บทที่ 539 ป้าและลูกพี่ลูกน้องจากตระกูลเวิน
ห้องรกเจี่ยนอี้เหิงได้รับการทําความสะอาดจากเจี่ยนอีหลิง
นอกจากซุปแล้ว ยังมีอาหารร้อนแสนอร่อยบนโต๊ะกาแฟอีกด้วย
อาหารเพิ่งเตรียมไปเมื่อไม่นานนี้เอง
เนื่องจากเจี่ยนอีหลิงไม่สามารถขยับลูกพี่ลูกน้องของเธอได้ เจี่ยนอี้เหิงจึงยังได้แต่นอนอยู่บนพื้น
แต่ยังไงก็ตาม มีผ้าห่มบางๆมาคลุมร่างกายเขา
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเจี่ยนอี้เหิงขณะที่เขามองไปที่เจี่ยนอีหลิง สายตาเขานุ่มนวลและอ่อนโยนเหลือเกิน
“เมื่อคืนฉันพูดอะไรแปลกๆหรือเปล่า” เจี่ยนอี้เหิงถามเจี่ยนอีหลิง
“อื้อ”
“เอ่อ…” เจี่ยนอี้เหิงตะลึง เขาอายเล็กน้อยก่อนจะรีบพูดว่า “อย่าไปใส่ใจเลย ฉันเป็นแบบนั้นเสมอเมื่อฉันดื่มมากเกินไป”
“อือ”
เมื่อคืนเขาไม่ได้พูดอะไรแปลกๆเกินไปใช่ไหม?
ภาพลักษณ์ของพี่ชายของเขา
ยังมีอยู่ใช่มั้ย?
เนื่องจากย่าเจี่ยนปวย ตระกูลเวินจึงมาเยี่ยมเธอ ตระกูลเวินอาศัยอยู่ในเปยจิง
ตระกูลเวินมีประวัติอันยาวนานเกี่ยวกับด้านวรรณคดีและศิลปะ
เวินน่วนมีพี่ชายสามคน หนึ่งในนั้นเปิดพิพิธภัณฑ์ ในขณะที่อีกคนเกี่ยวข้องกับธุรกิจโบราณวัตถุ และคนสุดท้ายเป็นช่างคัดลายมือ
ในระดับผิวเผิน ธุรกิจของสองพี่น้องดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก แต่ในความเป็นจริงธุรกิจของพวกเขาได้รับความนิยมมากเหลือเกิน
บรรพบุรุษของตระกูลเวินได้ส่งต่อสมบัติล้ําค่ามากมาย สมบัติเหล่านี้มีมูลค่ามหาศาล
นอกจากนี้ คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในสายธุรกิจประเภทนี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดา
ดังนั้นตระกูลเวินจึงได้รับการยกย่องมากกว่าตระกูลเจี่ยนในเปยจิง
ที่จริงแล้วตระกูลเจี่ยนไม่ได้มีความหมายอะไรเลยในเปยจิง
ย่าเจี่ยนได้รับการเยี่ยมจากภรรยาของพี่ชายใหญ่ของเวินน่วน ภรรยาเขานั้นชื่อใช่ชิงเยว่ นอกจากนี้ลูกสาวไช่ชิงเยว่ เวินรั่วก็มากับเธอด้วย
ใช่ชิงเยว่และเวินรั่วหน้าตาไม่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับพันธุกรรมของตระกูลเจี่ยน
แต่ยังไงก็ตาม ภาพพจน์และมารยาทของพวกเธออยู่ในอีกระดับหนึ่ง
ในฐานะบุคคลจากตระกูลที่มีชื่อเสียงด้านวรรณกรรม การกระทําของพวกเธอดูสง่างามและประณีต
พวกเธอไม่ได้ทําอะไรที่หวือหวาและการกระทําของพวกเธอสามารถยืนหยัดรับความชื่นชมได้เป็นอย่างดี
เวิ่นรั่วอายุยี่สิบปี เธอมีอายุมากกว่าเจี่ยนอีหลิงสองปี
ปัจจุบันเธอกําลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยทั่วไปเปยจิง เวินรั่วเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยปีที่สาม
หลังจากทักทายปราศัยกันพอเหมาะพอควรกับย่าเจี่ยนแล้ว เวินน่วนก็นําทางพี่สะใภ้และหลานสาวเธอไปที่ทางออก
เวินรั่วอ้าปากถามเกี่ยวกับเจี่ยนอีหลิง
“อาหญิง ย่าเจี่ยนบอกว่าเจี่ยนอีหลิงกําลังศึกษาอยู่ที่เปยจิงด้วยเหมือนกัน เธอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยไหนเหรอ”
ในอดีต เจี่ยนอีหลิงคะแนนแย่มาก นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้
นอกจากนี้ เวินน่วนไม่เคยพูดถึงการเรียนของลูกสาวเลยทุกครั้งที่เธอกลับมาที่ตระกูลเวิน ด้วยเหตุนี้ตระกูลเวินจึงสรุปว่าเวินน่วนละอายใจที่จะพูดถึงลูกสาว เนื่องจากเจี่ยนอีหลิงเรียนได้ไม่ดีนัก
ด้วยเหตุนี้ตระกูลเวินจึงไม่ถามคําถามดังกล่าวกับเวินน่วน
แต่ยังไงก็ตาม ตระกูลเวินไม่รู้ความจริงว่าถ้าเป็นไปได้ เวินน่วนก็อยากให้ลูกสาวเธอเหมือนเดิมดีกว่า ไม่เป็นไรถ้าลูกสาวเธอไม่ชอบเรียนหรือทํางาน ไม่เป็นไรที่จะปรนเปรอและทําให้ลูกสาวเธอเสียคน ไม่ว่ายังไงเธอก็แค่ไม่ต้องการให้ลูกสาวทําตัวดีและจริงจัง
ด้วยเหตุผลเหล่านี้เวินน่วนจึงไม่ได้กล่าวถึงการศึกษาของลูกสาวเธอกับตระกูลเวิน
“เธอกําลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเปยจิง” เวินน่วนตอบ เมื่อเธอถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็ได้แต่บอกความจริงกับพวกเธอ
มหาวิทยาลัยเปยจิงเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเปยจิง
แม้ว่ามหาวิทยาลัยทั่วไปเปยจิงจะได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีมาก แต่มหาวิทยาลัยก็ยังด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยเปยจิง
“มหาวิทยาลัยเปยจิงเหรอ?” เวินรั่วพูดซ้ําด้วยความไม่เชื่อ
ลูกพี่ลูกน้องที่เย่อหยิ่งและอวดดีของเธอเข้ามหาวิทยาลัยเปยจิงงั้นเหรอ?
“อาหญิง ทําไมถึงไม่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้”
“ก็ไม่มีอะไรมากนี่” เวินน่วนตอบ เธอไม่ชอบพูดถึงเรื่องนี้
หากความมีชีวิตชีวาและความสุขของลูกสาวต้องแลกกับความรักในการเรียนรู้ นั่นเป็นการแลกเปลี่ยนที่เวินน่วนไม่ต้องการรับ
เธอไม่ต้องการให้ลูกสาวเธอเป็น “ลูกที่ฉลาด” แต่เธออยากได้อีหลิงที่น่ารักของเธอกลับมา
บทที่ 540 นั่นนายน้อยของตระกูลฉินไม่ใช่เหรอ?
ด้วยเหตุนี้เวินน่วนจึงไม่สนใจที่จะพูดถึงสิ่งใดเกี่ยวกับการศึกษาของเจี่ยนอีหลิง
ไม่ว่ายังไงก็ตาม ทัศนคติของเวินน่วนยากที่จะทําให้พี่สะใภ้และหลานสาวของเธอเชื่อว่าเจี่ยนอีหลิงกําลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเปยจิงจริงๆ
แม้จะไม่เชื่อ ไช่ชิงเยว่และเวินรั่วก็ตัดสินใจที่จะไม่แสดงความคิดเห็นกับการโกหกของเวินน่วน
ไม่ใช่เรื่องสุภาพที่จะเปิดโปงคนที่จงใจโกหกพวกเธอ การทําแบบนี้จะทําให้เวินน่วนอับอายอย่างแน่นอน
ดังนั้น ไช่ซิงเยว่ก็ได้พูดกับเวินน่วนว่า “อืม เนื่องจากตระกูลของเธอจะพักอยู่ที่เปยจิงสักพัก เธอคงต้องใส่ใจกับเรื่องจุกจิกมากมาย มีครอบครัวที่มีอิทธิพลมากมายในกรุงเปยจิง โปรดพยายามอย่าไปล่วงเกินพวกเขา เมื่อเร็วๆนี้พี่ชายใหญ่และน้องชายรองของเธอทําธุรกิจร่วมกัน ตอนนี้ เป็นจุดสําคัญในการติดต่อทางธุรกิจของพวกเขา เราไม่ต้องการความล้มเหลวใดๆ”
แม้ว่าพวกเธอไม่ได้คาดหวังว่าตระกูลเจี่ยนจะล่วงเกินใครก็ตาม แต่ก็ดีกว่าที่จะปลอดภัยแทนที่จะเสียใจ คําเตือนย่อมไม่เป็นอันตรายต่อใคร
เนื่องจากทั้งสองครอบครัวมีความเกี่ยวดองกัน หากเกิดปัญหาขึ้น ตระกูลเวินก็จะต้องเข้ามาร่วมด้วยเช่นเดียวกัน
“พี่สะใภ้ พี่คิดมากเกินไปกับสถานการณ์นี้ เราจะเจอใครในเปยจึงได้ล่ะ?”
เวินนวนคิดว่าไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น
พวกเขาจะไปล่วงเกินใครในเปยจึงได้กัน?
พวกเขามาที่นี่เพื่อฉลองวันเกิดอีหลิงเท่านั้น
แต่ทว่าย่าเจี่ยนล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมพวกเขาจึงต้องอยู่ที่เปยจิงไปอีกสองสามวันข้างหน้า
ขณะที่ไช่ชิงเยว่สนทนากับเวินน่วน เธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคยเดินผ่านมา
ไช่ชิงเยว่หันหน้ากลับไปมองทันที
บุคคลผู้นั้นสูง 185 เซนติเมตรและสวมชุดสูทที่รีดอย่างดี เขามีภาพพจน์ที่โดดเด่นเช่นเดียวกัน
นอกจากความสูงและภาพลักษณ์ของเขาแล้ว ผู้ชายคนนั้นยังดูดีมากอีกด้วย เขามีสันจมูกโด่ง และใบหน้าที่คมคาย
เป็นไปไม่ได้ที่จะเพิกเฉยเขา รูปลักษณ์เขานั้นทิ้งความประทับใจไว้ลึกล้ํา
ไช่ชิงเยวประหลาดใจที่เห็นฉันชวน “นั่นไม่ใช่ นั่นไม่ใช่นายน้อยของตระกูลฉินเหรอ”
ใช่ซิงเยว่รู้จักฉันชวน
ตระกูลฉินและตระกูลจํายเป็นครอบครัวที่ร่ํารวยและมีอํานาจมากที่สุดในเปยจิง
นอกเหนือจากความเป็นจริงนี้ ตระกูลฉินมักจะเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับตนเอง ดังนั้นทุกคนในเปยจิงจึงรู้จักตระกูลของพวกเขา
การกลับมาของฉันชวนสู่ตระกูลฉินนั้นเป็นที่รู้จักของทุกคน
ในทางกลับกัน ตระกูลจํายนั้นกลับยิ่งเก็บตัว แม้แต่รูปถ่ายของสมาชิกในครอบครัวก็ไม่ปรากฏออนไลน์
ขณะที่ใช่ชิงเยว่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็เห็นฉินชวนเดินเข้าไปในห้องย่าเจี่ยน
นี่ยิ่งทําให้เธอตกใจมากขึ้นไปอีก
เกิดอะไรขึ้น?
ทําไมนายน้อยของตระกูลฉินถึงเข้ามาในห้องย่าเจี่ยนนี้
“พวกเธอรู้จักนายน้อยของตระกูลฉินเหรอ” ไช่ชิงเยว่ถาม ใบหน้าเธอมีสีหน้าประหลาดใจ
เวินรั่วมีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน สายตาเธอยังคงติดตามฉินชวนไป
“เขาเคยเป็นติวเตอร์ของอีหลิง” เวินน่วนตอบ
ฉินชวนเป็นติวเตอร์ของเจี่ยนอีหลิงงั้นเหรอ
นั่นเป็นโชคแบบไหนกัน?
“เขาเป็นติวเตอร์อีหลิงเท่านั้นเองเหรอ?”
ฉันชวนมาเยี่ยมย่าเจี่ยนเมื่อตอนเธอป่วย
ติวเตอร์ธรรมดาไม่จําเป็นต้องมาเยี่ยมในสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เหรอ
“ใช่ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เขาอาจจะแค่ต้องการรําลึกถึงช่วงเวลาเก่า ไม่ว่ายังไง เราทั้งคู่ก็มาจากเมืองเหิงหยวน” เวินน่วนกล่าว
ลิฟต์มาถึงขณะที่พวกเธอพูดคุยกัน ไช่ชิงเยว่และเวินรั่วกําลังจะลงลิฟต์ไปที่ชั้นล่าง
“แม่ สร้อยข้อมือหนูหาย” เวินรั่วกล่าว
“โอ้? ลูกลืมสร้อยข้อมือไว้ที่วอร์ดย่าเจี่ยนงั้นเหรอ งั้นกลับไปหากันเถอะ”
จากนั้น ไช่ชิงเยว่และเวินรั่วจึงได้กลับไปที่วอร์ดย่าเจี่ยน
เมื่อพวกเธอเข้ามา ฉันชวนก็กําลังปลอบโยนย่าเจี่ยน
เขาไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเท่านั้น แต่เขายังปฏิบัติต่อย่าเจี่ยนด้วยความเคารพอีกด้วย
ราวกับว่าเขายังเป็นติวเตอร์ของเจี่ยนอีหลิง เขาไม่ได้กระทําด้วยความเย่อหยิ่งดังที่คาดหวังไว้จากนายน้อยของตระกูลฉิน
สิ่งนี้ทําให้สมาชิกของตระกูลเจี่ยนรู้สึกปลื้มใจเหลือเกิน นอกจากนี้ สิ่งนี้ยังทําให้พวกเขาประทับใจฉินชวนด้วยเช่นเดียวกัน