เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ – ตอนที่ 565-567

ตอนที่ 565-567

บทที่ 565 ทำไมกล่องอาหารกลางวันสีชมพูสองกล่องถึงมาอยู่ที่นี่?

แม้ว่าวันหยุดสุดสัปดาห์จะเป็นช่วงเวลาพักผ่อนที่หายาก แต่เงี่ยนอีหลิงก็ยังคงตื่นแต่เช้า

แต่ทว่า จ๋ายหวินเชิงไม่ได้ลุกขึ้นพร้อมกันเหมือนเคย

ดังนั้นเจี้ยนอีหลิงจึงไปเคาะประตูห้องจำยหวินเชิง เธอรออยู่ชั่วขณะ แต่เธอก็ไม่ได้รับการตอบกลับ

เนื่องจากเจียนอีหลิงกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของจำยหวินเชิง เธอจึงเปิดประตูเข้าไป

มีเสียงเพลงดังอึกทึกในห้องของจำยหวินเชิง

เสียงน้ำก็ดังออกมาจากห้องน้ำ

เมื่อได้ยินแบบนี้ เงี่ยนอีหลิงก็ตระหนักว่าจำยหวินเพิ่งตื่นแต่เช้าเพื่อไปอาบน้ำ แต่เพราะเนื่องจากเสียงเพลงและน้ำ เขาจึงไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูของเจียนอีหลิง

หลังจากเข้ามาในห้อง เจี้ยนอีหลิงก็สังเกตเห็นกล่องอาหารกลางวันลายการ์ตูนสีชมพูสองกล่องบนโต๊ะข้างเตียง

ดูเหมือนว่ามันเป็นกล่องอาหารกลางวันของเธอ

เธอเป็นคนมอบให้กับเขา

แต่ว่าทำไมพวกมันถึงมาอยู่ที่นี่?

เมื่อถึงตอนนี้ ประตูห้องน้ำก็เปิดออก จำยหวินเชิงก็ออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวรอบตัวส่วนล่าง

ยังคงมีหยดน้ำเกาะพราวอยู่บนร่างกาย ผมยังเปียก

ทันทีที่จำยหวินเพิ่งเห็นเงี่ยนอีหลิงในห้อง เขาก็ถามขึ้นว่า “ทำไมเธอถึงเข้ามา”

“นายไม่ตื่นตามเวลา”

“ฉันไม่เป็นไร ฉันเพิ่งอาบน้ำ”

จากนั้นจำยหวินเซิ่งก็มองไปที่เจี้ยนอีหลิง เจี้ยนอีหลิงตอนนี้กำลังอยู่ในชุดนอน เธอตัวเล็กน่ารักเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังยืนห่างจากเขาไม่ถึงสองเมตร

ทั้งสองมองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วนอยู่ครู่หนึ่ง

หลังจากเงียบอยู่นาน เจี๋ยนอีหลิงก็ชี้ไปที่กล่องอาหารกลางวันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง “ทำไมพวกมันถึงมาอยู่ที่นี่”

“เธอคิดว่าพวกมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ” จำยหวินเชิงถามแทนการตอบ

“พวกมันเป็นกล่องอาหารของฉัน”

“เธอให้พวกมันแก่ฉัน”

“อืม ไม่เหมาะที่นายจะใช้”

“แต่ฉันอยากเก็บไว้”

” ทำไม?”

จำยหวินเฉิ่งไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่เขาตอบว่า “อืม ฉันจะทิ้งคำถามนั้นไว้ให้เธอคิด”

เงี่ยนอีหลิงมองจำยหวินเฉิ่งด้วยสายตาสับสน

เธอพบว่ามันยากที่จะเข้าใจความหมายในคำพูดของจำยหวินเชิง

ดังนั้น จำยหวินเชิงได้แต่กัดฟันแน่น เขารู้สึกโกรธและหงุดหงิดขณะที่ถามขึ้นว่า “เธอเพียงแค่คิดถึงกล่องอาหารสองกล่องนี้ตอนที่มองฉันอยู่เหรอ”

เธอไม่ได้เอียงอายเลยแม้สักนิด เธอไม่รู้สึกอับอายเลยแม้แต่น้อย

เขายังมีเสน่ห์ไม่พองั้นเหรอ? หรือเธอไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกในสมองขี้เลื่อยนั้นนอกจากความ

“ดูดี” เจียนอีหลิงแสดงความคิดเห็นออกมาในทันใด

“อะไรนะ?”

