เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ – ตอนที่ 505-506

ตอนที่ 505-506

บทที่ 505 เจียนอีเหิงสร้างปัญหา 3

จากนั้นเขาก็พูดกับจ๋ายหวินเชิ่งว่า “นายท่านเชิ่ง ขอโทษที่รบกวนนายก่อนหน้านี้ โดยทั่วไปแล้ว แพทย์ดูแลส่วนตัวมีหน้าที่รับผิดชอบด้านสุขภาพของนายจ้างเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ นายไม่จําเป็นต้องขับรถให้กับพนักงานของนายไปทั่ว นายสามารถให้ผมไปรับส่งน้องสาวเองได้”

เจี่ยนอีเหิงขมวดคิ้วขณะที่พูด แม้ว่าเขาจะดูสุภาพและเกรงใจมากเหลือเกินในระดับผิวเผิน แต่ในท้องเขากลับเต็มไปด้วยกลอุบายที่ชั่วร้าย

ถ้าจ๋ายหวินเชิ่งสามารถพูดถึงหน้าที่และภาระผูกพันของแพทย์ดูแลส่วนตัวได้ เขาก็สามารถพูดถึงเรื่องพวกนั้นได้เช่นเดียวกัน

จากนั้นทั้งสามก็เข้าไปในลิฟต์ ไม่นานลิฟต์ก็มาถึงที่จอดรถใต้ดิน

เจี่ยนอีเหิงนําเจี่ยนอีหลิงให้เข้าไปในรถเขา

เจี่ยนอีหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไป

จากนั้นเจี่ยนอีเหิงก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไป

เมื่อเขาผ่านจ๋ายหวินเชิ่ง เขาก็ลดกระจกลงและแสยะยิ้มอย่างพอใจ

เมื่อรถออกจากที่จอดรถใต้ดิน เจี่ยนอีเหิงก็หันไปมองเจียนอีหลิง เจียนอีหลิงนั่งอยู่ที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้า

ใบหน้าเธอดูเหมือนเยือกเย็นและไม่แยแส

ขณะที่เขาเหลือบมองเธอ รอยยิ้มในดวงตาของเจี่ยนอีเหิงก็หายไป ราวกับว่าดวงตาเขากําลังครุ่นคิดอยู่ลึกๆ

ภาพของหลุมฝังศพปรากฏขึ้นในใจเขา มีรูปถ่ายขาวดําอยู่บนป้ายหลุมศพนั้น

ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ เจี่ยนอีเหิงก็ไปถึงมหาวิทยาลัยเปยจิง และยามที่เจี่ยนอีหลิงลงจากรถไปเรียน เขาก็นั่งอยู่ที่นั่นและมองเธอเดินจากไป

มีอยู่ขณะหนึ่งที่เขาต้องการถามเจี่ยนอีหลิงว่า เธอพอจะเรียกเขาว่า “พี่สาว” อีกครั้งได้ไหม เขาอยากจะถามเธอว่า เธอพอจะยิ้มอย่างสบายใจเหมือนเมื่อก่อนได้ไหม

สุดท้าย เขาก็อยากจะถามว่าตระกูลของพวกเขาจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกได้ไหม..

ฉินหงจื้อเข้าไปหาหลี่จั๋วเจียอีกครั้ง

ครั้งก่อน ฉินหงจื้อได้ส่งลูกน้องไปเชิญหลี่จั๋วเจีย แต่ทว่า ลูกน้องเขาล้มเหลวในการทําเช่นนั้น

ด้วยเหตุนี้ ฉินหงจื้อจึงตัดสินใจที่จะไปด้วยตัวเองในครั้งนี้

ทั้งสองคนมองหน้ากันเงียบๆ ด้านหนึ่งเป็นประธานของฉินกรุ๊ป เขาเป็นชายผู้แข็งแกร่งที่มีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม ในอีกด้านหนึ่ง เป็นชายวัยกลางคนธรรมดาคนหนึ่งที่ดูไม่สง่างามเลย

ดูจากรูปร่างหน้าตาของพวกเขา ดูไม่เหมือนว่าทั้งสองคนจะนั่งลงพูดคุยกันอย่างเท่าเทียม

คราวนี้ หลี่จั๋วเจียไม่ได้ปฏิเสธการเชื้อเชิญ เขาตกลงที่จะสนทนากับฉินหงจื้อ

ดังนั้นทั้งสองคนจึงหาจุดที่เหมาะสมที่จะนั่งลงพูดคุยกัน

หลี่จั๋วเจียและฉินหงจื้อนั่งอยู่ในลานตึกตระกูลฉิน การออกแบบของลานตึกนี้ค่อนข้างคลาสสิก

โต๊ะและเก้าอี้ในลานบ้านมีร่องรอยของกาลเวลา

เมื่อทั้งสองนั่งลงแล้ว ฉินหงจื้อก็ตรงไปยังประเด็น “มิสเตอร์หลี่ ผมได้ยินมาว่าคุณยอมรับเคสของฉินหงรุ่ยแล้วงั้นเหรอ”

หลี่จั๋วเจียตอบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเยือกเย็น เขาไม่ได้อ้างถึงสิ่งสําคัญใดในคําพูดเขา “มิสเตอร์ฉิน ผมไม่คิดว่าคุณเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้ หากคุณสนใจเรื่องนี้ คุณสามารถพูดคุยกับลูกพี่ลูกน้องของคุณในเรื่องนี้ได้ เขาสามารถบอกคุณได้ถึงสิ่งที่คุณต้องการจะรู้”

ฉินหงจื้อไล่บี้หลี่จั๋วเจียต่อไปด้วยการพูดว่า “มิสเตอร์หลี่ ผมดีใจมากนะที่คุณยอมรับเคสของลูกพี่ลูกน้องของผม”

“ว่าแต่ก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่ว่าคุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดถึงความสุขของคุณ”

“ใช่” ฉินหงจื้อตอบ เขาตัดสินใจที่จะชักแม่น้ำทั้งห้าอีกต่อไป “ผมต้องการขอให้คุณทําข้อตกลงกับผมแทน ถ้าลูกพี่ลูกน้องของผมให้หุ้นที่เขาถือไว้เป็นค่าตอบแทนแก่โรงพยาบาลลั่วไห่เซิน ผมพอจะจ่ายราคาสูงเพื่อซื้อหุ้นเหล่านั้นจากคุณได้ไหม”

“มิสเตอร์ฉิน ถ้านี่เป็นธุรกิจที่คุณกําลังพูดถึง สิ่งที่คุณต้องการนั้นยังไม่อยู่ในมือเรา ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่สามารถให้คําตอบที่แน่นอนแก่คุณได้กับสิ่งที่เราไม่มีอยู่จริง”

“ผมเข้าใจ ยังไงก็ตาม มิสเตอร์หลี่ ผมรับรองกับคุณได้ว่าโรงพยาบาลลั่วไห่เซินจะไม่ประสบความสูญเสียจากข้อตกลงนี้อย่างแน่นอน”

บทที่ 506 ขึ้นอยู่กับผู้อํานวยการ

“ณ ตอนนี้ ผมไม่สามารถให้คําตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้แก่คุณได้ ผู้อํานวยการของเราบอกให้ทําตามกฏ ดังนั้น แน่นอนว่าผมก็ต้องปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาลของเรา การทําข้อตกลงกับมิสเตอร์ฉินไม่เป็นไปตามกฎของโรงพยาบาลของเรา ดังนั้นผมจึงไม่สามารถตอบตกลงได้”

“ผู้อํานวยการของคุณเหรอ”

ฉินหงจื้ออยากรู้เกี่ยวกับผู้อํานวยการของโรงพยาบาลลั่วไห่เซินมาโดยตลอด

เขาสนใจที่จะพบกับบุคคลที่สามารถระดมบุคคลที่มีพรสวรรค์จากหลายๆด้านคนนี้ แม้ว่าโรงพยาบาลลั่วไห่เซินจะเป็นโรงพยาบาลที่ค่อนข้างเล็ก แต่ก็แข็งแกร่งมากเหลือเกิน

“ขอข้อมูลติดต่อผู้อํานวยการของคุณได้ไหม ผมจะติดต่อกับเขาโดยตรง”

ฉินหงจื๊อคิดว่าคงไร้ประโยชน์ที่จะคุยกับหลี่จั๋วเจียต่อไป ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องการคุยกับผู้อํานวยการโดยตรง

หลี่จั๋วเจียยิ้มขณะที่มองไปยังฉินหงจื้อ เขาไม่ตอบตกลงในทันที

“คุณยิ้มอะไร” ฉินหงจื้อถาม

“มิสเตอร์ฉิน ผมจะไม่ให้ข้อมูลติดต่อของผู้อํานวยการแก่บุคคลภายนอก ยิ่งไปกว่านี้ ผู้อํานวยการของเราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อการติดต่อบุคคลภายนอกมาตั้งแต่แรก ดังนั้น หากคุณมีอะไรจะพูดกับผู้อํานวยการของเรา คุณสามารถบอกผมได้ ผมจะถ่ายทอดสิ่งที่คุณพูดไปยังผู้อํานวยการของเรา”

ฉินหงจื้อไม่คาดคิดว่าจะได้ผลเช่นนี้ ดูเหมือนว่าทั้งโรงพยาบาลลั่วไห่เซินและพนักงานของโรงพยาบาลเองจะดื้อรั้นและเอาแต่ใจเหลือเกิน

แม้ว่าฉินหงจื้อจะมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่เขาก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติของพวกเขาได้

ยังไงก็ตามฉินหงจื้อก็จะต้องหยุดหุ้นไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพูดว่า “โปรดบอกผู้อํานวยการของคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อตกลงนี้จะผ่านไปได้ ผมยินดีที่จะเจรจาต่อรองกับเขา นอกจากนี้ โรงพยาบาลลั่วไห่เซินก็จะไม่ประสบความสูญเสียใดๆจากข้อตกลงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นฉันกรุ๊ปก็จะให้ประโยชน์ทุกประเภทแก่โรงพยาบาลลั่วไห่เซินอีกด้วย”

” ตกลง”

หลี่จั๋วเจียสัญญาว่าจะถ่ายทอดคําพูดของฉินหงจื้อ แต่ทว่าทั้งหมดมีแค่นั้น

ดังนั้นฉินหงจื้อแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการสนทนาเลย

ถ้าเขาต้องการทําข้อตกลงกับโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน ดูเหมือนว่าเขาจะต้องติดต่อกับผู้อํานวยการของพวกเขาให้ได้

ยังไงก็ตาม เขามีเวลาเหลือไม่มากนัก ฉินหงรุ่ยกําลังจะถูกโรงพยาบาลลั่วไห่เซ็นรับไปแล้ว

เหมือนแต่ก่อน จ๋ายหวินเชิ่งออกจากที่ทํางานตรงเวลาและกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ตรงเวลาเช่นเดียวกัน

ยังไงก็ตาม อพาร์ตเมนต์ของเขามืดไม่เหมือนสองวันที่ผ่านมา ไฟไม่ได้เปิด และร่างเล็กๆนั้นก็ไม่ได้รอเขาอยู่ที่นั่นเช่นเดียวกัน

จ๋ายหวินเชิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเลื่อนลงมาเพื่อหาหมายเลขของเจี่ยนอีหลิง เขาต้องการโทรหาเธอ แต่ทว่า เขาก็หยุดตัวเองก่อนจะกดปุ่มโทรออกไป เขาไม่อยากรบกวนเธอ

จ๋ายหวินเชิ่งรู้ว่าเจียนอีหลิงมีงานของตัวเองที่ต้องทําเช่นเดียวกัน

ดังนั้น จึงไม่สมเหตุผลที่เขาจะโทรหาเธอไม่หยุดหย่อนยามที่เธอกลับบ้านดึก นั่นจะทําให้ดูเหมือนว่าเขากําลังควบคุมเธอ

ดังนั้นจ๋ายหวินเชิ่งจึงรอ

เขาเหลือบมองดูเวลา และรอจนถึง 20.30 น. แต่ทว่า เจียนอีหลิงก็ยังไม่กลับบ้าน

เนื่องจากอีกครึ่งชั่วโมงก็จะสามทุ่มแล้ว จ๋ายหวินเชิ่งจึงตัดสินใจโทรหาเจี่ยนอีหลิง

แต่เมื่อเขาโทรไป ก็มีชายคนหนึ่งรับสาย

เสียงของชายคนนั้นต่ำและเซ็กซี่ขณะที่พูด “นี่ใคร?”

” นายเป็นใคร?” จ๋ายหวินเชิ่งถาม มือข้างหนึ่งเขากําแน่นโดยไม่รู้ตัว

“ฉันเป็นคนที่อีหลิงรักที่สุด” ชายคนนั้นตอบ

เป็นคําตอบที่ไร้ยางอายมาก แต่ทว่า คําตอบดังกล่าวนั้นได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของชายผู้นี้ออกมา

“เจี่ยนอีเหิง นายเอาอีหลิงไปไว้ที่ไหน”

เจี่ยนอีเหิงเป็นบอสของบริษัท อย่างไรก็ตามในเวลาว่าง เขาจะเป็นนักพากย์ด้วย นั่นเป็นเพราะเขาสามารถเลียนแบบเสียงได้หลายประเภท

จากข้อมูลที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของจ๋ายหวินเชิ่งรวบรวมมา เจียนอีเทิงก็เป็นคนคิดเรื่องราวที่มีชื่อเสียงมาก ในฐานะคนคิดเรื่องราว จุดเน้นของเขาอยู่ที่ตัวละครจากอนิเมะ การ์ตูนและเกม

ดังนั้นเสียงที่เปลี่ยนไปเขาจึงไม่แปลกใจเลย

เมื่อจ๋ายหวินเชิ่งมองทะลุถึงการปลอมตัวของเขา เจียนอีเหิงก็กลับมาเป็นเสียงปกติในทันที “นายท่านเชิ่ง ฉันไม่คิดว่าฉันต้องบอกนายว่าฉันพาน้องสาวฉันไปไหน ใช่ไหม”

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

Status: Ongoing

เดิมที เจี่ยนอีหลิง (简一凌) เป็นตัวละครประกอบที่มีชะตากรรมเป็นแนวหน้ากล้าตาย แต่ทว่าเมื่อตอนนี้เธอมีความทรงจำจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เจี่ยนอีหลิง ซึ่งเป็นผู้อ่านได้ย้ายเข้ามามีตัวตนในนิยาย จึงได้เปลี่ยนแปลงตนเองไปเป็นผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงแต่เจี่ยนอีหลิงจะไม่สนใจในตัวเอกชาย แต่เธอยังคงทำให้ผู้คนรอบกายเธอตกตะลึง สับสน งงงัน

ตามต้นฉบับแล้ว พี่ชายทั้งหลายต่างพากันเกลียดเธอ แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนพากันปกป้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย

“อี้หลิงตกใจง่าย อย่าทำให้เธอกลัว”

“อี้หลิงไม่เคยไปที่ไกลๆ อย่าหลอกเธอ”

“อี้หลิงมีร่างกายอ่อนแอ ห้ามรังแกเธอ”

คนอื่นๆ ต่างต้องการร่ำร้องไม่อยากเชื่อ มั่นใจเหรอว่าเธอน่ะน่ารักและถูกรังแกได้ง่ายๆ ใครกล้ารังแกเธอกัน ในขณะที่พวกเขาล้วนคิดว่าเพียงแค่บรรดาพี่ชายตระกูลเจี่ยนก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง แต่นั่นก็ยังมีคนอื่นที่คอยเติมส่วนที่เหลือ

นายท่านเชิ่ง “อี้หลิงเป็นคนเปราะบางมาก อย่าทำให้เธอโกรธ ถ้าคุณทำให้เธอโกรธ ผมจะหั่นคุณออกเป็นชิ้นๆและทำเป็นน้ำซุป”

คนอื่นๆ “นายท่านเชิ่ง ผมคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับดวงตาคุณ ผมแนะนำให้คุณไปหาจักษุแพทย์”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท