บทที่ 86: ถ้าเห็นเด็กหญิงตระกูลเจี่ยนต้องเดินอ้อม
ชิวหยีเจนพูดถึงเหตุผลที่ต่อเนื่องอย่างมั่นใจ “ใครใช้ให้เธอทำตัวไร้เดียงสา แล้วใครใช้ให้เธอหลอกลวง ใครใช้ให้เธอผลักเจี่ยนหยุ่นน่าวลงจากบันไดและทำลายชีวิตทั้งชีวิตของเจี่ยนหยุ่นน่าว”
“แกมันโง่” ชิวลี่เย่าอดที่จะด่าไม่ได้
“พ่อนะสิเกิดมาเป็นไอ้โง่”
“แก” ชิวลี่เย่าสูดลมหายใจลึก “อย่าพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ ยังไงก็ตาม แกต้องไปบ้านตระกูลเจี่ยนกับฉันเพื่อขอโทษในคืนนี้”
“ไม่” ชิวหยีเจนปฏิเสธอย่างชัดเจน ให้เธอไปขอโทษเจี่ยนอีหลิงนะเหรอ ไม่มีทาง
“แกกำลังพูดเรื่องอะไร” ชิวลี่เย่าโกรธชิวหยีเจนมาก อกของเขาพองยุบอย่างรุนแรงน่ากลัว
“ผู้เฒ่าชายหญิงตระกูลเจี่ยนไม่แน่ว่าจะรู้ถึงเรื่องนี้ ถ้าพ่อพาหนูไปขอโทษ นั่นไม่หมายความว่าพ่อไปสารภาพผิดหรอกเหรอ”
ชิวลี่เย่าถึงกับผงะไปชั่วขณะและเขาก็ต้องยอมรับว่าความคิดของลูกสาวเขานั้นมีเหตุผล
นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน ซึ่งฝั่งตระกูลเจี่ยนไม่แน่ว่าจะรู้เรื่องนี้
ถ้าเจี่ยนอีหลิงไม่บอกกับครอบครัวของเธอในครั้งก่อนหน้านี้ บางทีเธอก็จะไม่บอกครอบครัวของเธอในครั้งนี้เช่นกัน…
ชิวหยีเจนเห็นชิวลี่เย่าเงียบไปก็รู้ว่าสิ่งที่เธอพูดไปนั้นทำให้เขาได้คิดแล้ว
“ถ้าพ่อต้องการลงโทษหนูด้วยการตัดเงินค่าใช้จ่ายก็เชิญเลย ไม่ว่ายังไงหนูก็ไม่ไปขอโทษ และถ้าพ่อด่าพอแล้วหนูก็จะไปล่ะ”
หลังจากนั้นชิวหยีเจนก็หันตัวออกไปจากห้องทำงานของชิวลี่เย่า ไม่สนใจชิวลี่เย่าอีกเลยว่าเขาจะโกรธหรือไม่
###
สถานการณ์ของจี้หมิงที่นี่น่าอนาถกว่าชิวหยีเจน
สุดท้ายเขาก็สามารถกระโดดเชือกได้จบก่อนเรื่องที่เกิดขึ้นที่หน้าโรงเรียนจะจบ
หลังจากที่ดิ้นรนกระโดดเชือกจนถึงครั้งสุดท้าย เขาก็ล้มลงไปบนพื้นและไม่ต้องการที่จะขยับเขยื้อนตัวอีกแม้แต่น้อย
บอดี้การ์ดที่อยู่ถัดจากเขาประกาศจำนวน 5,000 ครบจำนวน
เดิมทีจี้หมิงไม่ควรจะทำได้ถึงจำนวนนี้ แต่เพราะว่าหลัวซิ่วเอินและคนอื่นๆ เรื่องนี้เลยจบช้าไปกว่าที่คาดเอาไว้
เฉพาะหลัวซิ่วเอินกระทืบนักเลงสี่คนนั้นก็กินเวลาไปสิบนาที จากนั้นก็สั่งให้พวกนักเลงนั้นขอโทษและทำความสะอาดในบริเวณนั้นให้เรียบร้อย
หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงจากไปแล้ว หลัวซิ่วเอินก็ยังเอาพวกนักเลงนี้มาสอบปากคำ
นั่นใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงโดยรวม
นายท่านเชิ่งบอกว่าจนกว่าเรื่องนี้จะจบ ก็ให้ถือจนกว่าเรื่องนี้จบ
ดังนั้นแม้ว่าเวลาจะถูกยืดออกไป แต่จี้หมิงก็ยังคงต้องกระเดือดเชือกให้จบ
บอดี้การ์ดรายงานต่อจ๋ายหวินเชิ่งและพากันถอนตัวออกจากอพาร์ตเมนต์ของจี้หมิง
จี้หมิงเป็นอัมพาตอยู่บนพื้นนานกว่าชั่วโมงโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ปกติแล้วการวิ่งหนึ่งกิโลเมตรสำหรับประเมินผลนักกีฬานั้นก็ว่ายากแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยมากกว่าวิ่งสิบกว่ากิโลเมตร
ในตอนนี้จี้จุ่นฟงก็กลับมาเห็นจี้หมิงนอนอยู่บนพื้น จี้จุนฟงก็หยิบหนังสือบนโต๊ะกาแฟถัดไปฟาดมันลงกับพื้น
“ไม่เป็นไรถ้าแกจะทำชั่วในเวลาอื่น แต่อย่ายุ่งกับนายท่านเชิ่ง แกเห็นว่าฉันว่างเกินไปใช่ไหม แกรู้ไหมว่าถ้าโครงการล้มเหลว แกก็จะต้องขอทานกินในอนาคต”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะกลายไปเป็นยั่วโมโหเขา ความจริงแล้วผมเล็งเป้าไปที่นังเด็กเน่านั่น…. นี่ต้องโทษหยูซี ผมคิดว่าตระกูลเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหยู แต่เขากลับทำผมเจ็บปวดแบบนี้”
จี้หมิงตอบอย่างหมดเรี่ยวแรง
จนถึงตอนนี้ จี้หมิงคิดว่าที่เขาต้องตกระกำลำบากครั้งนี้ปัญหาเกิดมาจากหยูซี
“ไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร แต่นับจากนี้ไป หากว่าแกเห็นเด็กหญิงตระกูลเจี่ยนนั่น แกจะต้องเดินอ้อมให้กับฉัน ไม่เช่นนั้นถึงนายท่านเชิ่งจะไม่จัดการแก ฉันก็จะจัดการกับแกก่อนเป็นอันดับแรก” จี้จุ่นฟงกัดฟันพูด “ส่วนสำหรับทางหยูซีนั้น ฉันจะหาทางคุยให้ชัดเจน”
แม้ว่าจี้หมิงจะลังเล แต่เขาก็ต้องตกลง แม้ว่าเขาจะยังไม่ชัดเจนกับสถานการณ์ของกลุ่มตระกูลจี้ แต่เขาก็รู้ว่าอย่าไปวุ่นวายกับโครงการนี้