บทที่ 557เจี่ยนหยู่โปมอบส่วนแบ่งของตนเอง
เจี่ยนอีหลิงมองไปที่ทนายความที่อยู่ตรงหน้า สัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี
“คุณหนูอีหลิง ผมเป็นทนายความของมิสเตอร์เจียนหยู่โป๋ เขาประสงค์จะโอนหุ้นบางส่วนภายใต้ชื่อเขาเป็นชื่อของคุณหนู
สามปีที่แล้วเจี่ยนหยู่โป๋ได้เอาหุ้นของปู่เจี่ยนไป ในเวลาเดียวกันเขาก็กลายเป็นประธานของธุรกิจตระกูลเจียนด้วย
ยังไงก็ตาม เขาก็ได้มอบสิทธิ์การจัดการให้กับเจียนหยุ่นเฉิง
ในช่วงสามปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับการจัดการเป็นอย่างดีโดยเจี่ยนหยุ่นเฉิง ตามจริงมูลค่าของบริษัทก็ได้เพิ่มขึ้น
แต่ไม่ว่ายังไง เจียนหยู่โป๋ก็ได้ให้เกียรติคําพูดที่เขาได้กล่าวไว้แต่ต้นเช่นเดียวกัน
เขาได้ตัดสินใจคืนหุ้นคืนให้กับคนอื่นๆจากตระกูลเจียน
“เขาให้มาเท่าไหร่” เจียนอีหลิงถาม
“มิสเตอร์เจียนหยู่โป๋แบ่งหุ้นภายใต้ชื่อเขาออกเป็นแปดส่วนเท่าๆกัน เขามอบให้หลานทั้งแปดคนของตระกูลเจียน”
แปดส่วนเท่าๆกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เขาไม่ได้ถือหุ้นใดๆไว้สําหรับตัวเขาเองเลย
เขารับส่วนแบ่งของปูเจี่ยนทั้งหมด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เหลืออะไรไว้ให้ตัวเองเลย
ด้วยเหตุนั้น เขาได้ตัดขาดการเชื่อมต่อเพียงหนึ่งเดียวที่เขามีกับตระกูลเจี่ยน
เขารอมาสามปี สามปีจากนั้น เจี่ยนอีหลิงซึ่งเป็นน้องคนสุดท้องในหมู่พวกเขาก็มีอายุครบสิบแปดปี
และจากนั้น เขาก็มอบทุกอย่างให้กับพวกเขา เขาไม่ปล่อยหุ้นให้กับคนรุ่นก่อน
เจียนหยู่โป๋ไม่ต้องการให้พ่อแม่เขาได้รับเงินใดๆ
“เขาอยู่ที่ไหน?”
เจี่ยนอีหลิงไม่ต้องการเซ็นสัญญาโอนหุ้นที่อยู่ตรงหน้า
“ผมเสียใจมาก คุณหนูอีหลิง ผมไม่สามารถตอบคําถามของคุณหนูได้ ในเมื่อผมเป็นแค่ทนายความของมิสเตอร์เจียนหยู่โป๋ และด้วยเหตุนี้ ผมจึงมีหน้าที่รับผิดชอบเพียงแค่ในการจัดการเรื่องความเป็นเจ้าของหุ้นเหล่านี้เท่านั้น ผมไม่รู้ว่ามิสเตอร์เจี่ยนหยู่โป๋อยู่ที่ไหน”
เจียนอีหลิงมองทนายตรงหน้าเธอครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็พูดว่า “ฉันไม่เซ็นสัญญานี้”
“คุณหนูอีหลิง เจียนหยู่โป๋มอบหุ้นให้คุณหนูฟรีนะ”
ในอาชีพการงานของเขา ทนายความได้เห็นผู้คนแข่งขันกันแย่งชิงหุ้น แต่ยังไงก็ตาม มันค่อนข้างหายากที่จะมีคนไม่ยอมรับหุ้นที่แจกให้ฟรีๆ
“ฉันไม่เซ็น” เจียนอีหลิงพูดซ้ํา ทัศนคติเธอมั่นคงมาก
“คุณหนูอีหลิง” ทนายตกตะลึงอีกครั้ง เขาพยายามโน้มน้าวใจเจียนอีหลิง
“ฉันไม่เซ็น” เจียนอีหลิงตอบอีกครั้ง คําตอบเธอไม่เปลี่ยนแปลง เธอไม่คิดที่จะพูดอะไรกับทนายอีก
ด้วยเหตุนี้ ทนายความจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดว่า “เอ้อ คุณหนูอีหลิง โปรดพิจารณาการตัดสินใจของคุณหนูอีกครั้ง ผมจะมาเยี่ยมคุณหนูวันอื่นก็แล้วกัน”
จากนั้นทนายก็ออกไป
เจียนอีหลิงคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น เธอก็ตัดสินใจตามหาเจียนหยู่โป๋
แต่ยังไงก็ตาม การค้นหาที่อยู่ของเจี่ยนหยู่โป๋นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ในตอนนี้ เจี่ยนอีหลิงสามารถค้นหาที่อยู่ของคนทั่วไปได้อย่างง่ายดาย
แต่ยังไงก็ตาม เจี่ยนหยู่โป๋ไม่ได้จัดว่าเป็นบุคคลทั่วไป
ในหมู่บ้านบนภูเขาเล็กๆที่ไม่มีชื่อ
ในอาคารที่เรียบง่ายและไม่มีเครื่องตกแต่ง
ลานภายในอาคารดูเหมือนจะมีประวัติศาสตร์หลายร้อยปี
มีสะพานเล็กๆข้ามลําธารน้ําไหล นอกจากนี้ยังมีขั้นบันไดหินปูนในเส้นทางใกล้เคียง
เจียนหยู่โป๋แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา เขานั่งไขว่ห้างบนเฉลียงไม้
โทรศัพท์ข้างมือเขาดูไม่เข้ากันกับสภาพรอบข้างเป็นอย่างมาก
ข้อความล่าสุดทางโทรศัพท์ถูกส่งถึงเขาโดยทนายความ
เจียนอีหลิงปฏิเสธที่จะยอมรับหุ้น
เจี่ยนหยู่โป๋มองข้อความอย่างเงียบๆ
ชายชราคนหนึ่งเดินผ่านมา
“อาา หัวใจของเธอยังไม่สามารถเยือกเย็นลง จิตใจของเธอยังคงอยู่ที่นั่น”
เจี่ยนหยู่โป๋ได้ละทิ้งความทรงจําอันเจ็บปวดของเขาไปแล้ว แต่ยังไงก็ตามเขาก็ยังรู้สึกไม่สามารถที่จะเยือกเย็นลงได้
ถึงจะได้ยินแบบนี้ เจียนหยู่โป๋ก็ไม่ได้ตอบสนอง
ชายชราส่ายหน้าและถอนหายใจ “หัวใจทุกดวงเกิดมาอย่างโดดเดี่ยวและไม่สมบูรณ์ คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความไม่สมบูรณ์นี้”
เจี่ยนหยู่โป๋หันหน้าเพื่อดูข้อความในโทรศัพท์อีกครั้ง
บทที่ 558 ปัญหาของตระกูลเหวิน 1
ในสองสามวันต่อจากนั้น ตระกูลเวินก็ได้ประสบปัญหาเล็กน้อย
นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ก็ยังค่อนข้างน่ารําคาญอยู่ดี
ใช่ซิงเยวชนคนอื่นขณะขับรถ คนที่เธอชนนั้นจบลงที่โรงพยาบาล
ใช่ชิงเยว่เป็นผู้รับผิดชอบในอุบัติเหตุครั้งนี้ เธอต้องการยุติเรื่องนี้ด้วยตัวเองกับอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ยังไงก็ตามอีกฝ่ายได้ยืนกรานที่จะขึ้นศาล
หลังจากถามไปทั่ว ไช่ชิงเยว่ก็รู้ว่าคนที่เธอชนนั้นถือว่ามีอิทธิพลค่อนข้างมาก
มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการไปล่วงเกินคนที่มีอิทธิพลในเปยจิง ตระกูลเงินย่อมไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ไม่จําเป็น
ดังนั้น หากหาคนสามารถทําหน้าที่เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยให้ได้ ปัญหาก็จะได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดาย
แต่ว่ายังไงมันก็ค่อนข้างยากที่จะหาคนทําเรื่องนี้
เป็นการดีที่สุดที่จะหาคนที่มีอิทธิพลในสังคม อันที่จริง สถานะของคนเหล่านั้นก็ต้องน่าเชื่อ ถือเช่นเดียวกัน
ขณะที่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความคิดของไปชิงเยว่ก็ตกไปยังเหลียงโซ่ว เธอเห็นอาจารย์เหลียงที่งานเลี้ยงวันเกิดของเจี่ยนอีหลิง
อาจารย์เหลียงจะเหมาะสมที่สุดสําหรับสถานการณ์แบบนี้ เขาสามารถช่วยไกล่เกลี่ยให้กับพวกเขาในเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นไช่ชิงเยวจึงแนะนําเรื่องนี้ให้กับสามี เธอต้องการให้เป็นเฉิงขอร้องตระกูลเจี่ยน
แต่ทว่า เวินเฉิงปฏิเสธที่จะทําแบบนั้น เขารู้สึกว่าการทําแบบนั้นค่อนข้างน่าอายและไม่จําเป็น “รออีกหน่อยเถอะ ขอคิดหาทางออกอื่นก่อน ถ้าคิดหาวิธีอื่นไม่ได้ ฉันค่อยไปขอความช่วยเหลือจากน้องสาวและน้องเขย”
เนื่องจากสามีเธอปฏิเสธที่จะช่วย ไช่ชิงเยว่จึงตัดสินใจขอเจียนอีหลิงและเป็นนวนด้วยตัวเอง
ดังนั้น ลูกสาวเธอจึงถือโอกาสชวนเจียนอีหลิงไปเที่ยว
เวินรั่วเชิญเจียนอีหลิงออกไปชมนิทรรศการภาพวาดและการประดิษฐ์ตัวอักษร
แต่ว่าเจียนอีหลิงบอกว่าเธอยุ่งมากในวันนั้น เธอปฏิเสธคําเชื้อเชิญอย่างสุภาพ
เวินรั่วบอกแม่เรื่องเจียนอีหลิงปฏิเสธคําเชิญของเธอ
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ใช่ซิงเยว่ก็รู้สึกว่าลูกสาวเธอจัดการสถานการณ์ไม่ถูกต้อง “ทําไมลูกถึงเชิญเธอเข้าร่วมนิทรรศการภาพวาดและการประดิษฐ์ตัวอักษรล่ะ? ในเมื่อเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นเลย”
ลูกสาวเธอเชี่ยวชาญด้านศิลปะทั้งสี่ แต่ยังไงก็ตาม เจียนอีหลิงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพิณ โกะ การประดิษฐ์ตัวอักษร และภาพวาด พวกเธอไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน
“อืม ทําไมลูกไม่ชวนเธอไปช้อปปิ้งล่ะ? ลูกก็สามารถกินข้าวและดูหนังด้วยกันได้เหมือนกัน” ไช่ชิงเยวแนะนํา
ดังนั้นใช่ชิงเยวจึงชวนเวินน่วนไปซื้อของ เธอแนะนําให้พาลูกสาวมาด้วย
เนื่องจากอาการของย่าเจี่ยนเริ่มคงที่ เวินน่วนจึงยอมรับข้อเสนอของไช่ชิงเยว่ เธอไม่ได้ไปซื้อของกับลูกสาวมาระยะหนึ่งแล้ว นอกจากนี้พวกเธอก็ยังไม่ได้ไปสํารวจเปยจิงด้วยกันเลย
และด้วยเหตุนี้ เป็นนวนจึงตกลงไปด้วย
ยามค่ําคืน เป็นนวนก็ได้อ้างถึงเรื่องนี้กับเจี่ยนอีหลิง เธอระมัดระวังคําพูดเหลือเกิน
“ถ้าไม่สะดวกสําหรับลูกก็ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรหรอก แม่ค่อยรอในครั้งต่อไป”
เจียนอีหลิงมองไปที่ดวงตาที่เปียกชื้นของเวินน่วน สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถทนปฏิเสธได้
เจียนอีหลิงไปซื้อของกับแม่ ป้า และลูกพี่ลูกน้องในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์
สําหรับเด็กผู้หญิงอายุเท่าเธอ การไปเที่ยวกับเพื่อนๆเป็นเรื่องปกติ การซื้อของก็เป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกัน
แต่ยังไงก็ตามประสบการณ์นี้แปลกมากเหลือเกินสําหรับเจียนอีหลิง เธอไม่เคยไปซื้อเสื้อผ้ามาก่อน
ขณะที่พวกเธอกําลังช็อปปิ้งอยู่นั้น เวินน่วนก็ได้ซื้อของมากมายให้กับเจี่ยนอีหลิง
ไปชิงเยวชื่นชมเจี่ยนอีหลิงตลอดเช้าเช่นเดียวกัน
เมื่อตอนที่พวกเธอนั่งกินข้าวด้วยกัน ในที่สุดไช่ชิงเยว่ก็พูดถึงความตั้งใจของตนเอง
“อีหลิง ฉันพบปัญหาเล็กน้อยช่วงก่อนหน้านี้ หนูพอช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
เมื่อเป็นนวนได้ยิน รอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอก็หายไป
แต่ยังไงก็ตาม ไช่ชิงเยว่ก็ยังคงพูดต่อไปว่า “มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ฉันจําได้ว่าอาจารย์เหลียงเคยมาเพื่อฉลองวันเกิดของเธอ เธอพอจะขอให้เขาช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องนี้หน่อยได้ไหม หากว่าเขาทําให้ ปัญหาที่ฉันเจอก็จะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว”
เมื่อได้ยินคําพูดของไช่ชิงเยว่ เวินน่านก็พูดด้วยน้ําเสียงแผ่วเบาว่า “พี่สะใภ้ ฉันคิดว่าเราเพียงแค่มาซื้อของวันนี้”
ใช่ชิงเยว่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนก่อนจะพูดว่า “ใช่ แบบนั้นแหละ ฉันไม่ได้คิดถึงอย่างอื่นเลย ฉันแค่พูดผ่านๆ นั่นเป็นเพราะเราเป็นญาติกันไม่ใช่เหรอ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันเล่าให้อีหลิงฟัง เธอคงไม่อยากเห็นญาติของเธอมีปัญหาใช่ไหม”