองหลานเหิงด้วยสีหน้ารังเกียจอีกครั้ง ค่อยหันกลับมาประสานมือกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “ไม่ว่าคุณชายท่านคิดทําสิ่งใด หรือหากท่านมีสามารถฆ่าพวกมันทั้งคู่ได้! ข้าก็ไม่มีจิตคิดแทรกแซง!!”
“แน่นอนว่าหากท่านมิอาจสู้มันได้ ข้าก็ไม่คิดช่วยท่านเช่นกัน”
เหลยเจิ้นซานกล่าว
ได้ยินบทสนทนาระหว่างเลยเจิ้นซานกับหลานเหิง ทุกคนในที่นี้ไม่เว้นต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าเหลยเจิ้นซานได้ประกาศจุดยืนออกมาแล้ว
โดยเฉพาะต้วนหลิงเทียน
เมื่อครู่เขาแค่ระแคะระคายว่าอีกฝ่ายอาจจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเท่านั้น มาตอนนี้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้วจริงๆ
“เหลยเจิ้นซาน รอให้ข้าจบเรื่องกับพวกนี้ก่อน แล้วข้าจักไปคิดบัญชีกับเจ้าที่หลัง!”
หลานเหิงกล่าวด้วยโทสะ
“ตาแก่ เจ้าอาจจะแข็งแกร่งกว่าข้าก็จริง แต่คิดจะฆ่าข้ามันก็ไม่ง่ายนักหรอก”
เหลยเจิ้นชานหัวเราะออกมาอีกรอบ
หลานเหิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเลิกสนใจเหลยเจิ้นซานสืบไป ด้วยกลัวว่าหากมองเหลยเจิ้นซานนานกว่านี้ สุดท้ายมันจะระงับโทสะไม่ไหวแล้วหันไปลงมือกับอีกฝ่ายขึ้นมา ถึงตอนนั้นก็เท่ากับเปิดโอกาสให้กลุ่มคนเบื้องหน้าฉกฉวยแล้ว
“เจ้า”
ในขณะที่หลานเหิงหันกลับมามองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง และกําลังจะพูดอะไรบางอย่าง ต้วนหลิงเทียนก็พูดขัดตัดบทมันเสียก่อน “เจ้าจะลงมือ ก็ลงมือมาให้เต็มที่”
“ข้าอยากชมดูนักว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้หาญกล้าคิดบีบคั้นลูกสาวข้าให้แต่งงาน!”
ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ชุดคลุมสีม่วงของเขาเริ่มโบกสะบัดขึ้นมาแม้ไร้ลม เสียงกล่าวคํายังเฉยเมยไร้อารมณ์เป็นที่สุด แต่ตราบใดที่เป็นคนสนิทของเขา ย่อมได้ยินถึงโทสะอารมณ์ยากระงับในน้ําเสียงราบเรียบนั่น
ด้านหลานเฟิงพอได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ในใจก็ปรากฏสังหรณ์อัปมงคลหนึ่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ชายหนุ่มเบื้องหน้านิ่งเกินไป
อย่างไรก็ตาม มันเป็นดั่งเกาทัณฑ์ที่รั้งศรสุดเหนี่ยว แม้ตอนนี้มันอาจจะบังเกิดความยําเกรงอีกฝ่ายอยู่สามส่วน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะล่าถอยเลิกรา ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้มันคิดเลิกรา อีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะยอมเลิกราไปกับมัน
เช่นนั้นก็ลองมาดู ว่าที่แท้อีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่!
ฟูมมม!!
และพอเสียงต้วนหลิงเทียนดังจบคํา ทั่วร่างหลานเหิงก็อุบัติพลังเขียวครามม้วนวนดั่งเกลียวพายุ เป็นพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดผสานหลอมรวมเข้ากับพลังธาตุลม ปลดปล่อยอํานาจของกฎแห่งลมออกมาอย่างเกรี้ยวกราด พลังอานุภาพของสายลมรอบกายนั่น ราวกับจะฉีกกระชากได้ทุกสิ่ง!
หลานเหิง ยอดฝีมืออันดับ 1 ของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งเข้าใจกฏแห่งลม
“บิ๊กๆๆ”
อย่างไรก็ตามในขณะที่ทั่วร่างหลานเหิงเต็มไปไอพลังดั่งพายุ เสี่ยวจินที่กลับมายืนอยู่ข้างๆเฟิ่งเทียนหวู่กับต้วนซื่อหลิงด้านหลังต้วนหลิงเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะจุ๊ปาก กล่าวคําออกมาด้วยความขบขัน “ดูมันเถอะ นี่น่ะเหรอยอดฝีมืออันดับ 1 ของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งอะไรนั่น…น่าสมเพชจริง เป็นจักรพรรดิอมตะแล้วแท้ๆ แต่กับอีแค่ความลึกซึ้งของกฏแห่งลม ยังไม่เข้าใจถึงขั้นตอนคววามสําเร็จยิ่งใหญ่ทุกประการด้วยซ้ํา”
ยามหลานเหิงเร่งเร้าพลังเตรียมลงมือ แน่นอนว่ามันได้ปลดปล่อยพลังของกฎแห่งลมทั้งหมดออกมา อนิจจาความลึกซึ้งที่มันใช้นั้น จากกลิ่นอายพลังแล้ว ยังไม่บรรลุถึงขั้นตอนความสําเร็จยิ่งใหญ่ครบทั้งหมดด้วยซ้ํา
ยิ่งไปกว่านั้นจากลักษณะการใชพลังของอีกฝ่าย ก็ไม่ได้มีวี่แววว่าจะเข้าถึงพลังอํานาจของ การผสานรวมความลึกซึ้งได้เลย
เสี่ยวจินย่อมมองออกว่าหลานเหิงนั้นเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนความสําเร็จยิ่งใหญ่ได้ 6 ประการเท่านั้น หากไม่นับความหมายแห่งลม ก็ยังเหลืออีก 2 ประการที่ยังรั้งอยู่ ในขั้นตอนความสําเร็จเล็กน้อย
“อาศัยพลังเพียงเท่านี้ แต่เจ้ากลับกล้าคิดบีบคั้นลูกสาวข้าให้แต่งงาน?”
ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนก็แสยะยิ้มดูแคลนออกมา มือขวายกขึ้นโบกเบาๆ ทันใดนั้นปรากฎแสงกระบีหลากสีสันพวยพุ่งออกมา เป็นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน! พอปรากฏตัวกระบีก็ส่งเสียงร้องเวิงเวิ่ง เปล่งกลิ่นอายคมกล้าหาใดเปรียบ!
และไม่ทันที่ทุกคนจะฟื้นสติจากอาการตะลึงกับพลังอํานาจของกระบี่ กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนในมือต้วนหลิงเทียนก็ถูกตวัดฟันออกไปฉับไว ปรากฏรังสีกระบี่หลากสีสันพุ่งไปหยุดอยู่เหนือศีรษะหลานเหิงด้วยความเร็วอัศจรรย์ จากนั้นรังสีกระบี่ดังกล่าวก็แปรสภาพกลับกลายเป็นม่านพลัง
ไม่ทันไร ก็ปรากฎกรงหลากสีล้อมกักร่างหลานเหิงกับหลานจี้เหนียนเอาไว้แล้ว!
“อ๊ค-!”
ภายในกรงหลากสีดังกล่าว เต็มไปด้วยแรงกดดันพลังอันน่าพรั่นพรึงนัก สีหน้าหลานเหิงฉายชัดถึงความตึงเครียด สําหรับหลานจี้เหนียนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อย คนไม่อาจยืนไหวทรุดลงไป คุกเข่าสองมือค้ําพื้นโลหิตกระอักออกเป็นสาย!
“เหนียนเอ้อ!”
สีหน้าหานเพิ่งเปลี่ยนไปใหญ่หลวง เร่งปะทุพลังวูบร่างไปคล้ายสายยลมกรรโชกหอบหนึ่ง พอหยุดลงข้างหลานจี้เหนียน ก็เร่งแผ่ไอพลังเขียวครามดังพายุมาปกคลุมร่างหลานจี้เหนียนเอาไว้ทันที ลดทอนแรงกดดันพลังไม่ให้ทําร้ายหลานจีเหนียนจนตาย!
“ที่แท้เจ้ามันก็แค่จักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกําเนิดเท่านั้น ต่อให้เจ้าจะเข้าใจกฏมิติ ทั้งมีอุปกรณ์อมตะระดับจักรรพรดิแต่เจ้าคิดว่าอาศัยพลังเพียงเท่านี้จะทําอะไรข้าได้!?”
หลานเหิงที่รับทราบพลังของต้วนหลิงเทียนแล้ว ก็กล่าววาจาเย้ยเยาะออกมาทันที
“ไอ้โง่”
ต้วนหลิงเทียนสบถคําดูแคลนออกมาสั้นๆสองพยางค์ จากนั้นอาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิด กรงหลากสีสันดังกล่าวก็หดเล็กลงฉับไว ขณะเดียวกันก็เริ่มปรากฏพลังมิติล้อมกักเอาไว้อีกชั้น!
“เหอะ! ก็แค่ความลึกซึ้งกักกันของกฏมิติ ข้าจักทําลายมันเสีย!!”
หลานเหิงเมื่อสัมผัสได้ว่วาห้วงมิติโดยรอบถูกผนึก มันก็คํารามออกมาอย่างดุดัน ไอพลังเขียวครามรอบกายประหนึ่งพลุไฟระเบิด ปรากฏกระแสพลังเขียวครามกําจายออกไปทุกแห่งหน หมายอาศัยกระบวนท่าระเบิดพลังนี้ ทําลายห้วงมิติกักกัน ทั้งกรงพลังหลากสีสันไปพร้อมๆกัน!
อย่างไรก็ตามมันทิ้งระเบิดพลังออกมาได้ไม่ทันไร อยู่ๆรอบกายก็อุบัติพลังมิติอันน่าพรั่นพรึง วิ่งเหนือล้ํากว่าพลังของมันเคี่ยวกรําอย่างหนักหน่วง กระทั่งยังทําลายพลังที่มันใช้ออกจวบจนถล่มเข้าใส่ร่างมันจากทุกทิศทาง!
“อัค-!”
โลหิตคําใหญ่กระอักออกจากปากหลานเหิง ร่างมันส่ายโงนเงนแทบยืนไม่อยู่ สีหน้าเป ลี่ยนเป็นสีซีดราวกระดาษ พอมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาก็ฉายชัดถึงความหวาดกลัว “กะ…การผสานรวมความลึกซึ้ง!?”
“เจ้า…เจ้าเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติแล้ว!?”
หากจะบอกว่าก่อนหน้าหลานเหิงยังเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองละก็
มาบัดนี้ความมั่นใจทั้งหมดที่มี ได้ถูกพลังของชายหนุ่มเบื้องหน้าบดขยี้จนย่อยยับ!!
โอ ทวยเทพ!
การผสานรวมความลึกซึ้ง!!
นอกจากนั้นยังเป็นการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ!
ชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นใครกันแน่? ด่านพลังฝึกปรือยังเป็นแค่จักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกําเนิดเท่านั้น แต่ไฉนถึงเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติทุกประการถึงขั้นตอนความสําเร็จยิ่งใหญ่ แถมเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งได้แล้ว!?
เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
สีหน้าของต้วนหลิงเทียนยังคงสงบเฉยเมย และอาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิดภายในกรง 7 สีก็อุบัติ รอยแยกมิติขึ้นอย่างพร้อมเพรียง 9 รอย!
ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ชั่ว!
คมมีดมิติสีเทาทั้ง 9 พุ่งออกมาจากรอยแยกฉับไว จากนั้นก็รวมผสานกลายเป็น 1 คมมีดมิติสีเทาเข้มเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟัน จากนั้นคมมีดมิติสีเทาเข้มดังกล่าวก็พุ่งทะลุมิติไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าหลานเหิง!
นี่เป็นลูกเล่นใหม่หลังจากถ้วนหลิงเทียนเริ่มเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ
ตอนนี้เขาสามารถผสานรวมคมมีดมิติทั้ง 9 ในลักษณะหนุนเสริมพลัง ต่างจากการก่อนที่แค่รวมรั้งพลังให้รวมศูนย์ ทําให้คมมีดมิติที่ผสานรวมครั้งนี้มีพลังอานุภาพสูงล้ําขึ้นหลายเท่า กระทั่งยังควบคุมลักษณะของคมมีดมิติได้ตามใจ จะเป็นหนึ่งคมมีด สองคมมีด หรือพันคมมีดเขาก็ทําได้อย่างแรกนั้นก็คือการโจมตีอันรุนแรงคราวเดียว ส่วนอย่างหลังๆก็เป็นการโจมตีแบบกระจายไว้ใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม
“ไม่!!”
พร้อมๆกันกับที่เสียงกรีดร้องโหยหวนชวนสยองดังขึ้นเข้าหูทุกคน สายตาทุกคู่ก็ได้แลเห็นอดีตประมุขนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งรุ่นก่อน ทั้งยังเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งในปัจจุบัน ไม่อาจต้านทานรับได้แม้กระบวนท่าเดียว!
คมมีดมิติสีเทาเข้มวูบทะลุมิติไปน่ากลัวนัก พอปรากฏก็ตัดขาทั้ง 2 ข้างของหลานเหิงจนขาด! และขาทั้ง 2 ข้างที่ถูกตัดก็ถูกพลังมิติม้วนกลืนจนแหลกสลายเป็นละอองโลหิตในชั่วพริบตา!
ซัว!!
คมมีดมิติที่อันตรธานหายไปหลังตัดขา ได้ปรากฏขึ้นในฉับพลันอีกครั้ง และรอบนี้ก็พุ่งตัดแขนซ้ายของหลานเหิงไปก่อนจะอันตรธานหายไปอีกรอบ จากนั้นไม่ทันที่หลานเฟิงจะได้ตั้งตัว คมมีดมิติก็ปรากฏขึ้นพรากแขนขวาออกไปจากร่าง!
คนสมประกอบคนหนึ่ง กลับมีสภาพเป็นดั่งตอไม้ในชั่วพริบตา โลหิตพุ่งฉีดออกมาจากตอ แขนขาทั้ง 4 ปานน้ําพุชวนสยอง!
บัดนี้หลานเหิงบังเกิดความเจ็บปวดอย่างถึงขีดสุด ในแววตาคงเหลือแต่ความสิ้นหวังทั้งเสียใจ
มันมาทําไม..
มันมาที่นี่ทําไม!?
หากมันล่วงรู้แต่แรกว่านิกายระดับ 4 จะกลายเป็นเนื้อเหนียวเกินฟันจะเคี้ยวแบบนี้ มันไม่มีทางมาเด็ดขาด นับประสาอะไรจะรนหาที่มาช่วยบีบคั้นผู้คนให้แต่งงานกับหลานมัน!
ผู้ใดจะไปคิดไปฝันว่าศิษย์ตัวเล็กๆของนิกายระดับ 4 คนหนึ่ง จะมีตัวตนอันทรงฟังอยู่เบื้องหลังแบบนี้
“อ่อ เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก หลังเจ้าตาย…ทั้งนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งของเจ้าจะติดตามเจ้าไปตามทาง…”
ต้วนหลิงเทียนมองหานเหิงที่ไม่ต่างอะไรจากตอไม้ชุ่มเลือดด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวคําด้วยน้ําเสียงสบายๆคล้ายเอ่ยถึงเรื่องไม่สลักสําคัญ
ด้านหลานเฟิงพอได้ยินลูกตาก็หดเล็กลงทันที
ด้านหลานจี้เหนียนเอง สีหน้าของมันก็ซีดลงจนหาสีเลือดไม่เจอเพราะความหวาดกลัว! มันไม่คิดเลยจริงๆว่าบิดาของสตรีที่มันหมายตา และคิดว่าคงจะได้มาโดยง่าย จะเป็นตัวตนที่น่ากลัวขนาดนี้!
ปู่ของมัน ต่อหน้าศัตรู กลับถูกบดขยี้จนแหลกยับ ไม่อาจต่อต้านแข็งขืนใดๆได้เลย!