“นายยังดูดีมาก” เจี้ยนอีหลิงพูดซ้ำ

เงี่ยนอีหลิงคิดว่าเขาดูดีตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเห็นเขา

หลังจากพูดอย่างนั้นแล้ว เงี่ยนอีหลิงก็ออกจากห้องของจำยหวินเชิง

เมื่อได้ยินแบบนี้ จำยหวินเซิ่งก็เริ่มหัวเราะ อย่างน้อยเธอก็มีรสนิยมดี

จากนั้นเจี้ยนอีหลิงก็เริ่มเตรียมอาหารเช้า จำยหวินเซิ่งอยู่เคียงข้างเธอเพื่อให้ความช่วยเหลือ

หลังอาหารเช้า เจียนอีหลิงก็วุ่นวายอีกครั้ง

แต่ยังไงก็ตาม จำยหวินเชิงไม่อยากให้เธอหมดแรง เมื่อเขาเข้าไปหาเธอ เขาก็ตระหนักว่าเจียนอีหลิงกำลังตรวจสอบธุรกิจตระกูลเจียน

“เธอสนใจสิ่งเหล่านี้ด้วเหรอ”

เงี่ยนอีหลิงส่ายหน้าเธอไม่ได้สนใจในธุรกิจ

“แล้วทำไมเธอถึงดูของพวกนี้”

“วางแผน” เงี่ยนอีหลิงตอบ เธอต้องการวางแผนเรื่องบางอย่างสำหรับตระกูลเจียน

ดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถหยุดเรื่องราวบางอย่างไม่ให้เกิดขึ้นได้

เลือดออกในสมองของย่าเจียนเป็นไปตามกำหนด

ดังนั้น แทนที่จะวิ่งหนีจากเหตุการณ์ดังกล่าว เงี่ยนอีหลิงตัดสินใจเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้โดยตรง

หากตระกูลฉินจะโจมตีตระกูลเจียนในอนาคต ตระกูลเจียนจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ล่วงหน้า

เจียนอีหลิงต้องการปกป้องตระกูลเจียน นี่คือบ้านของย่าเงี่ยน นี่เป็นบ้านของพี่ชายของเธอด้วย

ด้วยเหตุนี้ จำยหวินเชิงจึงตัดสินใจนั่งลงข้างๆเงี่ยนอีหลิง เขามองเธอด้วยความสนใจ

สถานการณ์ของตระกูลเจียนนั้นจำยหวินเพิ่งเข้าใจเป็นอย่างดี

แต่ไม่ว่ายังไง ในบรรดาทุกคนจากตระกูลเจียน เขารู้จักเจียนอีหลิงน้อยที่สุด

อย่างน้อยที่สุด เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกับหัวหน้าทีมหร่วนเมื่อสองสามวันก่อน

บทที่ 566 ไม่ง่ายที่จะมีเส้นสาย

“ร่วมมือกับฉันสิ นั่นจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด” จำยหวินเชิงกล่าวกับเจี้ยนอีหลิง

เป็นข้อเสนอแนะที่จริงใจและเป็นรูปธรรมมากที่สุด

แต่ทว่า เงี่ยนอีหลิงได้ส่ายหน้าปฏิเสธคำแนะนำ เธอต้องการพึ่งพาตัวเอง

เหตุผลสำหรับเรื่องนี้เป็นเพราะเธอไม่ต้องการเป็นหนี้จำยหวินเซิ่งอีกต่อไป นอกจากนี้ นี่ก็ไม่สอดคล้องกับความตั้งใจเดิมของเธอ

“แต่นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เธอต้องเป็นนักธุรกิจหญิงที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เธอต้องเรียนรู้วิธีเพิ่มผลประโยชน์ของตนเองให้ได้สูงสุด”

จำยหวินเชิงพยายามชี้นำกรอบความคิดของเจียนอีหลิง

แต่ทว่าเจียนอีหลิงตอบว่า “เอ่อ ถ้างั้นนายก็ไม่ใช่นักธุรกิจที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ถ้าฉันได้รับประโยชน์สูงสุด ผลประโยชน์ของนายก็จะไม่ได้รับสูงสุด”

คำแนะนำของจำยหวินเพิ่งถูกเงี่ยนอีหลิงถล่มยับเยิน

เมื่อพูดถึงตรรกะ ความคิดของเจียนอีหลิงนั้นว่องไวมาก

หลังจากเป็นรั่วแพ้งานทาเลนต์คอนเทสต์ เธอก็ขังตัวเองอยู่ในห้องเป็นเวลาสองวัน หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ เธอก็กลับไปที่ห้องเธอทันที ใช่ซิงเยว่พยายามโน้มน้าวและเกลี้ยกล่อมลูกสาว แต่ไม่ว่ายังไง เธอก็ล้มเหลวในการทำให้ลูกสาวมีความสุขมากขึ้น

ขณะที่ใช่ชิงเยว่ยืนอยู่ที่ประตูห้องลูกสาวที่ปิดอยู่นั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำว่า “อานี่เป็นความผิดของเจียนอีหลิงทั้งหมด ทำไมเธอต้องแย่งซีนกันด้วย?”

ไม่ว่ายังไง ไช่ชิงเยว่ก็ไม่เพียงแต่หงุดหงิดที่เงี่ยนอีหลิงขโมยตำแหน่งชนะเลิศของลูกสาวไปเท่านั้น เธอยังรู้สึกหงุดหงิดเมื่อพบว่าเจียนอีหลิงกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเปยจิงอยู่จริงๆ เธอรู้เรื่องนี้เมื่อตอนที่ประกาศผลโดยผู้ตัดสิน

เป็นนวนพูดความจริงงั้นเหรอ?

สิ่งนี้ทำให้หัวใจของใช่ชิงเยวรู้สึกไม่สบายใจเหลือเกิน

ในอดีต ลูกสาวเธอดีกว่าเจียนอีหลิงมาก

แต่ยังไงก็ตามในตอนนี้ ความเป็นจริงดูเหมือนจะบอกเธอว่าเงี่ยนอีหลิงได้มหาวิทยาลัยที่ดีกว่าลูกสาวเธอ ไช่ชิงเยว่พบว่าเรื่องนี้ยากที่จะเชื่อ

นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกสาวเธอจะอารมณ์เสีย ในเมื่อใช่ชิงเยว่ก็อารมณ์เสียเช่นเดียวกัน

ขณะที่ใช่ชิงเยว่ยืนอยู่ที่ประตู สามีเธอ เวินเฉิงก็กลับมา

เป็นเฉิงสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติกับลูกสาวเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เธอปฏิเสธที่จะออกจากห้องเป็นเวลาสองวันติดต่อกันเมื่อตอนที่เขากลับบ้าน

เวินเฉิงถามภรรยาว่า “ลูกสาวเป็นยังไงบ้าง? เธออารมณ์เสียอะไรเหรอ?”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ไช่ชิงเยว่ก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า “ไม่เป็นไร เธอเพิ่งประสบปัญหาในด้านการศึกษา อีกไม่กี่วันเธอก็จะหายดีเอง”

ไช่ชิงเยวไม่กล้าบอกสามีเกี่ยวกับเรื่องนี้ สามีเธออาจลำเอียงไปข้างลูกสาวน้อง

“ว่าแต่บริษัทเป็นยังไงบ้าง” ไช่ชิงเยวถามด้วยความเป็นห่วง

เงินเฉิงส่ายหน้าอย่างเศร้า สิ่งต่างๆเป็นไปได้ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาหวังที่จะขยายธุรกิจของตระกูลเวิน แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้คืบหน้าไปมากนัก

เวินเฉิงค่อยเข้าใจว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพาตนเองในการขยายธุรกิจในเปยจิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องของโบราณวัตถุ

จากนั้นใช่ชิงเยว่ก็ถามว่า “มีคนแนะนำให้เราคุยกับญาติของตระกูลฉิน ลองดูแล้วหรือยัง?”

หากครอบครัวพวกเขาสามารถหาเส้นสายกับตระกูลฉินหรือตระกูลจำยได้ ธุรกิจของพวกเขาก็อาจสามารถดำเนินการต่อไปได้

“จะง่ายอย่างงั้นได้ยังไง? แม้ว่าพวกเขาจะเป็นญาติของตระกูลฉิน แต่ก็ยังถือว่าเป็นสมาชิกของตระกูลฉิน นั่นไม่ง่ายเลยที่จะเจอกับพวกเขา” เฉินเฉิงตอบพร้อมกับส่ายหน้า

เป็นเรื่องยากที่จะพบกับญาติของตระกูลฉิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนายท่านทั้งสามของตระกูลจำย

ตระกูลฉินนั้นค่อนข้างใหญ่ พวกเขามีเครือญาติหลายคนในเปยจิง ในทางกลับกัน โครงสร้างของตระกูลจำยนั้นเรียบง่ายมาก มีเพียงชายสามคนที่สนับสนุนธุรกิจขนาดใหญ่

เนื่องจากเหตุการณ์ของอาจารย์เหลียง ไช่ชิงเยวจึงไม่ได้พูดถึงเงี่ยนอีหลิงอีกเลย เธอรู้ว่าฉันชวนเคยติวให้เงี่ยนอีหลิงมาระยะหนึ่งแล้ว

แต่ยังไงก็ตาม เป็นนวนและเจียนอีหลิงก็จะแสร้งทำเป็นไม่แสวงหาสมบัติพัสถานใดๆอีก ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พวกเธอจะเห็นด้วยยอมช่วยเหลือ

นอกจากนี้ฉินชวนก็ยังเป็นเพียงแค่ติวเตอร์ของเจียนอีหลิง ถือว่าเขาใจดีมากแล้วที่ไปเยี่ยมย่าเจียน แต่ยังไงก็ตามนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาคุ้นเคยกับตระกูลเจียนเป็นอย่างดี

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

Status: Ongoing

เดิมที เจี่ยนอีหลิง (简一凌) เป็นตัวละครประกอบที่มีชะตากรรมเป็นแนวหน้ากล้าตาย แต่ทว่าเมื่อตอนนี้เธอมีความทรงจำจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เจี่ยนอีหลิง ซึ่งเป็นผู้อ่านได้ย้ายเข้ามามีตัวตนในนิยาย จึงได้เปลี่ยนแปลงตนเองไปเป็นผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงแต่เจี่ยนอีหลิงจะไม่สนใจในตัวเอกชาย แต่เธอยังคงทำให้ผู้คนรอบกายเธอตกตะลึง สับสน งงงัน

ตามต้นฉบับแล้ว พี่ชายทั้งหลายต่างพากันเกลียดเธอ แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนพากันปกป้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย

“อี้หลิงตกใจง่าย อย่าทำให้เธอกลัว”

“อี้หลิงไม่เคยไปที่ไกลๆ อย่าหลอกเธอ”

“อี้หลิงมีร่างกายอ่อนแอ ห้ามรังแกเธอ”

คนอื่นๆ ต่างต้องการร่ำร้องไม่อยากเชื่อ มั่นใจเหรอว่าเธอน่ะน่ารักและถูกรังแกได้ง่ายๆ ใครกล้ารังแกเธอกัน ในขณะที่พวกเขาล้วนคิดว่าเพียงแค่บรรดาพี่ชายตระกูลเจี่ยนก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง แต่นั่นก็ยังมีคนอื่นที่คอยเติมส่วนที่เหลือ

นายท่านเชิ่ง “อี้หลิงเป็นคนเปราะบางมาก อย่าทำให้เธอโกรธ ถ้าคุณทำให้เธอโกรธ ผมจะหั่นคุณออกเป็นชิ้นๆและทำเป็นน้ำซุป”

คนอื่นๆ “นายท่านเชิ่ง ผมคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับดวงตาคุณ ผมแนะนำให้คุณไปหาจักษุแพทย์”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท