“เอาเชือกกระโดดให้เขา ก่อนที่เรื่องนี้จะจบ ถ้านายกระโดดเชือกได้ 5,000 ครั้ง เรื่องนี้ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน ถ้านายทำได้ไม่ถึง ก็เอาแขนกับขามาอย่างละหนึ่งข้าง และถ้านายทำได้ไม่ถึง 3,000 ครั้ง ก็ลืมเรื่องโปรเจคใหม่ตระกูลจี้ไปได้เลย”
จี้จุ่นฟงใบหน้าซีดเผือดเมื่อเขาได้ยินประโยคสุดท้าย
ก่อนหน้านี้กลุ่มธุรกิจตระกูลจี้ทุ่มเททุกอย่างไปกับโครงการใหม่และลงทุนไปเป็นจำนวนมาก สามารถพูดได้ว่านี่เป็นการทุ่มทุนครั้งสุดท้าย
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มธุรกิจตระกูลจี้จึงได้ประสบกับปัญหาหลายอย่างอยู่ในขณะนี้
และได้แต่หวังว่าโครงการใหม่จะคืนทุน
ถ้าโครงการใหม่ล้มเหลว พวกเขาก็จะสามารถล้มละลายได้ทุกขณะจิต
ด้วยอำนาจอิทธิพลของจ๋ายหวินเชิ่ง ไม่ยากที่จะทำให้โครงการใหม่ตระกูลจี้ดิ่งลงเหว
และเขาก็เป็นคนที่สามารถทำเรื่องประเภทนี้ได้จริงๆ
จี้หมิงตะลึงงันได้แต่จ้องไปยังจ๋ายหวินเชิ่ง
บอดี้การ์ดยื่นเชือกกระโดดให้
จี้หมิงถือเชือกกระโดดอย่างงุนงง แต่หยูซีก็กล่าวเตือนว่า “เวลาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว จนกว่าเรื่องนี้จะจบลง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จี้จุ่นฟงรีบตรงเข้าไปด้านหน้าจี้หมิงและเร่งรัดเขา
“เจ้าเด็กเลว ทำไมไม่รีบกระโดดเชือก ปกติแล้วแกจะมีแรงเยอะไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เรี่ยวแรงทั้งหมดหายไปไหน”
จี้หมิงถูกพ่อของตนเองเร่งรัด จึงค่อยฟื้นคืนสติ รู้ว่าตอนนี้เขาถูกเวลากดดัน ทั้งเพื่อตัวเขาเองและผลประโยชน์ของตระกูล เขาต้องใช้แรงทั้งหมดไปกับการกระโดดเชือก
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ใกล้กับจี้หมิงช่วยเขานับขณะที่จี้หมิงกระโดดเชือก
บอดี้การ์ดอีกคนได้นำเอาโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมาให้กับจ๋ายหวินเชิ่งดูถ่ายทอดสดที่ปากทางเข้าของโรงเรียน
แน่นอนว่าในเวลาเดียวกันกับที่จ๋ายหวินเชิ่งและหยูซีมาหาจี้หมิงนั้น พวกเขาก็ส่งคนไปยังที่ประตูโรงเรียน
ในเวลานี้ คนที่นายท่านเชิ่งส่งไปก็ได้ไปถึงที่ประตูโรงเรียนแล้ว และก็เริ่มถ่ายทอดสดสถานการณ์ไปให้จ๋ายหวินเชิ่งผ่านวิดีโอ
และในเวลานั้น รถกันกระสุนคันหนึ่งก็ปรากฏตัวในวิดีโอ ตัวถังสีเข้มและมีเกราะหุ้มแข็งแรงซึ่งสะดุดตามากเมื่ออยู่ท่ามกลางแถวของรถยนต์ส่วนตัวคันเล็กๆที่เรียงกันเป็นตับ
รถยนต์คันนั้นขับไปจนถึงประตูโรงเรียนมัธยมเชิ่งหัว
ทันทีที่รถคันนั้นหยุดลง รปภ.ในเครื่องแบบก็พากันลงมาเป็นแถว
พวกเขาสวมเครื่องแบบแบบเดียวกันหมดและฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าแตกต่างไปจากรปภ.ที่ประตูทั่วไป
จากนั้นผู้หญิงคนหนึ่งก็ออกจากรถตามมาด้วย เธอสูงสง่าน่าเกรงขาม
เสื้อกาวน์สีขาวถูกเปลี่ยนไปเป็นเสื้อกันลมสีดำ ทำให้หลัวซิ่วเอินดูเหมือนกับนายหญิงมากขึ้น
ทุกคนที่อยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนต่างพากันมีสีหน้าว่างเปล่า
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน เกิดอะไรขึ้น
ระหว่างที่ผู้คนกำลังสับสนอยู่นั้น หลัวซิ่วเอินก็ได้ไปอยู่ตรงหน้าชายที่ถือดอกไม้แล้ว
หมัดถูกเหวี่ยงออกไป
หมัดนั้นตรงเข้าไปที่หน้าของชายคนนั้นอย่างจัง
“เชี่ยไอ้สัส มึงมาสารภาพรักกับน้องสาวกูเนี่ยมึงอายบ้างไหม มึงทำไมไม่ฉี่ราดแล้วถ่ายรูปตัวเองไว้ สัสมึงมาที่นี่มีเจตนามาทำให้พวกกูโกรธใช่ไหม”
ขณะที่หลัวซิ่วเอินพูดนั้น เธอก็เหวี่ยงหมัดตรงใส่ชายคนนั้นอีกครั้ง
คนในสถาบันวิจัยของพวกเธอนั้นจะคู่ควรกับพวกขยะสังคมพวกนี้อย่างงั้นเหรอ
ไม่รู้ตัวบ้างหรือไงว่าแกไม่คู่ควร
แล้วยังกล้ามาสารภาพรักอีกเหรอ
ไอ้บ้านนอกคนนี้เป็นใครกัน
หลัวซิ่วเอินรู้สึกรำคาญใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ และเมื่อเธอโกรธ เธอก็เหวี่ยงหมัดออกไปอีก
“ไปสารภาพรักกับผีเลยไป แม่งมึง ถ้าจะบอกว่ามึงเป็นคางคกคิดกินเนื้อหงส์ นายหญิงคนนี้ยังคิดว่านี่เป็นการดูถูกคางคกด้วยซ้ำไป”
หลังจากพูดจบ เธอก็ตามไปอีกหมัด
เพียงแค่โดนไปสองสามหมัดนี้ ขยะสังคมรุ่นเยาว์ที่ชื่อว่าอาฮุยก็เห็นดาวหมุนรอบตัวและเดินโซเซไปมา
หมัดของหลัวซิ่วเอินนั้นไม่ใช่เล่นๆ เธอมีมือที่ใหญ่และสามารถเอาชนะการงัดข้อกับคนทั้งสถาบัน