บทที่ 543 เธอกําลังเผชิญหน้ากับความตาย
รถจอดหน้าอาคารสามชั้นที่ตั้งอยู่ชานเมืองเปยจิง
สถาปัตยกรรมของอาคารดูไม่ต่างจากอาคารที่พักอาศัยทั่วไป
ผนังด้านนอกสร้างด้วยอิฐสีแดงและหลังคาเป็นกระเบื้องสีดํา ตัวอาคารดูค่อนข้างเก่าแก่
แต่ทว่าเมื่อมีคนเข้าไปในอาคาร พวกเขาก็จะตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า การตกแต่งภายในนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ด้านในเป็นอาคารสํานักงานที่ทันสมัยพรั่งพร้อมไปด้วยเทคโนโลยี
“นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่นี่ เธอต้องการให้ฉันพาเธอไปรอบๆหรือเปล่า” หัวหน้าทีมหร่วนถาม
“ไม่เป็นไร ขอบคุณ เป็นเรื่องสําคัญที่จะต้องจัดการเรื่องธุรกิจก่อน” เจียนอีหลิงตอบด้วยน้ําเสียงที่นุ่มนวลแต่จริงจัง
“ตกลง ฉันจะพาเธอไปที่ห้องชันสูตรโดยตรง”
จากนั้นเจี้ยนอีหลิงก็เข้าไปในห้องชันสูตรพลิกศพซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสอง หัวหน้าทีมหร่วนยังขอผู้ช่วยให้มาช่วยเจียนอีหลิงอีกด้วย
ขณะที่หัวหน้าทีมหร่วนดูงานของเจียนอีหลิงอยู่นั้น สมาชิกในทีมคนหนึ่งของเขาก็เริ่มเคาะประตูอย่างเร่งร้อน
ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ประตู “เกิดอะไรขึ้น?”
“เกิดเรื่องบางอย่าง มีคนมาที่ประตูของเรา”
“ไล่พวกเขาไป”
“อืมม ดูเหมือนคนพวกนี้จะไม่รู้ว่าเรามาทําอะไรที่นี่”
“นายไม่ต้องพูด พวกเราหลายคนที่นี่ก็ไม่รู้ว่าเรามาทําอะไร”
“แต่… พวกเขามาที่นี่เพื่อหาเรื่อง นอกจากนี้ พวกเขายังนําคนจํานวนมากมาด้วย พวกเขาต้องการให้เราปล่อยใครบางคน นอกจากนี้พวกเขายังบอกว่าพวกเขาจะโทรแจ้งตํารวจ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หัวหน้าทีมหร่วนก็เหลือบมองไปที่เจี่ยนอีหลิง เจี้ยนอีหลิงกําลังยุ่งอยู่กับการผ่าศพตรงหน้า
จากนั้นเขาก็หันกลับมาและพูดว่า “ตกลง ฉันจะไปจัดการเรื่องนี้กับนาย”
เขาไม่ต้องการให้คนเหล่านั้นสร้างเสียงอึกทึก แม้ว่าตัวอาคารจะดูไม่เหมือนเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงเป็นสํานักงานของกองสืบสวนคดีอาชญากรรม
แผนกของพวกเขามีหน้าที่ในการไขคดีแปลกๆ
ดังนั้นหัวหน้าทีมหร่วนจึงมุ่งหน้าไปที่ประตู และที่ประตูเขาก็เห็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ
ชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อยืดสีดํา นอกจากนี้ เขาก็มีใบหน้าที่คมคายและดวงตาหงส์ที่เย็นชา
ชายหนุ่มคนนี้มาพร้อมกับบอดี้การ์ดอีกสองคนด้วย
เขากําลังจะทําอะไร?
จ๋ายหวินเชิ่งหรี่ตามองคนตรงหน้า
เขามาที่นี่เพื่อพาเจียนอีหลิงกลับบ้าน แต่ยังไงก็ตามเมื่อเขามาถึง เขาก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติสถานที่นี้
บอดี้การ์ดเดินไปรายงานสถานการณ์ต่อจํายหวินเชิ่งว่า “ยืนยัน รถที่ผมเห็นนั้นจอดอยู่ที่ประตู
จากนั้นหัวหน้าทีมหร่วนก็มองคนตรงหน้าด้วยความสนใจ
” เธออยู่ที่ไหน?” จํายหวินเชิ่งถาม
“นายถามถึงใคร?”
“เจียนอีหลิง”
โอ้? เขามาที่นี่เพื่อเลี่ยนอีหลิง
อืม…. เป็นการดีที่สุด ที่จะยืนยันตัวตนเขาก่อน
“นายเป็นอะไรกับเธอ”
” เพื่อน”
“เพื่อนเหรอ?” หัวหน้าทีมหร่วนพูดซ้ําด้วยรอยยิ้ม “จริงเหรอ? ดูเหมือนว่านายจะเป็นเหมือนแฟนเธอมากกว่า”
“นั่นไม่ใช่กงการอะไรของนาย”
จํายหวินเชิ่งน้ําเสียงเย็นชาและหมดความอดทน
เนื่องจากสถานที่นี้แตกต่างจากที่เขาคาดไว้เล็กน้อย เขาจึงมีความอดทนมากกว่าปกติ ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงนี้ จํายหวินเชิ่งจะไม่เสียเวลาพูดกับชายตรงหน้า
เมื่อเขาเห็นท่าทางที่หมดความอดทนและวิตกกังวลของจํายหวินเชิ่ง หัวหน้าทีมหร่วนก็รู้ว่าบุคคลนี้เป็นห่วงเจียนอีหลิง
หัวหน้าทีมหร่วนหัวเราะและบอกจํายหวินเชิ่งว่า “อึม ตอนนี้เธออยู่ในห้องเล็กๆ เธอกําลังเผชิญหน้ากับความตายและเลือด”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ความเกลียดชังและความโกรธในดวงตาของจํายหวินเชิ่งก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
หัวหน้าทีมหร่วนหัวเราะอีกครั้งก่อนจะรีบพูดว่า “ตกลง ฉันจะไม่ล้อนายอีกแล้ว มิฉะนั้น นายอาจจะทําลายสถานที่แห่งนี้ลงได้ คนที่นายกังวลตอนนี้ไม่ว่าง เธอยังออกมาไม่ได้ ถ้าไม่เชื่อที่ฉัน พูดก็เข้ามากับฉันได้”
แน่นอน จํายหวินเชิ่งตัดสินใจติดตามเขาไป
เขาจะไม่หยุดจนกว่าจะเห็นเจี้ยนอีหลิง
“แต่ยังไงก็ตาม โปรดเตรียมใจให้พร้อม นายอาจไม่พร้อมที่จะเห็นภาพตรงหน้า” หัวหน้าทีมหร่วนเตือนจํายหวินเชิง
บทที่ 544 จูบคืนได้
เมื่อเห็นดังนี้บอดี้การ์ดของจํายหวินเชิ่งก็ตื่นตัวมากขึ้น
“นายท่านเชิง เราควรรอให้คนอื่นมาถึงก่อนที่เราจะเข้าไปดีไหม”
แต่ทว่า จํายหวินเชิ่งเพิกเฉยต่อคําพูดของบอดี้การ์ดโดยสิ้นเชิง เขาตามหัวหน้าทีมหร่วนเข้าไปในอาคาร
เมื่อเขาเข้าไปในอาคาร เขาก็ตระหนักว่าการออกแบบภายในค่อนข้างแตกต่างจากภายนอกมาก
จริงแล้ว มันดูเหมือนเป็นเพียงแค่อาคารสํานักงานธรรมดาๆ
หัวหน้าทีมหร่วนพาจํายหวินเชิ่งขึ้นไปที่ชั้นสอง เขาหยุดที่ประตูห้องชันสูตรครู่หนึ่งก่อนจะผลักประตูเปิดออก
จํายหวินเชิ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว เขาเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทางการแพทย์
จากนั้น เขาก็เห็นเจี่ยนอีหลิงผ่านหน้าต่างกระจก ขณะนี้ เจี้ยนอีหลิงกําลังยุ่งอยู่กับงานของเธอ
เมื่อบอดี้การ์ดทั้งสองคนเห็นฉากตรงหน้า พวกเขาก็แทบจะพรวดออกมา คําเตือนหัวหน้าทีมหร่วนนั้นถูกต้อง
แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็เป็นเพียงบอดี้การ์ด
ดังนั้น ฉากตรงหน้าจึงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเห็นบ่อยๆ
แต่ยังไงก็ตาม จํายหวินเชิ่งไม่มีปฏิกิริยา กลับกัน เขาเพียงจ้องมองไปยังเจี่ยนอีหลิง ความโกรธในดวงตาเขาเริ่มหายไป
ก่อนหน้านี้ เมื่อตอนที่เขารออยู่ที่ประตูหน้า จํายหวินเชิ่งก็รู้แล้วว่าสถานที่นี้มีความแปลกประหลาด
แต่ยังไงก็ตาม เขาจะไม่สบายใจจนกว่าจะได้เห็นเจี่ยนอีหลิงด้วยตาตนเอง
หลังจากที่เจี้ยนอีหลิงทํางานเสร็จแล้ว เธอก็รู้ว่าจํายหวินเชิ่งกําลังรอเธออยู่
” ทําไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?” เจี้ยนอีหลิงถาม
“ฉันกําลังรอเธอกลับบ้าน” จํายหวินเชิ่งตอบ เขาไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
แต่ทว่า เจียนอีหลิงค่อนข้างฉลาด เธอค่อนข้างเก่งในเรื่องของการอนุมาน
ระหว่างทางที่มาที่นี่ หัวหน้าทีมหร่วนบอกเธอว่ามีใครบางคนกําลังติดตามเธออยู่ พวกเขาจึงจัดการแยกพวกนั้นไม่ให้ติดตามได้
และด้วยเหตุนี้ เมื่อเธอเห็นจํายหวินเชิ่ง เจี่ยนอีหลิงจึงสรุปได้อย่างง่ายดายว่าเกิดอะไรขึ้น
“นายคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉันเหรอ” เจี่ยนอีหลิงถาม
จํายหวินเชิ่งเบือนหน้าหนี เขาไม่ได้ตอบคําถามของเจียนอีหลิง
แม้ว่าจะไม่ได้รับคําตอบ เจี่ยนอีหลิงก็ยังได้รับคําตอบ
เจียนอีหลิงตบหน้าอกจํายหวินเชิ่งเบาๆ แล้วเธอก็พูดว่า “อย่ากังวลเลยนะ ฉันสบายดี ฉันสามารถป้องกันตัวเองได้ ไม่ต้องห่วงฉันเหมือนครั้งที่แล้ว”
มือเล็กๆของเธอตบไปเบาๆที่หน้าอกของจํายหวินเชิ่ง
เธอพยายามสร้างความมั่นใจให้กับเขาในรูปแบบของเธอ การกระทําของเธอนั้นก็คือพยายามแสดงความปรารถนาที่จะเอาใจเขา
เมื่อเห็นอย่างนี้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจํายหวินเชิ่ง
เขาเอื้อมมือไปจับมือเจียนอีหลิง “กลับบ้านกันเถอะ”
จากนั้น จํายหวินเชิ่งก็พาเจียนอีหลิงกลับรังนอน
ดังเช่นปกติ ทั้งสองคนทําอาหาร ทํางาน และเล่นเกมด้วยกัน
จากนั้นพวกเขาก็ไปที่ระเบียงเพื่อดูดาว
“คืนนี้ อยู่เป็นเพื่อนฉันอีกสักหน่อยนะ” จํายหวินเชิ่งพูดกับเจี้ยนอีหลิง
เมื่อได้ยินดังนั้น เจี่ยนอีหลิงก็พยักหน้า
แต๊งงง
จนกระทั่ง เสียงนาฬิกาตีสิบสองครั้ง
จํายหวินเชิ่งหันกลับมาแล้วพูดว่า “แฮปปี้เบิร์ดเดย์”
อาา นั่นคือเหตุผลที่เขาขอให้เธออยู่กับเขานานขึ้นอีกนิดนั่นเอง
จํายหวินเชิ่งก้มหน้าลงและจูบริมฝีปากสีแดงของเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
สีหน้าเธอค่อนข้างสับสน
แต่ทว่า เธอไม่ได้ต่อต้านกลับไป
นี่เป็นสัญญาณที่ดีต่อจํายหวินเชิ่ง
มือของเจี่ยนอีหลิงแตะไปยังริมฝีปากที่เพิ่งถูกจํายหวินเชิ่งจูบ ดูเหมือนว่าเธอกําลังจมอยู่ในภวังค์
เมื่อเขาเห็นเจี้ยนอีหลิงตกอยู่ในภวังค์ความคิด จ๋ายเหวินเชิ่งก็เบือนหน้าหนี
เขาไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนี้กําลังคิดอะไรอยู่
เขาไม่ควรถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถ้าเขาถาม… เขากลัวว่าตนเองจะทําแบบเดิมซ้ําอีก
“นี่เป็น ของขวัญวันเกิด”
จํายหวินเชิ่งไม่ได้หันหน้ากลับมาเพื่อพูดแบบนี้ แต่เขาก็พูดด้วยความแน่วแน่เจียนอีหลิง แต่ถึงแม้จะมีความแน่วแน่ แต่เสียงเขาก็ยังคงสั่นกระเพื่อมอยู่บ้าง
เจียนอีหลิงไม่ได้ตอบต่อคําพูดเขา
จากนั้น จํายหวินเชิ่งก็เสริมอีกว่า “อย่าหลีกเลี่ยงของขวัญของฉันเลยนะ ฉันเก็บจูบนี้ไว้นานถึงยี่สิบสองปี”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจียนอีหลิงก็พึมพําเบาๆว่า “แต่ ฉันไม่เคยถูกจูบมาก่อน…”
“เอ้อ ฉันเอาจูบของฉันคืนมาก็ได้”
“อยากให้ฉันทําอย่างนั้นไหม?”
“ไม่ ฉันไม่ได้โง่” เจี่ยนอีหลิงตอบเบาๆ เธอตัวเล็ก แต่ไม่โง่ เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร