บทที่ 13 หรือว่าจะมุดช่องหมาไม่ได้เหรอ?
ชางหลิงออกจากบ้าน เห็นยามสองคนตรงประตูพอดี เธอรู้ว่าชางหวยซูใช้มาคอยเฝ้าเธอไว้ แต่ว่า เขามีแผนของเขา เธอจะไม่มีวิธีอื่นหรือไง?
ชางหลิงก้มตัวลงเดินไปที่รั้วกำแพง ร่างกายเล็กบางนั้นปัดหญ้าที่ขึ้นเต็มออก ตรงนั้นมีเศษดินเต็มไปหมด มีช่องหมาเล็กๆที่พอสำหรับเธอมุดหัวออกไปได้
ตอนแม่ยังมีชีวิตอยู่เคยเลี้ยงหมาบ้านตัวหนึ่งชื่อว่าต้าหวง นี่เป็นช่องของมันโดยเฉพาะ แต่ต่อมาจ้าวหลันจือเข้ามาแทนที่แม่ ก็วางพิษฆ่าต้าหวง ช่องหมานี้ก็ถูกผู้คนลืมไป ก็เลยมีหญ้าขึ้นอยู่เต็ม
ชางหลิงคลานออกจากช่องนั้นช้าๆ
ปีนบันไดผนังเธอยังไม่เคย จะคลานช่องหมานี่ไม่ได้หรือไงกัน?
หลังจากหนึ่งนาที เธอก็โผล่หัวออกมาได้แล้ว สูดดมอากาศบริสุทธิ์ แต่ว่า ตรงหน้าตัวเองกลับมีรองเท้าบูตหนังผู้ชายปรากฏขึ้นหนึ่งคู่ ชางหลิงตกใจ คิดว่าจะเป็นยามคนนั้นรึเปล่ารู้ว่าเธอจะคลานผ่านช่องนี้จึงได้มารอตัวเอง? เธอแอบด่าต่ำช้าในใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่กล้ามองด้วย ตัวเองก็จึงคิดถอยกลับไปช้าๆ
โหมวยู่มองดูจากด้านบน เห็นเธอกว่าจะคลานออกมาได้ไม่ใช่ง่ายๆแต่กลับจะคลานกลับไป เขาขมวดคิ้ว โน้มตัวลงจับคอเสื้อเธอไว้
“คุณชางวิธีต้อนรับผมพิเศษมากนะ”
ห๊ะ? เสียงคุ้นมากเลย? ชางหลิงเงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้าเย็นชาของโหมวยู่
“เป็นนายเองเหรอ!” เธอโล่งอก คลานออกจากช่องนั้นด้วยแรงดึงของโหมวยู่ “ฉันคิดว่ามีคนมาดักรอฉันซะอีก”
โหมวยู่ปล่อยมือออก ชางหลิงตบเศษดินบนตัว ผ่านการคลานช่องนั้น กระโปรงสีขาวของเธอเปื้อนเป็นแทบ ใบหน้าก็สกปรกไปด้วย เส้นผมก็มีเศษหญ้าติดมาด้วย
ฉู่ฉือที่ยืนข้างๆอดไม่ได้ขำออกมา เบนสายตาไปทางอื่น
คุณชางคนนี้ไม่เดินเส้นทางธรรมดาเลย ทุกครั้งที่ออกมาก็แตกต่างจากทุกคนทุกที
“ความชอบของเธอกว้างขวางดีนะ” โหมวยู่มองดูช่องเล็กๆนั้น เธอคลานออกมาได้ยังไงกัน ตัวคงจะมีแผลอยู่บ้างล่ะ ดูท่าทาง ต่อไปช่องหมาในบ้าน ต้องทำให้ใหญ่หน่อยแล้ว ทางที่ดีห่อหุ้มข้างๆด้วยดีกว่า
“เรื่องมันยาวน่ะ” ชางหลิงจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้นะ เธอเหลือบมองไปทางประตูใหญ่ รีบปีนขึ้นรถของโหมวยู่อย่างเร็ว
ฉู่ฉือกลับรถ โหมวยู่กับชางหลิงนั่งอยู่เบาะหลัง
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์?” เห็นเธอนั่งดีแล้ว โหมวยู่ก็เริ่มถามทันที
“ฉันอยากจะรับนะ” สายตาชางหลิงมองไปนอกหน้าต่าง กลัวว่าจะมีคนเห็น “ใครใช้ให้คนแก่อย่างนายลากฉันลงน้ำล่ะ โทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า แช่จนอิ่มตัวแล้วล่ะ”
โหมวยู่ครุ่นคิด เหมือนจะใช่นะ เขาไม่พูดอะไรมาก เอาโทรศัพท์หนึ่งเครื่องออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้ชางหลิง
“ทำอะไรน่ะ?” โทรศัพท์เรื่องนี้ดูท่าจะราคาไม่เบา ชางหลิงขยับตัวออกห่าง กลัวว่าตัวเองโดนตัวเขาแล้วจะถูกเรียกร้องค่าเสียหายอีก
“ให้เธอ” โหมวยู่ไม่เหมือนว่าพูดเล่น “ถือว่าเป็นการชดใช้แล้วกัน”
ชางหลิงไม่อยากจะเชื่อ เขาเอาโทรศัพท์ของเขาให้เธอ? ในยุคปัจจุบัน โทรศัพท์เป็นของส่วนตัว ในนั้นมีความลับมากมายเลยนะ……
“นายไม่กลัวว่าฉันจะเปิดเจออะไรในโทรศัพท์ในเหรอ? ถึงตอนนั้นขายให้ปาปารัสซีแล้วได้เงินนะ” ชางหลิงดวงตาเปล่งประกาย
“ตามใจเลย” โหมวยู่ไม่เข้าใจ โทรศัพท์เฉพาะทหารของเขาในตลาดมีแค่เครื่องเดียว ถึงเธอจะเอาไปขายก็คงได้เงินดาวน์บ้านหนึ่งหลังแล้ว และเธอกลับคิดแค่ว่าจะเอาไปขายให้ปาปารัสซีเอาเงินแค่นั้น
ชางหลิงก็รับโทรศัพท์มาอย่างไม่เกรงใจ และในตอนที่เธอกำลังจะถามรหัส ด้านหน้ามีรถเปิดไฟขึ้น
เธอเหลือบตาไปมอง เห็นป้ายทะเบียนรถที่คุ้นเคย ก็ต้องลุ้นระทึกขึ้นมาอีกครั้ง
ตายแล้ว! เป็นชางหวยซู!
“คุณชายรองคุณท่านชางกลับมาแล้ว” ฉู่ฉือก็เตือนโหมวยู่
ชางหลิงหดตัวลงไปทันที มาผิดเวลาจริงๆเลย ถ้าพวกเขาเห็นว่าเธออยู่กับโหมวยู่ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก
“อืม” โหมวยู่ตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“รีบไปๆ ถ้าถูกจับได้จะซวยเอา!” ชางหลิงรีบดึงแขนเสื้อโหมวยู่
แต่เรื่องไม่เป็นไปตามที่เธอคิดเลย หยูเฉินที่กำลังขับรถเห็นฉู่ฉือในรถนั้น ก็จอดรถ
ฉู่ฉืออยู่ข้างโหมวยู่ ยังไงก็คุ้นหน้ากันบ้าง ถนนเส้นนี้ไปทางคฤหาสน์ตระกูลชางอย่างเดียวไม่มีที่อื่นอีกแล้ว ดังนั้น……
ชางหวยซูกับหยูเฉินลงรถด้วยกัน เดินไปที่รถของโหมวยู่ตรงๆ
ตายแล้วๆ!
ชางหลิงไม่มีที่หลบแล้ว เห็นว่าสายตาของหยูเฉินมองเข้ามาในรถ และในตอนนี้ โหมวยู่ยื่นมือมา กดหัวเธอลงไปที่ตักเขา……