War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3755 : บีบบังคับ

ตอนที่ 3755 : บีบบังคับ

   เจ้าเป็นใครกัน!? 

  แทบจะพร้อมๆกันกับที่โหวชิ่งหนิงตะโกนออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี มันก็พบว่าชายในชุดคลุมลมดำที่บุกรุกเข้ามา ได้ใช้พลังไร้สภาพอันน่าสะพรึงกลัวขุมหนึ่งสะกดกักร่างมันเอาไว้

  พลังเทพที่พุ่งพล่านในร่างของมัน บัดนี้ไม่อาจเร่งเร้าใช้ออก ถูกพลังไร้สภาพมหาศาลดังกล่าวชำแรกแทรกซึมเข้ามาสะกดพลังเทพในร่างมันเอาไว้อย่างชะงัด ประหนึ่งทะเลคลั่งพบเจอเสาค้ำสมุทรหยุดยั้งก็ไม่ปาน

  และพลังไร้สภาพที่สะกดกักร่างมันไม่เพียงสะกดพลังทั่วร่างมันเท่านั้น ยังมากล้นไปด้วยแรงกดดันอันหนักหน่วงจนมันหายใจไม่ออก

  มันคิดจะอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่าตัวเองไม่อาจเปล่งเสียงอะไรออกมาได้อีก

  กระทั่งเปลือกตายังถูกบังคับให้ปิดลง

  ฟู่วว! ฮูวว! ฮูววว!!

  …

  จากนั้นหูของมันก็ได้ยินเสียงลมโกรกรุนแรง ทำให้โหวชิ่งหนิงตระหนักได้ทันทีว่ามันถูกลักพาตัวออกจากหอพัก กระทั่งอาจจะถูกอีกฝ่ายหอบหิ้วออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับเสียแล้ว

  จังหวะนี้มันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหนาวเย็นจับใจ จนร่างสะท้าน

  คนผู้นี้เป็นใครกันแน่?

  เป็นศัตรูของนิกายหมื่นจันทราหรือไร?

  อย่างไรก็ตาม นิกายหมื่นจันทราของมันไปสร้างศัตรูที่ร้ายกาจขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน?

  เพราะแม้แต่ลุงของมัน ที่เป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของนิกายหมื่นจันทรา ยังไม่มีปัญญาลักพาตัวมันออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้โดยที่ไม่ทำให้อาจารย์โดยเฉพาะคณบดีสถานศึกษาหมอกเร้นลับอย่างมู่หรงสุยเฟิงรู้ตัวกระมัง?

  ต้องทราบด้วยว่าหอพักสำหรับนักศึกษา 10 ดาวที่มันพักอาศัยอยู่ ก็อยู่ใกล้สถานที่พักของเหล่าอาจารย์ไม่เว้นคณบดีสถานศึกษาอย่างมู่หรงสุยเฟิงมาก…

  ปกติแล้วไม่ว่าจะความเคลื่อนไหวอันใดกระทั่งใบหญ้าไหวปลิวตามแรงลม ก็ไม่อาจรอดพ้นหูตาของเหล่าอาจารย์ทั้งหลาย และต่อให้อาจารย์จะไม่ทราบ แต่คณบดีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับอย่างมู่หรงสุยเฟิงมีหรือจะไม่ทราบ!

  ท้ายที่สุดแล้วคณบดีสถานศึกษาอย่างมู่หรงสุยเฟิง ก็เป็นตัวตนขอบเขตจอมราชันเทพ!

  ‘มันเป็นใครกันแน่?’

  ‘นิกายหมื่นจันทราของเรา ไม่มีวันไปล่วงเกินตัวตนที่ร้ายกาจถึงระดับนี้แน่นอน!’

  ‘มันเป็นราชาเทพขั้นสูง?’

  ‘หรือ…เป็นจอมราชันเทพกันแน่!?’

  วินาทีนี้ในใจของโหวชิ่งหนิงย่อมเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นทั้งวิตกกังวล ความคิดในหัวเริ่มโลดแล่นเร็วไว ‘กับตัวตนระดับนี้ คิดฆ่าข้าคงง่ายดายไม่ต่างตัดหญ้าฆ่าไก่…’

  ‘แต่แทนที่มันจะฆ่าข้าทิ้ง กลับเสี่ยงลักพาตัวข้าออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ’

  ‘หมายความว่า เป้าหมายของมันไม่ใช่ชีวิตของข้า’

  ‘หรือว่า…ในสายตาของมัน ข้าจะมีคุณค่าอะไรบางอย่าง’

  ตอนนี้ใจของโหวชิ่งหนิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสับสน และมันไม่ทราบจริงๆว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ไฉนตัวตนอันทรงพลังระดับนี้ถึงบุกมาลักพาตัวมันจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ

  มันไปล่วงเกินใครกัน?

  กล่าวให้ชัดคือ นิกายหมื่นจันทราที่อยู่เบื้องหลังของมันไปล่วงเกินผู้ใดเข้า?

  มันไม่อาจขบคิดได้ออก ไม่มีเบาะแสใดๆเลย

  ตุบ!

  ในขณะที่โหวชิ่งหนิงยังเต็มไปด้วความสับสน มันก็ได้ยินเสียงกระแทกหนึ่งดังขึ้นอย่างแรง จากนั้นความเจ็บปวดก็วิ่งพล่านจากแผ่นหลัง เห็นได้ชัดว่ามันถูกอีกฝ่ายโยนทิ้งจนตกกระแทกพื้น

  และหลังจากร่างมันถูกโยนทิ้งลงบนพื้นแล้ว มันก็สัมผัสได้ว่าพลังไร้สภาพมหาศาลที่สะกดกักร่างของมันเอาไว้ได้สลาหายไป บัดนี้พลังเทพในร่างของมันไม่ได้ถูกระงับและกลับมาโคจรเร่งเร้าได้อีกครั้ง กระทั่งเปลือกตาที่กลายเป็นหนักอึ้ง ก็สามารถยกขึ้นได้อีกครั้ง

  อย่างไรก็ตาม แม้พลังเทพทั่วร่างจะไม่ได้ถูกพลังของอีกฝ่ายระงับสะกด แต่โหวชิ่งหนิงก็ไม่มีความกล้าแม้แต่จะเร่งเร้าพลังแข็งข้อต่อต้าน เพราะความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายมันสูงล้ำเหนือมันเกินไป

  บางทีอีกฝ่ายอาจลำบากแค่ยกนิ้ว ก็บดขยี้มันให้ตายได้ง่ายๆ

  อย่างไรก็ตามไม่กล้าลงมือก็เรื่องหนึ่ง การลืมตาขึ้นมาดูก็เป็นอีกเรื่อง โหวชิ่งหนิงรีบลืมตาขึ้นมาหมายดูว่าคนที่ลักพาตัวมันมาที่แท้เป็นใครกันแน่ ใช่คนที่มันเคยล่วงเกินไว้โดยไม่ตั้งใจหรือ เป็นศัตรูเก่าของนิกายหมื่นจันทราที่กลับมาล้างแค้น

   ผู้อาวุโส…ไม่ทราบท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม? 

  และพอลืมตาขึ้นมา โหวชิ่งหนิงก็ตระหนักได้ทันทีว่ามันถูกพามาถึงสถานที่เปลี่ยวร้างกลางป่าแห่งหนึ่ง และตอนนี้มันก็นั่งพิงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอยู่

  เห็นได้ชัดว่าแผ่นหลังของมันไม่ได้กระแทกพื้น แต่ที่แท้เป็นต้นไม้ต้นนี้

  ขณะเดียวกัน โหวชิ่งหนิงก็มองไปยังชายในชุดคลุมลมดำที่บัดนี้ได้หันหลังให้มันพลางกล่าวถามออกไปอย่างกล้ากลัวๆ สีหน้าฉายชัดถึงความสับสนระคนสงสัย

   เจ้าเห็นเมืองที่อยู่ตรงหน้าหรือไม่ 

  หากทว่าชายในชุดคลุมลมดำไม่ได้ตอบคำถามของมัน แต่กลับย้อนถามออกมาแทน แถมน้ำเสียงยังแหบพร่านัก

  แต่ถึงน้ำเสียงจะแหบพร่าราวกับจงใจดัด โหวชิ่งหนิงก็พอจะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นชายชรา

  อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำย้อนถามของอีกฝ่าย โหวชิ่งหนิงก็อดไม่ได้ที่จะละสายตาออกจากแผ่นหลังอีกฝ่าย และมองไปยังเบื้องหน้าโดยไม่รู้ตัว

  และมองไปปราดเดียว โหวชิ่งหนิงก็อดตะลึงไม่ได้

   นี่มัน…เมืองหมื่นจันทร์! 

  เมืองหมื่นจันทร์ เป็นอะไรที่โหวชิ่งหนิงไม่อาจคุ้นเคยมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เพราะนี่คือเมืองที่มันเติบโตขึ้นมา!

  และเมืองหมื่นจันทร์แห่งนี้ ก็อยู่ภายใต้การปกครองของนิกายหมื่นจันทราที่บิดามันเป็นประมุขคนปัจจุบัน แม้จะไม่ได้ใหญ่โตเท่าเมืองวายุสวรรค์ แต่ก็มีความเจริญรุ่งเรืองพอสมควร

  ‘จากเมืองวายยุสวรรค์ มาถึงเมืองหมื่นจันทร์…’

  ทันใดนั้นโหวชิ่งหนิงรู้สึกเสมือนหนังศีรษะกลายเป็นด้านชา เพราะมันนึกถึงระยะห่างระหว่างเมืองหมื่นจันทร์กับเมืองวายุสวรรค์ได้ออก

  แต่อีกฝ่ายกลับพามันมาถึงที่นี่ได้ในเวลาอันสั้น!

  เกรงว่าต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตราชาเทพขั้นสูงก็ไม่มีปัญญาทำอะไรเช่นนี้ได้!

  เว้นเสียแต่…

  ยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพ!

  ‘มัน…มันเป็นจอมราชันเทพ!?’

  พอโหวชิ่งหนิงมองไปยังแผ่นหลังชายชรราในชุดคลุมลมดำอีกครั้ง ในมันก็สะท้านไปทันใด ยังยากจะนึกได้ออก ว่าไฉนตัวตนอันทรงพลังขอบเขตจอมราชันเทพถึงต้องลักพาตัวมันออกมาจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับด้วย

  ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังจับมันกลับมาเมืองหมื่นจันทร์อีก

  มันไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใจดี อาสาพามันกลับมาเที่ยวบ้าน อีกฝ่ายต้องทำเพราะมีเจตนาบางอย่างแน่นอน!

   ท่านผู้อาวุโส… 

  โหวชิ่งหนิงกล่าวถามออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆเสียงสั่น  ท่าน…พาข้ามาถึงที่นี่เช่นนี้ มิทราบต้องการอะไรกันแน่? 

   ตัวข้า หรือแม้แต่นิกายหมื่นจันทรา ไม่ควรล่วงเกินผู้อาวุโสให้ขุ่นเคืองกระมัง? 

  ตอนนี้ในใจของโหวชิ่งหนิงเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

  เพราะด้วยพลังอันแกร่งกล้าของยอดฝีมือเบื้องหน้า น่ากลัวว่าคิดฆ่ามันหรือทำลายล้างนิกายหมื่นจันทรา ก็คงเป็นเรื่องง่ายดายปานพลิกฝ่ามือ

   เจ้ากับนิกายหมื่นจันทราไม่เคยทำให้ข้าไม่พอใจอันใดหรอก… 

  ชายชราในชุดคลุมมดำที่หันหลังให้โหวชิ่งหนิง ค่อยๆกล่าวออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน

   เช่นนั้นผู้อาวุโส… 

  ได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายโหวชิ่งหนิงก็พอได้วางใจไปเปราะหนึ่ง แต่ก็อดถามออกมาอีกครั้งไม่ได้

   เจ้ากับต้วนหลิงเทียนเป็นสหายกันกระมัง? 

  โหวชิ่งหนิงที่พึ่งระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไม่ทันไร พอได้ยินคำพูดประโยคต่อมาของชายชราในชุดคลุมลมดำ สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปทันที ขณะเดียวกันใจมันก็ตระหนักได้เร็วไวว่าที่แท้อีกฝ่ายมาหามันเพราะต้วนหลิงเทียน

  ต้วนหลิงเทียน

  การที่ได้รู้จักทั้งเป็นเพื่อนกับต้วนหลิงเทียน เป็นอะไรที่โหวชิ่งหนิงภาคภูมิใจมาโดยตลอด

  กระทั่งหลังจากต้วนหลิงเทียนออกจากนิกายหมอกเร้นลับไปยังตระกูลหลิงหู ท่ามกลางเสียงก่นด่าสาปแช่งของคนนิกายหมอกเร้นลับว่าเป็นคนทรยศเนรคุณ แต่โหวชิ่งหนิงก็ไม่เชื่อข่าวลือแต่อย่างใด มันที่ถามตัวเองดูว่าตั้งแต่รู้จักต้วนหลิงเทียนมาต้วนหลิงเทียนเป็นคนแบบไหน ในใจก็ยังเชื่อในตัวต้วนหลิงเทียนไม่สั่นคลอน

