War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3814 : ศิษย์มังกรฟ้า

ตอนที่ 3814 : ศิษย์มังกรฟ้า

  ณ ตระกูลหลิงหู

  ต่างจากท่าทีไร้กังวลปลอดโปร่งขณะติดต่อกับต้วนหลิงเทียนนัก เพราะหลังจากตัดการติดต่อกับต้วนหลิงเทียนแล้ว หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ชักสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังนัก

  มีคนข่มขู่ต้วนหลิงเทียนว่าจะฆ่ามัน หากต้วนหลิงเทียนติด 10 อันดับแรกในการแข่งขันมังกรซ่อน!

  ถึงแม้ตัวมันเองก็รู้สึกว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นการขู่ลอยๆ

  อย่างไรก็ตาม มันไม่อาจไม่ระวัง

   ไม่คิดเลยว่าข้าจะต้องมากังวลว่าจะถูกใครฆ่าเอาคาบ้านเช่นนี้… 

  หลิงหูเหรินเจี๋ยได้แต่กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ จากนั้นก็นำป้ายหยกที่เต็มไปด้วยแสงพลังลี้ลับเรืองรองออกมาป้ายหนึ่ง ก่อนจะบดขยี้มันจนแหลก  หวังว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นการถ่วงรั้งหรือทำให้นางมีปัญหา… 

  ทันใดนั้นเอง ในหัวหลิงหูเหรินเจี๋ยก็ปรากฏร่างบางนางหนึ่งขึ้นมา เป็นสตรีที่เลอโฉมนัก

  อย่างไรก็ตาม ภาพสตรีเลอโฉมในใจเพียงดำรงอยู่ได้ไม่นาน ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นสาวน้อย สุดท้ายก็กลับกลายเป็นเด็กหญิงตัวน้อยนางหนึ่ง  ไม่คิดเลยว่าเจ้าตัวเล็กที่วิ่งตามข้าต้อยๆวันนั้น…วันนี้กลับเติบโตมาถึงขั้นนั้นแล้ว 

   ไม่ทราบตอนนางไปดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพนางพบเจอเรื่องอะไรมากันแน่? 

   ไฉนกลับมาคราวนี้ คนคล้ายจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่เหลือความร่าเริงซุกซนเหมือนตอนนั้นอยู่เลย… 

  หลังถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อนแล้ว หลิงหูเหรินเจี๋ยก็ได้แต่กล่าวพึมพำด้วยสีหน้าวิตกกังวล  หลายปีที่ผ่านมานางคงเจอเรื่องร้ายๆมาไม่น้อย…น่าเสียดายที่นางดื้อรั้นเกินกว่าจะเล่าออกมาให้ใครฟัง 

  …

  ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบสถานการณ์ด้านหลิงหูเหรินเจี๋ยเป็นธรรมชาติ

  หลังจากที่เขาพาแม่นาง 7 ไปถึงบ้านพักของเชวียไห่ชวนแล้ว เขาก็ไม่รอให้เชวียไห่ชวนพูดอะไร รีบชิ่งหนีกลับบ้านพักชั่วคราวในเทือกเขาเหยียนหวงทันที

  ด้านอาวุโสทั้ง 3 ของตระกูลหลิงหู ในเมื่อเขากล่าวคำลาแล้ว ก็ไม่คิดจะไปพบหน้าเพื่อบอกลาอีกเป็นครั้งที่ 2

  อย่างไรก็ตาม พอต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงที่พัก ก็ต้องแปลกใจเพราะโหวชิ่งหนิงได้มายืนรอเขาอยู่หน้าบ้าน  ไฉนเจ้าไม่กลับไปพักเล่า มายืนรอข้าที่นี่ทำอะไร? 

   ต้วนหลิงเทียน 

  ในปัจจุบันโหวชิ่งหนิงคล้ายจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่มีท่าทีเรื่อยเปื่อยเหมือนก่อนหน้า กลับชักหน้าขึงขังแววตาจริงจัง  เป็นเจ้าออกความคิดให้นางรึ? 

   หือ? 

  อยู่ดีๆโดนถามมาแบบนี้ต้วนหลิงเทียนก็งงเป็นธรรมดา  เจ้าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่? ออกความคิดให้นางอะไร? 

   ก็ที่เจ้าบอกให้นางส่งคนไปหาพ่อข้า และให้พ่อข้าไปติดต่อสู่ขอนางมาตบแต่งที่ตระกูลมู่หรงอย่างไรเล่า? 

  โหวชิ่งหนิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

  โชคดีที่บิดาของมันไม่ได้ตัดสินใจเอง และเลือกจะติดต่อมาถามมันก่อน หาไม่แล้วมันก็คงโง่งมในความมืด และหากเรื่องนี้ไม่อาจจัดการให้ดี ไม่แน่อาจจะส่งผลร้ายต่อนิกายหมื่นจันทรา

   ไม่ใช่เจ้าเองก็สนใจนางอยู่รึไง? 

  ต้วนหลิงเทียนนึกได้ทันทีว่าโหวชิ่งหนิงพูดถึงเรื่องอะไร  ทำไม หรือเจ้าไม่อยากแต่งกับนาง? 

  พอได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สีหน้าขึงขังเอาเรื่องของโหวชิ่งหนิงก็อ่อนยวบลงโดยพลัน แต่แววตายังดุร้ายอยู่  ข้าถามคุณหนู 3 แล้ว…เป็นเจ้าตัวดีที่ยุแยงนางให้ทำเช่นนี้! 

   ทั้งหมดก็เพราะเรื่องที่ข้าหยอกเจ้าวันก่อน ทำให้เจ้าเข้าใจผิดนั่นล่ะ ข้าถึงได้รู้ว่าเจ้าคิดกับนางอย่างไร… 

  ได้ยินคำถามของโหวชิ่งหนิง ต้วนหลิงเทียนก็หัวเราะออกมา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงยียวน  หรือเจ้าจะเถียงว่าวันนั้นไม่ใช่เพราะเจ้าหึง…เฮ่อ หากไม่ใช่เพราะเจ้าออกตัวขัดขวางข้าวันนั้น ข้าคงไม่รู้หรอกว่าที่แท้เจ้าเองก็มีใจให้นางไม่น้อย 

   จะว่าไป เจ้าต้องขอบคุณข้าไม่ใช่รึไง มาทำเป็นเข้มกับข้าเพื่อ? 

   เจ้าทราบหรือไม่ หากเป็นที่บ้านเกิดข้า ตอนนี้เจ้าต้องจ่ายค่าพ่อสื่อแม่ชักให้ข้าแล้วนะ! 

  ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ

  บ้านเกิดที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถึง เป็นธรรมดาว่ามันคือบ้านเกิดในระนาบเหยียนหวงซึ่งเป็นระนาบโลกียะขนาดใหญ่ ไม่ใช่ระนาบโลกียะขนาดเล็กอย่างระนาบเซียน

  ได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวแซวออกมาเป็นชุด โหวชิ่งหนิงก็โพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงโมโหกลบเกลื่อนความอาย  เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว ที่ข้ามารอเจ้าอยู่ไม่ใช่เพราะจะพูดถึงเรื่องนี้ 

   ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินหลายคนพูดกันมา ว่าความแข็งแกร่งที่เจ้ากับหัวเทียนตู้เผยออกในการประลองวันนี้…มีโอกาสสูงที่ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงจะมาทาบทามเจ้า 

   หากเป็นแบบนั้นจริง เจ้าจะเอาอย่างไรเล่า? 

   จะรั้งอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์ก่อน หรือจะไปขุมกำลังเหล่านั้น? 

  โหวชิ่งหนิงเอ่ยถาม

  และนี่เป็นเหตุผลที่มันมายืนรอต้วนหลิงเทียนหน้าบ้าน

   ไว้ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน 

  ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง ค่อยยิ้มตอบอย่างไม่ใส่ใจ

  เรื่องที่โหวชิ่งหนิงกล่าวถาม อันที่จริงตอนเขาไปส่งแม่นาง 7 ที่บ้านพักเชวียไห่ชวน ขณะที่เขาขิ่งหนีออกมา เชวียไห่ชวนก็ส่งข้อความมาถามเขาแล้ว อีกทั้งยังแนะนำเขาว่า อย่าพึ่งตัดสินใจเข้าร่วมกับขุมกำลังเหล่านั้นจะดีกว่า

  ถึงแม้การไปยังขุมกำลังที่อยู่เหนือกว่าจะมีสภาพแวดล้อมในการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะแข่งขันกับเขาอย่างเป็นธรรม

  โหวชิ่งหนิงก็ได้ยินมาจากเขาแล้วว่าเขาไม่คิดจะรับใครเป็นอาจารย์ เช่นนั้นการไปเข้าร่วมขุมกำลังเหล่านั้นก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับเขา

  กล่าวไปสถานการณ์ดังกล่าวยังส่งผลร้ายกับต้วนหลิงเทียนมากกว่า

  สิ่งนี้ก็ตรงกับที่ต้วนหลิงเทียนเคยคิดไว้เช่นกัน

  ที่เขาพยายามเก็บรายละเอียดให้ต่ำไว้ ไม่ใช่เพราะกริ่งเกรงจะเข้าทำนอง ไม้เด่นเกินไพรลมพัดหักโค่นหรือไร?

   ดูเจ้าทำเข้า 

  โหวชิ่งหนิงย่นคิ้วเล็กน้อย  ต้วนหลิงเทียน ข้าคิดว่าเรื่องนี้เจ้าอย่าทำเป็นเล่นเลย…ในนิกายมังกรสวรรค์แห่งนี้เจ้ายังมีผู้อาวุโสจากตระกูลหลิงหู รวมถึงอาวุโสเชวียไห่ชวนให้พึ่งพา 

   แต่ถ้าเจ้าไปยังขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพเหล่านั้น ด้วยความโดดเด่นของเจ้า ถึงแม้เจ้าจะไม่ไปหาเรื่องผู้อื่น ข้าเกรงว่าผู้อื่นก็คงมาหาเรื่องเจ้าอยู่ดี ถึงตอนนั้นเจ้าที่ตัวคนเดียวไม่พ้นต้องตกที่นั่งลำบากแน่ 

   ข้าว่าเจ้าทะลวงให้ถึงขอบเขตจอมราชันเทพก่อน แล้วค่อยไปจะดีกว่า 

  โหวชิ่งหนิงเองก็ให้คำแนะนำทำนองเดียวกับเชวียไห่ชวน

   ข้าจะเก็บไปลองคิดดู 

  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า แต่ไม่ได้ให้คำตอบที่แน่ชัดกับโหวชิ่งหนิง จากนั้นเขาก็ลาโหวชิ่งหนิงและกลับเข้าบ้านไปท่ามกลางสายตากังวลของอีกฝ่าย

  ‘หากคนจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้านั่นมา…ข้าจะไปดีไหม?’

  หลังกลับเข้าห้องมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนที่ไปนั่งเอนหลังบนเตียงก็เริ่มครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง

  ‘ที่โหวชิ่งหนิงกับพี่ไห่ชวนแนะนำมา ก็ไม่ผิด…แต่ทว่านอกจากพรสวรรค์กับความเข้าใจในแง่การบ่มเพาะฝึกฝนแล้ว ข้ายังมีความสามารถในการหลอมยาอีกด้วย’

  ‘หากข้าเปิดเผยเรื่องที่สามารถหลอมโอสถเทพระดับราชาให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้ตามอำเภอใจ…ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าทั้งหลาย ต้องยินดีต้อนรับข้าแน่นอน’

  ‘สุดท้ายแล้วต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิทั่วๆไป ก็ไม่ใช่จะหลอมโอสถเทพระดับราชาให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้ตามใจชอบ’

  ต้วนหลิงเทียนเริ่มชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย

  เหตุไฉนเขาถึงรีบร้อนขึ้นมายังระนาบเทพนัก?

  ไม่ใช่เพราะแสวงหาพลัง เตรียมตัวไปดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ เพื่อช่วยเค่อเอ๋อรวมถึงทำให้ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเค่อเอ๋อยอมรับหรือไร?

  ‘ลองคิดดูอีกทีแล้วกัน…สุดท้ายไม่ว่าจะอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์ไปก่อน หรือไปเข้าร่วมขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าเลย มันก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน’

  ‘หลังชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียให้แน่ชัดแล้วค่อยว่ากัน’

  ‘ตอนนี้มารอดูของรางวัลที่จะได้จากตำแหน่งชนะเลิศการแข่งขันมังกรซ่อนก่อนดีกว่า’

  คิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รีบร้อนหรือกังวลอะไร เลือกจะหลับตาทำสมาธิสงบจิตสงบใจ ก่อนจะเริ่มบ่มเพาะสั่งสมพลัง

  ในคืนเดียวกัน ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสของตระกูลหลิงหูเท่านั้น แต่ผู้อาวุโสของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพอื่นๆรวมถึงที่ไม่ใช่ หลังจากร่ำลาลูกหลานเหล่าศิษย์ที่กลายเป็นศิษย์ใหม่ของนิกายมังกรสวรรค์ดีแล้ว ทั้งหมดก็ออกจากนิกายมังกรสวรรค์อย่างวางใจ

  เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ที่นำโดยตงฟางเหยียนเหนียนกับผู้อาวุโสมังกรขาวคนเดิม ก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือน่านฟ้าที่พักชั่วคราว จากนั้นตงฟางเหยียนเหนียนก็เริ่มพาเหล่าศิษย์ฝ่ายในคนใหม่ของนิกายมังกรสวรรค์ไปยังสถานที่พักฝึกฝน

