大姐大 บทที่ 183 กลับไปที่สถาบันวิจัย
ฉินชวนคิดว่าเจี่ยนอีหลิงนั้นฉลาดมาก ผลการเรียนที่ตกต่ำของเธอก่อนหน้านั้นอาจจะเป็นเพราะเธอไม่อยากเรียน แต่เธอก็สามารถที่จะจับจุดสิ่งที่เธอต้องการจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
นี่คือสิ่งที่ฉินชวนรู้สึกกับเจี่ยนอีหลิงในระหว่างช่วงเวลาที่ผ่านมานี้
“ผมเห็นด้วยว่าไม่จำเป็นที่จะต้องติวพิเศษให้เธอแต่อย่างใด การที่จะติวนั้นก็ขึ้นกับคนแต่ละคนด้วย บางคนก็เอาไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุด บางคนทำไปก็เสียเวลาเปล่า”
หัวหน้าฝ่ายการสอนนั้นเห็นได้ชัดว่าเข้าใจความหมายของฉินชวนผิด
ฉินชวนขมวดคิ้วพร้อมกับมองดูเด็กหญิงที่เงียบสงบอยู่ไม่ไกลออกไปนัก หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ เขาก็อธิบายแก้ไขแทนเธอว่า “อาจารย์เข้าใจผิด ผมคิดว่าเธอค่อนข้างฉลาดหลักแหลมทีเดียว”
ฉินชวนปกติแล้วจะไม่ปกป้องคนอื่น แม้กระทั่งกับเรื่องราวของตัวเองก็ตาม
วันนี้เขาอธิบายรอบสองถือว่าหาได้ยากมากแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินชวน หัวหน้าฝ่ายรู้สึกอับอายอย่างมาก
แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่มีอนาคตที่เขาชื่นชม ดังนั้นเขาจึงยังพอทนฟังได้
ยิ่งไปกว่านั้นการบอกกับคนภายนอกว่านักเรียนในโรงเรียนของตนเองแย่แค่ไหนนั้น ก็เหมือนเหยียบตัวเอง
หัวหน้าฝ่ายไม่ได้โง่
มีคนหลายคนในโรงอาหารตอนนี้ และทุกคนก็เฝ้ามองฉินชวน เขาทั้งสูงและโดดเด่น เป็นเรื่องยากที่จะไม่สังเกตเห็น
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉินชวนอยู่ข้างๆ “ผียังหลบ” หัวหน้าฝ่ายการสอน นักเรียนหลายคนคงจะเข้าไปทำความรู้จักกับฉินชวนแล้ว
โม่ชืออวิ้นก็เป็นหนึ่งในบรรดานักเรียนที่ทานอาหารอยู่ และก็ได้เห็นฉินชวนอีกครั้ง ดวงตาเธออดไม่ได้ที่ถูกเขาดึงดูดไว้อีก
แต่อย่างไรก็ตาม ฉินชวนไม่ได้สังเกตเห็นโม่ชืออวิ้นในหมู่นักเรียนในครั้งนี้
###
การแข่งขันเคมีจัดขึ้นในวันอังคาร และโรงเรียนก็ยอมให้นักเรียนที่ลงทะเบียนขอลาหยุดในวันนั้นไม่ต้องมาโรงเรียนได้
ในเมื่อเป็นนักเรียนที่ลงทะเบียน เป็นธรรมดาที่เจี่ยนอีหลิงจะไม่ไปโรงเรียนในวันนั้น
การแข่งขันจัดขึ้นในตอนบ่าย และนักเรียนคนอื่นๆก็ใช้เวลาช่วงสุดท้ายของเช้าวันนั้นในการอ่านคำถามและทบทวนเพิ่มเติมให้มากขึ้น
ส่วนเจี่ยนอีหลิงนั้นไปที่สถาบันวิจัย
เจตนาที่มาในวันนี้มีสองอย่าง หนึ่งก็เพื่อดูอาการของแม่ของฉินชวน อีกอย่างหนึ่งก็คือการเข้าร่วมในการผ่าตัดและทำความคุ้นเคยกับกระบวนการผ่าตัดของสถาบันไว้ล่วงหน้า
ในเคสของแม่ของฉินชวนนั้นอยู่ในความดูแลร่วมระหว่างเจี่ยนอีหลิงกับเฉิงอี้
ระหว่างที่เธอป่วย เฉิงอี้ได้ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กับเธอทางอินเตอร์เน็ต และพวกเขาก็ได้ทำการวิเคราะห์และปรึกษาหารือกันออนไลน์
แต่ในบางครั้ง เจี่ยนอีหลิงก็ยังจำเป็นที่จะต้องเห็นด้วยตาของเธอเองเพื่อยืนยันให้แน่ชัด
แม่ของฉินชวนเป็นโรคเลือดที่หายาก สาเหตุนั้นก็ยังไม่ทราบแน่ชัด
อาการของเธอก็คือมีออกซิเจนในเลือดต่ำ หากอาการนี้เกิดขึ้นในระยะยาวแล้วจะทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว หลอดลมทำงานล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเกิดความเสียหายกับสมอง
สิ่งที่เฉิงอี้กับเจี่ยนอีหลิงต้องทำก็คือหาสาเหตุของโรคนี้ออกมาและหาหนทางที่จะทำให้ปริมาณความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดกลับคืนมาเป็นปกติ
ปัจจุบัน แม่ของฉินชวนนั้นอยู่ที่หอผู้ป่วยของสถาบันวิจัย พร้อมกับเครื่องมือจำนวนมากมายที่เชื่อมต่อเข้ากับร่างกายของเธอ ตรวจสอบข้อมูลต่างๆในร่างกายของเธอตลอด 24 ชั่วโมง
เฉิงอี้ก็ได้เริ่มพยายามที่จะใช้ยาพื้นฐานทั้งหมดดูเช่นเดียวกัน และใช้อุปกรณ์ภายนอกเพื่อรักษาความเข้มข้นของเลือดไว้ชั่วคราวเพื่อให้มั่นใจว่าสภาพร่างกายของเธอนั้นจะไม่เสื่อมถอย
เมื่อเจี่ยนอีหลิงมา สถาบันวิจัยก็กลายเป็นมีชีวิตชีวา
เหล่าศาสตราจารย์ก็จะพากันรุมล้อมเจี่ยนอีหลิง ซึ่งหลัวซิ่วเอินกับเฉิงอี้ก็จะต้องรอคิวอีก
หลังจากที่กำจัดบรรดาศาสตราจารย์ที่ “ห้อมล้อม” แล้ว เจี่ยนอีหลิงก็กลับไปที่ทำงานของเธอ
เจี่ยนอีหลิงนำภาพถ่ายที่มีลายเซ็นต์ของสมาชิกวงจูปีเตอร์ทั้งสี่คนมาให้หลัวซิ่วเอิน
“อาาาา ทารกใหญ่อีหลิงของพี่สาว พี่รักเธอมากที่สุด พี่สาวรักเธอแทบตาย”
หลัวซิ่วเอินรับรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นต์ทั้งสี่รูปและจูบรูปถ่ายนั้นจนครบทุกรูป