  ถึงแม้มันจะรู้จักกับต้วนหลิงเทียนและเป็นเพื่อนกันได้ไม่นาน แต่มันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนทรยศหรือคนเนรคุณแน่นอน

  ยิ่งไปกว่านั้นตัวมันเองก็มีความเป็นมาไม่ใช่ชั่ว จึงรู้เรื่องของนิกายหมอกเร้นลับดี

  การที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าซั่งกวนฉงเฟิงกับหลงเซียวทิ้งแบบนั้น เกรงว่าอาวุโสสูงสุดแซ่ฟงกับเหล่ยของนิกายหมอกเร้นลับ ไม่มีทางปล่อยต้วนหลิงเทียนไปแน่!

  การที่ต้วนหลิงเทียนสามารถออกจากนิกายหมอกเร้นลับไปยังตระกูลหลิงหูได้ราบรื่น ไม่ใช่เพราะอาวุโสฟงกับเหล่ยปล่อยไปด้วยตัวเองแน่นอน

  แต่ไม่ว่าเรื่องราวเบื้องหลังจะเป็นอย่างไร สุดท้ายประมุขนิกายหมอกเร้นลับเฉียนหยิ่น ก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเป็นคนทรยศเนรคุณ กระทั่งนิกายหมอกเร้นลับยังอวยพรให้ต้วนหลิงเทียนประสบความสำเร็จในตระกูลหลิงหู!

  ตอนนั้นมันก็ทราบได้ทันที ว่าเรื่องราวระหว่างต้วนหลิงเทียนกับนิกายหมอกเร้นลับได้ยุติแล้ว

  หรืออย่างน้อยๆนิกายหมอกเร้นลับก็ไม่ได้ต่อต้านต้วนหลิงเทียนอย่างเปิดเผยอีกต่อไป

  ‘ต้วนหลิงเทียนช่างยอดเยี่ยมนัก!’

  ในเวลานั้นใจมันก็ได้แต่ชื่นชมต้วนหลิงเทียน ขณะเดียวกันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไฉนอยู่ๆนิกายหมอกเร้นลับถึงเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อต้วนหลิงเทียน

  และไม่กี่เดือนต่อมา ข่าวจากเมืองหลิงหูก็มาถึง ทำให้มันกระจ่างแจ้งแก่ใจทันที

  ต้วนหลิงเทียนสามารถหลอมโอสถเทพขั้นสูงสุด หรือที่เรียกว่าโอสถเทพขั้นสุดยอดได้!

  แม้ว่านั่นจะเป็นแค่โอสถระดับเทพ แต่การที่จะหลอมมันให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้นั้น ก็เป็นอะไรที่ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพทั้งหลายไม่อาจเอื้อม

  ‘อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันมือพระกาฬ หรือไม่ก็ต้องเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิเท่านั้น ถึงจะหลอมโอสถระดับเทพขั้นสุดยอดได้!’

  โหวชิ่งหนิงที่เป็นนายน้อยนิกายระดับราชาเทพ ย่อมทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงเข้าใจ ‘การยอมลง’ ของนิกายหมอกเร้นลับ!

  กล่าวกันชัดๆว่า…

  นิกายหมอกเร้นลับกลัว!

  พอได้ทราบเรื่องนี้ โหวชิ่งหนิงก็รู้สึกยินดีกับต้วนหลิงเทียนจากก้นบึ้งของใจ เพราะตอนต้วนหลิงเทียนออกจากนิกายหมอกเร้นลับไปยังตระกูลหลิงหูมันก็กังวลไม่น้อย

  เดิมทีมันก็คิดจะส่งข้อความไปถามต้วนหลิงเทียนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พอนึกถึงความสำเร็จรวมถึงสถานะของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน และย้อนมามองดูตัวเอง สุดท้ายมันก็ตัดสินใจไม่ส่งข้อความไปถาม

  ในอดีตมันยังพอพูดคุยกับต้วนหลิงเทียนได้บ้าง กระทั่งยังสามารถช่วยเหลืออะไรต้วนหลิงเทียนได้ในระดับหนึ่ง

  แต่ไม่ทันที่มันจะรู้ตัว เพื่อนที่พึ่งห่างกันไปไม่นาน ก็ได้เติบโตจนทิ้งมันไว้เบื้องหลังเสียแล้ว…

   ไม่อาจเรียกว่าเพื่อนได้หรอก… 

  เผชิญกับคำถามของชายชราในชุดคลุมลมดำ โหวชิ่งหนิง ที่ตื่นตัวแล้ว ก็ส่ายหัวตอบกลับไปเสียงอ่อน  ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นจะไปยังนิกายหมอกเร้นลับ อีกฝ่ายก็เป็นนักศึกษา 10 ดาวเหมือนกันกับข้าเท่านั้น ข้าเองก็แค่เคยคุยด้วยไม่กี่คำ 

   เป็นเช่นนั้น? 

  น้ำเสียงของชายชราในชุดคลุมลมดำเปลี่ยนไปทันที ยังเริ่มเย็นชาไร้ปราณีมากขึ้นทุกขณะ  แล้วเจ้ามีลูกแก้ววิญญาณของมันหรือไม่? 

   ไม่มีหรอก 

  โหวชิ่งหนิงส่ายหัวไปมา พอตระหนักว่าอีกฝ่ายกำลังมุ่งเป้าไปที่ต้วนหลิงเทียน มันก็ระวังตัวเป็นธรรมดา

  และมันยังตระหนักเรื่องราวได้ทันที ว่าอีกฝ่ายไม่พ้นคิดใช้มันเพื่อเล่นงานต้วนหลิงเทียน!

   ข้าจะให้โอกาสเจ้าตอบอีกครั้ง 

  ชายชราในชุดคลุมลมดำพูดขึ้นมาอีกรอบ น้ำเสียงยังฟังดูอึมครึมอยู่บ้าง  และหากคราวนี้เจ้าไม่ตอบตามความสัตย์จริง…หลังจากนี้ 2 เค่อข้าจะพาเจ้าไปพบบิดาเจ้าที่เป็นประมุขนิกายหมื่นจันทรา! 

  พอชายชราในชุดคลุมลมดำกล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าของโหวชิ่งหนิงก็เปลี่ยนไปร้ายแรง มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตัวตนระดับจอมราชันเทพอันร้ายกาจคนนี้ จะต่ำช้าถึงขั้นคิดเอาบิดาของมันมาขู่

  มันย่อมไม่สงสัยในพลังฝีมือของอีกฝ่าย

  อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะมีพลังสามารถจัดการบิดามันได้เท่านั้น กระทั่งจะลบนิกายหมื่นจันทราทิ้งก็ไม่ใช่เรื่องยาก

   พูดมา 

  ชายชราในชุดคลุมลมดำเอ่ยเสียงเรียบ

   มี 

  สุดท้ายแม้โหวชิ่งหนิงจะไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ แต่มันก็ทำได้แค่พูดความจริง

  ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่บัดนี้สองหมัดของมันกำแน่นจนเล็บจิกเนื้อจนเลือดไหล ในใจยังรู้สึกผิดนัก

  ‘ต้วนหลิงเทียน ข้าขอโทษ ข้าไม่มีทางเลือก’

   ประเสริฐ! 

  ชายชราในชุดคลุมลมดำพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ค่อยกล่าวสืบต่อ  หลังจากนี้ เจ้าจะไปเมืองหลิงหูกับข้า 

   ตราบใดที่เจ้าให้ความร่วมมือกับข้าเป็นอย่างดี ข้าสัญญาจะไม่แตะต้องนิกายหมื่นจันทราของเจ้าแม้แต่ปลายผม…แต่หากเจ้าไม่ให้ความร่วมมือกับข้า เช่นนั้นก็อย่าได้โทษข้าที่จะทำลายนิกายหมื่นจันทราของเจ้าจนย่อยยับ! 

  ขณะกล่าวถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของชายชราในชุดคลุมลมดำก็เย็นชานัก พาลให้ผู้คนรู้สึกเสมือนร่งตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง ร่างโหวชิ่งหนิงยังอดสะท้านไปไม่ได้ ลูกตายังหดเล็กลง บังเกิดความหวาดกลัวจับใจ

   ท่าน…ท่านเป็นใครกันแน่? และคิดจะทำอะไร? 

  โหวชิ่งหนิงมองชายในชุดคลุมลมดำด้วยสีหน้ามืดมน เอ่ยถามออกมาเสียงเย็น

 

War sovereign Soaring The Heavens

War sovereign Soaring The Heavens

Status: Ongoing

จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย

การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้!

ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ …

ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน