บทที่ 477 ข่าวการรับสมัครที่โรงพยาบาลรั่วไห่เซิน 1
แม้แต่ข่าวการรับสมัครก็ยังทําให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ทุกคนต่างก็อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงพยาบาลลึกลับแห่งนี้ที่จู่ๆก็โด่งดังขึ้นมา เรื่องนี้อยู่ในใจของทุกคนในวงการแพทย์
เมื่อได้ยินข่าวนี้ คณะอาจารย์จากแผนกการแพทย์ในมหาวิทยาลัยเปยจิงก็เริ่มยุ่ง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทดสอบอะไรในระหว่างการสัมภาษณ์แต่ก็ไม่มีอะไรผิดกับการเตรียมการล่วงหน้า พวกเขาต้องขัดเกลาทักษะของตนเอง
เช่นเดียวกันกับกรณีของศาสตราจารย์หวงซึ่งเป็นหัวหน้างานของเจียนอีหลิงในช่วงเวลาที่เธอยังเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน
เขาเรียกนักศึกษาทั้งหมดของเขามาและขอให้พวกเขาเร่งโครงการของพวกเขา
เดิมที่ ยังมีเวลาอีกสามถึงห้าเดือนจนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จอย่างไรก็ตามศาสตราจารย์หวงต้องการให้เสร็จภายในระยะเวลาอันสั้น
ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขารู้สึกว่าโครงการนี้มีศักยภาพที่จะได้รับชื่อเสียงและเกียรติยศในวงการแพทย์โครงการนี้อาจกลายเป็นฐานสําหรับเขาให้ก้าวเข้าไปสัมผัสกับโรงพยาบาลลัวไห่เซิน
เจียนอีหลิงอยู่ร่วมกับนักศึกษาคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับนักศึกษาปริญญาโทคนอื่น
นักศึกษาคนอื่นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเมื่อเห็นเจียนอีหลิง
พวกเขาได้รับแจ้งว่านักศึกษาแลกเปลี่ยนนั้นเป็นอัจฉริยะในวงการเมื่ออายุได้สิบแปดปีเธอได้กลายเป็นลูกศิษย์ที่แสนภาคภูมิใจของศาสตราจารย์ไฮด์ ศาสตราจารย์ไฮด์เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงนานาชาติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาพบกับเจียนอีหลิงด้วยตนเอง พวกเขาก็ค่อนข้างแปลกใจ เมื่อเจียนอีหลิงดูเด็กกว่าที่คิด
ต่อหน้านักศึกษาระดับปริญญาโทที่มีอายุ 20 ปีเจียนอีหลิงดูอ่อนเยาว์เป็นพิเศษ
“โอ้ พระเจ้า เธอดูไม่เหมือนนักวิจัยเลย ผมเธอยังคงดกดํา”
“อาา ฉันรู้สึกแก่มากเลยตอนนี้”
“เหมือนกัน ฉันเกือบรู้สึกเหมือนถูกทําร้าย… ถ้าเธอคือพระอาทิตย์ยามเช้า ฉันคงเป็นพระอาทิตย์ที่กําลังจะตกทางทิศตะวันตก…”
“เธอสามารถพึ่งพาหน้าตาของตัวเองได้ แต่เธอกลับพึ่งพาความสามารถของตัวเอง ช่างน่าประทับใจจัง”
กลุ่มนักศึกษารวมตัวกันรอบตัวเงี่ยนอีหลิงและพูดคุยกันเป็นเวลานาน
หลังจากนั้น พวกเขาก็แนะนําเนื้อหาของโครงการวิจัยกับเจียนอีหลิง
เงี่ยนอีหลิงได้ศึกษาเนื้อหาตั้งแต่ก่อนจะเดินทางกลับประเทศจีนแล้ว
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์หวงยังได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่ในวันแรกที่เธอมาถึงมหาวิทยาลัยด้วย
มีอยู่คนหนึ่งที่เป็นนักศึกษาหญิง เอกสาขาเดียวกับเจียนอีหลิง
นักศึกษาหญิงชื่อลู่หยวน เธอสวมเสื้อกาวน์สีขาวและแว่นตาหนาเตอะ จากรูปร่างหน้าตาเธอสามารถคาดเดาได้ง่ายว่าเธอมีส่วนร่วมในงานวิจัยทางวิชาการ
ลู่หยวนเริ่มพูดคุยกับเจียนอีหลิง
“ว่าแต่เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับโรงพยาบาลล้วไห่เซินหรือเปล่า”
“อือ”
“ศาสตราจารย์หวงต้องการติดต่อกับพวกเขา เธอรู้เรื่องนี้ไหม”
เจียนอีหลิงส่ายหน้า เธอไม่ค่อยรู้เรื่องศาสตราจารย์หวงสักเท่าไหร่นัก
“อาา ฉันต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโรงพยาบาลลัวไห่เซินด้วยฉันเอง ฉันอยากเห็นผลงานที่น่าทิ้งที่พวกเขาทํา นั่นโดยพื้นฐานแล้วต้องเป็นสถานที่ที่มีมนต์ขลัง ฉันได้ยินมาว่าโรงพยาบาลแห่งนี้สร้างขึ้นบนเกาะลึกลับและแยกตัวออกจากส่วนอื่นๆของโลก มันเหมือนสวรรค์ มันมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดและบุคลากรทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในโลก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสามารถรักษาโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดจากที่อื่นในโลกได้”
มีการคาดเดามากมายเกี่ยวกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน
ผู้ที่มีส่วนร่วมในงานวิจัยทางการแพทย์สนใจโรงพยาบาลรั่วไห่เซินเป็นพิเศษ
ก่อนที่เจียนอีหลิงจะมีโอกาสตอบกลับ ลู่หยวนก็กล่าวเสริมว่า “น่าเสียดายที่มีคนไปโรงพยาบาลลัวไห่เซ็นเพียงสองประเภทเท่านั้นเจ้าหน้าที่กับคนไข้ของโรงพยาบาล อา…”
ต้องเป็นแพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรที่มีความสามารถที่จําเป็นในโรงพยาบาลเพื่อมีโอกาสทํางานที่นั่น
มิฉะนั้นก็ต้องปวยและโชคดีพอที่จะได้รับเลือก
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากปวยด้วยโรคที่รักษาไม่หาย
อย่างไรก็ตาม มันก็ยากมากที่จะกลายเป็นบุคคลแบบแรกเช่นเดียวกัน
ซึ่งหมายความว่า สําหรับคนส่วนใหญ่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะติดต่อกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน
บทที่ 478 ข่าวการรับสมัครที่โรงพยาบาลรั่วไห่เซิน 2
จากนั้นลู่หยวนก็ถามเจียนอีหลิงด้วยความอยากรู้ว่า “ว่าแต่เธอไม่สงสัยเกี่ยวกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซินบ้างด้วยเหรอ ตอนที่เธอไปเรียนต่างประเทศ เพื่อนร่วมชั้นของเธอพูดถึงโรงพยาบาลบ้างไหม? มันมีชื่อเสียงที่นั่นเหมือนกันไหม”
“อืม อาจจะ ฉันไม่แน่ใจจริงๆ” เจียนอีหลิงตอบ เสียงเธอค่อนข้างราบเรียบ
ทุกวันนี้ เธอเก่งขึ้นเล็กน้อยกับการพูดคุยเล็กๆน้อยๆกับคนแปลกหน้าเธอไม่สะดุดกับคําพูดเธออีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอต้องพูดกับพวกเขาเธอก็ยังรู้สึกไม่อึดอัดอยู่เล็กน้อย
เมื่อเจียนอีหลิงไปต่างประเทศ เธอไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัยมากนัก
และแม้กระทั่งในช่วงเวลาที่เธอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เธอก็ไม่ได้ทํางานโครงการร่วมกับนักศึ กษาคนอื่น ศาสตราจารย์ไฮด์มักจะให้อิสระในงานของเธอ
เนื่องจากศาสตราจารย์ไฮด์ไม่คิดว่าเจียนอีหลิงเหมาะที่จะทําวิจัยร่วมกับนักศึกษามหาวิทยาลัยคนอื่น
ดังนั้นเงี่ยนอีหลิงจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟังเรื่องซุบซิบ ซึ่งหมายความว่าเธอแทบไม่มีโอกาสได้ยินสิ่งที่นักศึกษาคนอื่นพูดถึงเกี่ยวกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน
อย่างไรก็ตาม ลู่หยวนยังคงถามเธอต่อไปอีกว่า “เธอไม่อยากรู้เรื่องโรงพยาบาลบ้างเหรอไม่สนใจทํางานที่ลาไฮเซ่นเหรอ?”
ลู่หยวนสันนิษฐานว่าทุกคนในวงการการแพทย์ต้องอยากรู้เกี่ยวกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซินไม่มากก็น้อย
หากพวกเขามีความสามารถอยู่บ้าง พวกเขาก็จะน่าจะพยายามติดต่อกับบุคคลจากโรงพยาบาลรั่วไห่เซินด้วยเช่นกัน
ศาสตราจารย์หวงเป็นตัวอย่างของเรื่องนี้
“ฉันไม่ค่อยสงสัยเท่าไหร่นัก” เงี่ยนอีหลิงตอบกลับ
อย่างไรก็ตาม ลู่หยวนไม่ค่อยคล้อยตามเท่าไหร่นัก
เธอได้พูดคุยเรื่องนี้กับนักศึกษาส่วนใหญ่ในชั้นเรียนแล้ว ไม่มีสักคนเดียวที่ไม่อยากรู้เกี่ยวกับโรงพยาบาลลึกลับแห่งนี้
อืมม… บางทีเงี่ยนอีหลิงอาจเป็นอัจฉริยะ อัจฉริยะที่ไม่รู้จักวิถีของโลกจริงๆบางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ว่าทําไมเธอถึงไม่สงสัยเกี่ยวกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน
ศาสตราจารย์หวงทักทายแขกคนสําคัญในสํานักงานเขา
นั่นคือฉินหยุฝานจากตระกูลฉิน
ฉันหยุฝานทราบข่าวว่ามีคนที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซินมาถึงเปยจิงแล้ว
อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ การรักษาความปลอดภัยที่โรงพยาบาลรั่วไห่เชิ้นได้รับการดูแลอย่างดี
ดังนั้นฉันหยุฝานจึงเข้าหาศาสตราจารย์หวง ศาสตราจารย์หวงเป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงที่มหาวิทยาลัยเปยจิง เธอหวังว่าจะได้รับข้อมูลวงในที่แม่นยํายิ่งขึ้นจากอีกฝ่าย
หลังจากได้ยินคําขอของฉันหยุฝาน ศาสตราจารย์หวงก็แสดงความขัดข้อง
“มิสฉิน ฉันก็ต้องการช่วยเธอในเรื่องนี้ แต่ว่า ฉันคงไม่มีความสามารถที่จะทําได้ ฉันมีความรู้เกี่ยวกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซินน้อยมากเช่นเดียวกัน ในตอนนี้ ฉันรู้เพียงว่าคนของโรงพยาบาลของพวกเขาอาจเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่จะจัดขึ้นที่เปยจิงอย่างไรก็ตามฉันไม่รู้ว่าคนแบบไหนที่เข้าร่วมการประชุม ฉันไม่รู้ด้วยซ้ําว่าพวกเขาเป็นชายหรือหญิงสูงหรือเตี้ย”
ศาสตราจารย์หวงก็ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีวิธีที่จะ ทําเช่นนั้นได้
ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซินเป็นความลับอย่างยิ่ง
ฐานข้อมูลพนักงานของพวกเขาถูกเก็บไว้บนเกาะลึกลับ
ตามจริง การสื่อสารระหว่างสมาชิกของพวกเขานั้นก็ผ่านช่องทางพิเศษ สมาชิกจะใช้อุปกรณ์สื่อสารและซอฟต์แวร์สื่อสารเฉพาะอันที่จริง พวกเขายังใช้เซิร์ฟเวอร์เฉพาะอีกด้วยนี่หมายความว่าไม่มีทางที่บุคคลภายนอกจะเข้าถึงข้อมูลใดๆของพวกเขาได้
“อืม ถ้างั้นช่วยพาฉันไปที่งานประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการหน่อยได้ไหม”
ฉินหยฝานส่งคําขอใหม่
โดยทั่วไปแล้วมีเพียงผู้ที่มาจากวงการแพทย์เท่านั้นที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการ
“ฉันก็คงทําไม่ได้เช่นเดียวกัน” ศาสตราจารย์หวงตอบอย่างตรงไปตรงมา “แต่ว่า หากเธอต้องการเข้าร่วมจริงๆ เธอสามารถหาวิธีติดต่อผู้จัดงานได้ ฉันเชื่อว่าผู้จัดงานสามารถอนุญาตให้คนจากแวดวงธุรกิจบางคนเข้าร่วมการประชุมได้”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณ ศาสตราจารย์หวง หากมีข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซินโปรดแจ้งให้ฉันทราบด้วย”
“โอเค ฉันจะติดตามให้”