  ส่วนศิษย์ฝ่ายนอกนั้น อาวุโสมังกรขาวที่มากับตงฟางเหยียนเหนียนก็เป็นผู้พาไป

   ในนิกายมังกรสวรรค์เรา ปกติแล้วหากผู้ใดคิดจะเป็นศิษย์ฝ่ายใน การทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพเสมือนย่ำอยู่บนธรณีประตูเท่านั้น…สุดท้าย ก็มิใช่ทุกคนที่บรรลุถึงขอบเขตราชาเทพแล้วจะสามารถเป็นศิษย์ฝ่ายในได้แน่ๆ ยังต้องดูความเข้าใจในกฏอีกด้วย 

  ระหว่างทาง ตงฟางเหยียนเหนียนก็กล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด

   พวกเจ้าหลายคนอาจมาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ…เช่นนั้นก็คงจะพอรู้มาบ้างแล้วว่าในนิกายมังกรสวรรค์เรา ศิษย์หลักที่พวกเจ้าเข้าใจจะถูกเรียกหาว่า ศิษย์มังกรฟ้า 

   ตราบใดที่ศิษย์ฝ่ายในคนไหนมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเอง และยังมีอายุไม่ถึง 10,000 ปีก็สามารถเข้ารับการทดสอบเป็นศิษย์มังกรฟ้าได้ทุกเมื่อ หากผ่านการทดสอบก็จะเลื่อนระดับเป็นศิษย์มังกรฟ้าทันที 

   ศิษย์มังกรฟ้าของนิกายมังกรสวรรค์เรา จะได้รับการดูแลอยย่างดีเรียกว่าสวัสดิการเหนือกว่าศิษย์ฝ่ายในมาก…ไม่ต้องกล่าวถึงใดอื่น เอาแค่เรื่องโอกาสในการเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏ สำหรับศิษย์ฝายในนั้นเว้นเสียแต่จะได้รับรางวัล เช่นนั้นเรื่องคิดจะเข้าใช้มันก็จำต้องอาศัยการจ่ายคะแนนอุทิศเพื่อซื้อเวลา…กลับกันศิษย์มังกรฟ้านั้น จะได้รับโอกาสเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏทุกปี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร 

  พอตงฟางเหยียนเหนียนกล่าวจบคำ สองตาต้วนหลิงเทียนรวมถึงคนอื่นๆก็ลุกวาวขึ้นมาทันที

  เรื่องศิษย์มังกรฟ้านั้น พวกมันส่วนใหญ่เคยได้ยินมาก่อน

  อย่างไรก็ตาม สวัสดิการที่ศิษย์มังกรฟ้าจะได้รับคืออะไร พวกมันก็พึ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

   ในนิกายมังกรสวรรค์เรา จำนวนศิษย์มังกรฟ้านั้นมีไม่มากนัก ในปัจจุบันก็มีกันอยู่แค่ 70 กว่าคนเท่านั้น และขีดจำกัดที่นิกายเรากำหนดไว้ก็คือ 100 คน…สมัยที่นิกายมังกรสวรรค์ของพวกเรายังรุ่งเรือง ศิษย์มังกรฟ้าล้วนมี 100 คนเต็มจำนวนตลอด ในตอนนั้นหากผู้ใดคิดจะยกระดับเป็นศิษย์มังกรฟ้า ไม่เพียงแต่ต้องผ่านการทดสอบเท่านั้น ยังต้องท้าประลองและเอาชนะศิษย์มังกรฟ้าคนใดคนหนึ่งเพื่อแทนที่อีกฝ่าย กลายเป็นศิษย์มังกรฟ้าคนใหม่! 

   ไม่เหมือนกับตอนนี้ หากคิดจะเป็นศิษย์มังกรฟ้า…พวกเจ้าไม่ต้องท้าประลองเอาชนะผู้ใด ขอแค่สามารถผ่านการทดสอบได้ก็พอ 

  หลังได้ยินเรื่องราวจากปากตงฟางเหยียนเหนียน หลายๆคนก็เริ่มกระตือรือร้นอยากจะยกระดับตัวเองเป็นศิษย์มังกรฟ้านัก

  ตงฟางเหยียนเหนียนย่อมสังเกตเห็นความคึกคักกระเหี้ยนกระหือรือดังกล่าวได้ชัดเจน จึงยิ้มกล่าวออกมาว่า  ในบรรดาพวกเจ้า มีหลายคนที่มีแววจะได้เป็นศิษย์มังกรฟ้า…อย่างเช่นต้วนหลิงเทียนกับหัวเทียนตู้ ตราบใดที่ไปเข้าร่วมการทดสอบ ขอแค่ไม่เกิดเรื่องผิดพลาดอันใด โอกาสที่ทั้งคู่จะยกระดับเป็นศิษย์มังกรฟ้าได้ ก็มีเต็ม 10 ส่วน 

   สำหรับ จี้อู่ชาง ตู้ปั้วจวิน แม่นาง 7 และคนอื่นๆอีกไม่กี่คน พวกเจ้าก็มีโอกาสเช่นกัน 

   การแข่งขันมังกรซ่อนครั้งนี้ พวกเจ้านับว่าทำผลงานได้พร่างพราวที่สุดเท่าที่การแข่งขันมังกรซ่อนเคยมีมา ยังมากพอจะให้บันทึกลงไปในหน้าประวัติศาสตร์ของนิกายมังกรสวรรค์เราเลยด้วยซ้ำ…ข้ายกตัวอย่างง่ายๆ ในอดีตผู้ชนะเลิศการแข่งขันมังกรซ่อน พลังฝีมือก็ทัดเทียมกับพวกเจ้าหลายๆคน 

  ตงฟางเหยียนเหนียนกล่าวถึงจุดนี้ ก็หันไปมอง ตู้ปั้วจวิน จี้อู่ชาง แม่นาง 7 และคนอื่นๆอีก 2-3 เป็นพิเศษ หลายๆคนก็หันไปมองคนเหล่านี้

  แต่สุดท้ายสายตาของหลายๆก็ไปหยุดลงบนร่างต้วนหลิงเทียนกับหัวเทียนตู้

  เพราะทั้งคู่ เป็นตัวประหลาดในบรรดาอัจฉริยะทั้งหลายอย่างเห็นได้ชัด

   ถึงแล้ว 

  ไม่นานนักเสียงของตงฟางเหยียนเหนียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ด้านต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็พบว่าบัดนี้ ได้เหินร่างมาถึงน่านฟ้าของหุบเขาแห่งหนึ่ง เป็นหุบเขาลึกที่มองไกลๆแลดูคับแคบแต่ที่จริงแล้วพื้นทีที่ทอดตัวลึกลงไปในหุบเขามันไม่แคบเลย

  กลางหุบเขานั้นเว้นไว้เป็นที่ว่าง คล้ายทางเดิน ส่วนทั้ง 2 ข้างริมหุบเขาลึกแห่งนี้ มีบ้านลานปลูกสร้างไว้เรียงรายเป็นทิวแถว หน้าบ้านลานแต่ละหลังปรากฏแท่นศิลาขนาดใหญ่ บ้างก็ว่างเปล่าบ้างก็มีชื่อสลักไว้

   หากเป็นบ้านลานที่แท่นศิลาหน้าบ้านไร้ชื่อผู้ใดสลักเอาไว้ พวกเจ้าสามารถเลือกเข้าไปอยู่ได้ตามใจชอบ และก่อนที่พวกเจ้าจะเข้าพัก อย่าได้ลืมสลักชื่อเอาไว้บนแท่นศิลาหน้าบ้านด้วย 

   ด้วยวิธีนี้ พวกเจ้าจักได้หลีกเลี่ยงปัญหาการถูกรบกวนขณะฝึกฝนบ่มเพาะโดยไม่จำเป็น 

  ได้ยินคำพูดของตงฟางเหยียนเหนียน ทุกคนก็พยักหน้าเป็นอันเข้าใจ

  และลึกเข้าไปในหุบเขา บริเวณตรงกลางก็ปรากฏตำหนักหลังใหญ่แห่งหนึ่งปลูกสร้างไว้ มองไปยังเห็นผู้คนเดินผ่านเข้าออกหนาตา แลดูคึกคักพอสมควร

   นั่นคือตำหนักกิจการฝ่ายใน…คำว่ากิจการฝ่ายในๆที่นี้หมายถึงภารกิจของศิษย์ฝ่ายในด้วย มิได้หมายความตามตัวอักษรอย่างเดียว 

  เมื่อเห็นสายตาของต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆไปหยุดลงบนตำหนักหลังใหญ่ ตงฟางเหยียนเหนียนก็กล่าวอธิบายออกมาอย่างประจวบเหมาะ  หากพวกเจ้าอยากได้คะแนนอุทิศของนิกาย ก็สามารถเข้าไปเลือกรับภารกิจในนั้นได้ 

 

War sovereign Soaring The Heavens

War sovereign Soaring The Heavens

Status: Ongoing

จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย

การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้!

ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ …

ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน