เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ – ตอนที่ 569-570

ตอนที่ 569-570

บทที่ 569 ภรรยาของอันหยาง

หูเจียวเจียวถือกล่องอาหารกลางวันที่แพ็คไว้มาในห้องเรียน นี่คือห้องเรียนที่อันหยางเพิ่งเข้าเรียน

ไม่มีห้องเรียนตายตัวในมหาวิทยาลัย นักศึกษามีห้องเรียนที่แตกต่างกันในเวลาที่ต่างกันด้วยเหตุนี้ห้องเรียนตอนนี้จึงว่างเปล่า

หูเจียวเจียวเริ่มแกะกล่องอาหารกลางวัน เธอตอบกลับคําพูดของอันหยางอย่างเงียบๆน้ําเสียงเธอดูนุ่มนวลและอ่อนแอ “อีหลิงบอกให้ฉันดูแลนาย ฉันต้องทําสิ่งนี้ให้ดี”

จากการพูดจาและแสดงท่าทางที่อ่อนโยน หูเจียวเจียวจึงดูสมกับชื่อเล่นที่รูมเมทของอันหยางตั้งให้เธอได้จริงๆ

“ไม่เป็นไร ฉันจะบอกอีหลิงในภายหลัง ไม่ต้องมาหาฉันก็ได้” อันหยางพูดอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ยินแบบนี้ หูเจียวเจียวก็หงุดหงิดขึ้นทันที เธอพูดว่า “โอ้? นายไม่อยากเจอฉันเหรอ?”

ตอนที่เธอหงุดหงิด คําพูดของหูเจียวเจียวก็ดังกว่าปกติมาก แต่ยังไงก็ตาม เธอก็ไม่ได้น่ากลัวหรือน่าเกรงขามเลย นอกจากนี้ ท่าทางบนใบหน้าของเธอก็ยิ่งทําให้ดูเหมือนว่าเธอทําผิด

“ไม่… ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น…” อันหยางรีบอธิบาย

“แล้วนายหมายความว่ายังไง? นายต้องการให้โม่ชื่ออนเข้ามาดูแลนายแทนงั้นเหรอ” ทันใด นั้นหูเจียวเจียวก็พลันแสดงความเห็น

“ไม่ อย่าพูดไร้สาระสิ”

นั่นเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ทําไมหูเจียวเจียวถึงพูดถึงเรื่องแบบนี้ในตอนนี้กัน?

หูเจียวเจียวมองไปที่อันหยาง ก่อนเธอจะงอน “ฮี ใครจะรู้ว”

ย้อนกลับไปในตอนนั้น ทุกคนในโรงเรียนมัธยมปลายเชิงหัวรู้ว่าอันหยางกําลังไล่ตามหาความรักของโม่ชื่ออริ้น เขาทําเรื่องใหญ่จากตรงนั้น

“เธอพูดพล่ามเรื่องอะไร” อันหยางครางออกมา ในเมื่อเขาก็หงุดหงิดขึ้นมาอยู่บ้าง อันหยางก็เสียงดัง

เนื่องจากเสียงของอันหยางนั้นดังอยู่แล้ว นั่นจึงค่อนข้างน่ากลัวเมื่อเขาขึ้นเสียง นอกจากนี้เขามักจะคลั่งไคล้และคาดเดาไม่ได้

ดังนั้น เมื่อหูเจียวเจียวได้ยินเสียงคํารามของอันหยาง ดวงตาเธอก็แดง

“อะไร… ทําไม.. เธอร้องไห้ทําไม” อันหยางพูดด้วยน้ําเสียงตกใจ เสียงเขาอ่อนลงทันที

เขาไม่ได้พยายามทําให้เธอกลัว นี่เป็นแค่นิสัยเขา

อ่านนิยายได้ที่ wwwcat2auto.com

แต่ยังไงก็ตาม น้ําตาของหูเจียวเจียวก็เริ่มคลอเบ้า

“อย่า… อย่าร้องไห้… อาา… ฉัน ฉันผิดเอง…”

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ อันหยางตัดสินใจยอมรับความผิดพลาดของตัวเองอย่างรวดเร็วแต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองทําอะไรผิด

“นายทําอะไรผิด” หูเจียวเจียวถามขณะจ้องไปที่อันหยาง

“ฉัน… ฉันไม่รู้” อันหยางตอบเบาๆ เขาไม่รู้ว่าเขาทําอะไรให้หูเจียวเจียวอารมณ์เสีย “แต่ไม่ว่ายังไง เรื่องของโม่ชื่ออขึ้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้ว เรื่องนั้นเกิดขึ้นไปตั้งแปดร้อยปีก่อน”

“แต่… แต่นายก็ยังไม่อยากให้ฉันมาเยี่ยมนาย…”

“ฉันไม่อยากให้เธอเหนื่อย เธอยังต้องเล่าเรียน” อันหยางอธิบาย

เมื่อได้ยินคําอธิบายนี้ หูเจียวเจียวก็เงยหน้าขึ้น เธอมองที่อันหยางด้วยดวงตาที่เร่าร้อน

อันหยางหัวใจเริ่มเต้นถี่เร็วขึ้น “ถ้าอย่างนั้น เธอ เธอโกรธเพราะคิดว่าฉันไม่ชอบที่เธอมาเยี่ยมฉันเหรอ?”

หูเจียวเจียวทําหน้าบึงก่อนจะเบือนหน้าหนี

เธอไม่ปฏิเสธและไม่ยอมรับ

ทันใดนั้น อันหยางก็นึกขึ้นได้

“พริก เธอชอบฉันเหมือนกันใช่ไหม”

หูเจียวเจียวอ้าปากค้าง “มีใครชอบนายอีก? และนายหมายความว่ายังไงด้วย? ใครมา สารภาพกับนาย คือ”

“ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ไม่มีใครชอบฉันอีกแล้ว ฉันแค่… ฉันก็แค่… เป็นฉันเองฉันชอบเธอ”

อันหยางรีบอธิบาย แต่ทว่า ขณะที่เขาประหม่ามากเกินไปนั้น เขาก็เริ่มที่จะพูดตะกุกตะกักกับคําพูดของเขา

เมื่อได้ยินแบบนี้ หูเจียวเจียวก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์

จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลง

อันหยางหมดหวังที่จะได้ยินคําตอบจากหูเจียวเจียว เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “แล้ว.. แล้วเธอชอบฉันด้วยไหม”

พวกเขาสองคนรู้จักกันเพราะเงี่ยนอีหลิง ถึงตอนนี้ พวกเขาก็รู้จักกันมาสามปีแล้ว

แต่ไม่ว่ายังไง หูเจียวเจียวก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้น เธอไม่ได้ทําเสียงปฏิเสธคําถามเขาเช่นเดียวกัน

ทันใดนั้น อันหยางก็นึกขึ้นได้มาอีกอย่าง

“พริก” เขาเรียก

จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลง และจูบ หูเจียวเจียว

แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้จูบกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ก็ราวกับว่าการกระทําดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากสัญชาตญาณของเขา

ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็แยกจากกัน

แต่ทว่า ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองนั้นแดงเหมือนปูที่นึ่งสุกแล้ว

บทที่ 570 ความอิจฉาของทั้งสองฝ่าย 1

จํายหวินเชิงพบฉินหยูฝานในงานเลี้ยงอาหารค่ําซึ่งจัดโดยบริษัทที่ก่อตั้งโดยฉินชวน

เนื่องจากจํายหวินเพิ่งเป็นนายน้อยของตระกูลจําย และฉินหยูฝานก็เป็นหญิงสาวของ ตระกูลฉินทั้งสองคนจึงกลายเป็นจุดสนใจโดยธรรมชาติ

ยังไงก็ตาม ด้วยธรรมชาติของตัวของมันเอง นี่เป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจสําหรับฉันหยุฝานในการเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ําที่ฉันชวนเป็นเจ้าภาพ

เพราะนี่คือบริษัทที่ก่อตั้งโดยฉันชวน ดังนั้น ตามหลักการแล้ว บริษัทนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉินกรุ๊ป

นอกจากนี้ ทุกคนต่างก็รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉินชวนและฉินหยุฝาน

ดังนั้นจึงมีเหตุผลที่จะสันนิษฐานว่าฉันหยุฝานจะไม่เข้าร่วมในโอกาสดังกล่าว

แต่ถึงยังไงเป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจเลย เมื่อทุกคนเห็นฉินหยูผ่านเดินไปยังจํายหวินเชิง

สิ่งนี้ไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้ใดในวงสังคมของพวกเขา

ไม่มีความลับอะไรกับการที่ฉินหยูฝานไล่ตามจํายหวินเพิ่งมาหลายปีแล้ว

แต่ยังไงก็ตามเมื่อเขาเห็นเธอเข้าใกล้ ทัศนคติของจํายหวินเชิงที่มีต่อฉินหยูฝานก็ยังคงเฉยเมย

“นายท่านเชิง นายไม่จําเป็นต้องหลีกเลี่ยงฉันมากนักหรอก ฉันรู้ว่านายชอบใครบางคนอยู่ฉันจะไม่ทําตัวหน้าด้านหรอก แต่ยังไงก็ตาม ฉันก็ยังคงรู้สึกว่าวิธีการที่นายมองสิ่งต่างๆนั้นแปลกเหลือเกินทําไมนายถึงชอบเด็กนั่นได้”

ภาพลักษณ์ของฉันหยุฝานยังคงหยิ่งผยองและเย่อหยิ่ง แม้ว่าเธอจะยอมรับความพ่ายแพ้แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะแสดงความอ่อนแอใดๆ

ที่จริง เป็นความภาคภูมิใจของเธอที่ได้หยุดเธอจากการไล่ตามจํายหวินเชิง เธอรู้ว่าเขามีคนอื่นในหัวใจแล้ว

นี่เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลยในการที่จะยอมรับสิ่งนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอทุ่มเทเวลา แรงกายและเงินไปมากมาย ถึงกระนั้น เธอก็ไม่ต้องการที่จะดูเหมือนเป็นคนอ่อนแอต่อหน้าใครๆ

“มิสหยุฝาน โปรดระวังคําพูด” จํายหวินเพิ่งเตือน

“โอ้? นายเป็นห่วงเธอเหรอ?” ฉินหยุฝานแสดงความเห็น

ในใจเธอ เธอดูถูกเงี่ยนอีหลิงเมื่อตอนที่เธอพูดแบบนี้ แต่ถึงยังไง เธอก็ยังอกหักเช่นเดียวกันในความเป็นจริง ความรู้สึกอกหักนั้นมีน้ําหนักมากกว่าสิ่งอื่นใด

เธอรู้ดีว่า ถ้าชายคนนี้ตกหลุมรักใครซักคน เขาก็จะมีเพียงจุดเดียวในใจตนเองสําหรับคนนั้นเพียงคนเดียว

น่าเสียดายที่คนๆนั้นไม่ใช่เธอ

อา…. ความเป็นจริงนั้นเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ

จํายหวินเซึ่งไม่ได้ตอบกลับในเรื่องนี้ เขาเต็มใจที่จะเป็นห่วงเธอคนนั้น ไม่ว่ายังไง สิ่งนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับใครเลย มันเป็นเรื่องของเขา

ฉินหยุฝานจัดการอารมณ์ของเธอก่อนจะถามจํายหวินเยิ่งว่า “ทําไมวันนี้นายไม่พาเธอมาด้วย”

“เธอไม่ชอบมางานแบบนี้” จํายหวินเชิงตอบ เงี่ยนอีหลิงไม่ชอบเสียงดัง

“โอ้ นั่นไม่จําเป็นต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไป ในเมื่อฉันชวนเป็นคนจัดงานเลี้ยงอาหารค่ํานี้ โปรดอย่าลืมว่าเธอก็เคยอยู่ในงานดังกล่าวมาก่อน”

ฉินหยุฝานตั้งใจพูดถึงเรื่องนี้ อย่างที่เธอคาดไว้ ใบหน้าของจํายหวินเซิ่งมืดลงเมื่อได้ยินเรื่องนี้

ทันใดนั้น ฉันหยุฝานก็รู้สึกดีขึ้นมาก

เวินเฉิง ไช่ชิงเยว่ และเวินรั่ว เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ําครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งสามคนแต่งตัวเรียบร้อย ชุดของไช่ชิงเยว่และเป็นรั่วเรียบง่ายแต่ก็สง่างาม

ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยฉันชวนหรือตระกูลฉินที่อยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง ทั้งสองล้วนเป็นตัวตนที่ผู้คนนับไม่ถ้วนจับตามอง

บริษัทของฉันชวนกําลังจะตีตลาด หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น คุณค่าของฉันชวนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

และนี่คือเหตุผลที่ว่าทําไมฉันชวนถึงได้รับความเคารพในเปยจิง แม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายนอกกฎหมายของตระกูลฉิน แต่เขาก็ยังมีความสามารถมากเหลือเกิน

“แม่ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” เป็นรั่วถามขณะชี้ไปที่จํายหวินเพิ่ง

จากนั้น เธอก็ไม่สามารถละสายตาจากเขาไปได้อีก

ครั้งที่แล้ว เธอตกตะลึงเมื่อเห็นฉันชวน

แต่ยังไงก็ตาม ชายคนนี้มีเสน่ห์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า

ใช่ชิงเยวมองตามสายตาของลูกสาว เธอเห็นชายหนุ่มรูปหล่อที่มีลักษณะไร้ที่ติ แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะไม่แยแสกับทุกสิ่ง

“ฉันไม่แน่ใจ ผู้คนจํานวนมากเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ํานี้ วันนี้คงจะมีคนทุกประเภทที่นี่”

วันนี้ เจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ําไม่ใช่ฉินกรุ๊ปแต่เป็นฉินชวน

ฉันชวนเริ่มต้นบริษัทจากความว่างเปล่า เนื่องจากบริษัทเขาทําเงินได้ดี ผู้จัดการและผู้บริหารจึงร่ํารวยอย่างรวดเร็วเหลือเกิน

ดังนั้น ในสายตาของใช่ชิงเยว่ คนหนุ่มสาวที่นี่จึงเป็นเพียงเศรษฐีหน้าใหม่เท่านั้น

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

Status: Ongoing

เดิมที เจี่ยนอีหลิง (简一凌) เป็นตัวละครประกอบที่มีชะตากรรมเป็นแนวหน้ากล้าตาย แต่ทว่าเมื่อตอนนี้เธอมีความทรงจำจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เจี่ยนอีหลิง ซึ่งเป็นผู้อ่านได้ย้ายเข้ามามีตัวตนในนิยาย จึงได้เปลี่ยนแปลงตนเองไปเป็นผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงแต่เจี่ยนอีหลิงจะไม่สนใจในตัวเอกชาย แต่เธอยังคงทำให้ผู้คนรอบกายเธอตกตะลึง สับสน งงงัน

ตามต้นฉบับแล้ว พี่ชายทั้งหลายต่างพากันเกลียดเธอ แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนพากันปกป้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย

“อี้หลิงตกใจง่าย อย่าทำให้เธอกลัว”

“อี้หลิงไม่เคยไปที่ไกลๆ อย่าหลอกเธอ”

“อี้หลิงมีร่างกายอ่อนแอ ห้ามรังแกเธอ”

คนอื่นๆ ต่างต้องการร่ำร้องไม่อยากเชื่อ มั่นใจเหรอว่าเธอน่ะน่ารักและถูกรังแกได้ง่ายๆ ใครกล้ารังแกเธอกัน ในขณะที่พวกเขาล้วนคิดว่าเพียงแค่บรรดาพี่ชายตระกูลเจี่ยนก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง แต่นั่นก็ยังมีคนอื่นที่คอยเติมส่วนที่เหลือ

นายท่านเชิ่ง “อี้หลิงเป็นคนเปราะบางมาก อย่าทำให้เธอโกรธ ถ้าคุณทำให้เธอโกรธ ผมจะหั่นคุณออกเป็นชิ้นๆและทำเป็นน้ำซุป”

คนอื่นๆ “นายท่านเชิ่ง ผมคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับดวงตาคุณ ผมแนะนำให้คุณไปหาจักษุแพทย์”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท