บทที่ 5 ขอโทษแล้วมันหายเหรอ?
หยูเฉินรับชางหลิงจากมือของหลีซินไป ในคำพูดของเขา ชางหลิงได้รับรู้ว่าหลีซินในเมื่อกี้เป็นผู้จัดการของคลับแห่งนี้ เคยเป็นเพื่อนกับโหมวยู่ตอนเป็นทหารด้วยกัน
เคยเป็นทหาร1……ดังนั้นจึงอธิบายรอยแผลเป็นบนร่างกายของเขาได้ แต่ เรื่องที่โหมวยู่เคยเป็นทหารเธอไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ เพราะทั้งตัวเขามีกลิ่นไอความเคร่งขรึมและความน่าเกรงขามของทหาร
แต่หลีซิน……เขาเป็นทหารวรรณกรรมเหรอ?
หลีซินจามออกมา เขาจับจมูกแล้วมองไปทางที่ชางหลิง รู้สึกแปลก
หยูเฉินแนะนำคลับแห่งนี้ให้ชางหลิงคร่าวๆ โหมวยู่จะมาพักทางนี้เป็นบางครั้ง แต่หลีซินเป็นผู้จัดการ ผู้ร่วมหุ้นก็เป็นเพื่อนทหารด้วยกัน ดังนั้นชั้นบนสุดจึงเป็นพื้นที่ส่วนตัวของโหมวยู่
ด้านล่างสิบกว่าชั้นเป็นห้องพักของโรงแรม ชั้นห้าชั้นหกเป็นห้องฟิตเนสและสระว่ายน้ำในร่ม บาร์ที่พวกเขาอยู่เมื่อคืนเป็นชั้นหนึ่ง ชั้นสองเป็นที่นั่งชั้นพิเศษ ชั้นสามชั้นสี่เป็นร้านอาหารคู่รักที่มีชื่อเสียงในโซเชียล
คนที่เข้าออกnova ส่วนใหญ่จะเป็นคนรวยของเมืองหนาน แม้แต่เข้าบาร์ก็ต้องจดทะเบียนด้วยชื่อจริง ถ้าไม่มีภูมิฐานหน่อยละก็จ่ายไม่ไหวหรอก แต่ชางหลิงก็ไม่รู้ว่าโดนอะไรเข้าสิง ถึงมาเมาที่นี่
ลิฟต์จอดอยู่ชั้นหก ชางหลิงกำลังจะเดินเข้าไปในสระน้ำที่ร่มกับหยูเฉิน แต่โทรศัพท์ที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อที่ดังขึ้นในจังหวะนี้
มองดูชื่อที่คุ้นเคยสองตัวนั้น สีหน้าของชางหลิงเปลี่ยนไป
คือหยูเฉิน
เธอกดวางสาย แต่คนทางนั้นกลับโทรมาอย่างยืนหยัด ชางหลิงกำโทรศัพท์แน่น สุดท้าย มองหยูเฉินอย่างรู้สึกผิด แล้วหยิบโทรศัพท์เดินเข้าไปในห้องน้ำ
ชางหลิงกดรับสาย ไม่ได้ออกเสียง และเสียงของหยูเฉินก็ดังเข้าหูเธอทันที
“หลิงหลิง คุณไปไหนแล้ว? เมื่อคืนผมหาคุณไปทั้งคืน” น้ำเสียงของหยูเฉินดูกังวลมาก
ชางหลิงมองโทรศัพท์ มีสายที่ไม่ได้รับหลายสายจริงๆ ทั้งของหยูเฉิน ของชางฉิง และของพ่อเธอชางหวยซู
“นายอยู่กับน้องฉิงของนายไม่สนุกเหรอ? ยังมีแรงมาหาฉันอีกเหรอ?” ชางหลิงไม่สามารถลืมฉากที่เห็นในตอนเช้าของเมื่อวานได้
เธอและหยูเฉินนัดกันจะไปจดทะเบียนสมรสเมื่อวาน เดิมที่นัดกันที่หน้าประตูอำเภอ แต่เพราะทางไปอำเภอมันผ่านเรือนหอที่พวกเขาซื้อไว้ จับพลัดจับผลูเลยลงไปดู
แต่ในขณะที่เธอเปิดประตูออก เธอได้ยินเสียงลอยออกมาจากห้องนอน น้ำเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายและเสียงครวญครางของผู้หญิง ทำให้ชางหลิงชาไปทั้งตัว
มองผ่านประตูที่ไม่ได้ปิดสนิท เธอเห็นเตียงแต่งงานที่ควรเป็นของเธอ กลับเป็นหยูเฉินและชางฉิงน้องสาวต่างแม่ของเธอกำลังเปลือยกายพัวพันกันอยู่……
“หลิงหลิง ผมขอโทษ……” หยูเฉินรู้สึกผิดมาก “มันเป็นแค่เพียงอารมณ์ชั่ววูบ…….”
ชางหลิงรู้ หยูเฉินอยากจะมีทำเรื่องแบบนั้นกับเธอมานานแล้ว แต่เธอรู้สึกมาตลอดว่า เรื่องแบบนี้ควรจะเก็บไว้ในคืนวันแรกที่แต่งงาน เธอจึงปฏิเสธเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
และเป็นเพราะแบบนี้ ดังนั้น เขาจึงเลือกชางฉิงที่ร่าเริงเร่าร้อนกว่าเธองั้นเหรอ?
“ขอโทษแล้วมันหายไหม? คำว่าขอโทษมันย้อนเวลา ให้นายควบคุมอารมณ์ของนายได้ไหม?” ในตอนนั้นชางหลิงได้ยินจากนอกประตูอย่างชัดเจน ในระหว่างที่หยูเฉินมีอารมณ์บอกกับชางฉิงว่านี่เป็นการตามใจครั้งสุดท้ายก่อนแต่งงาน นั่นแสดงว่า พวกเขาไม่ได้มีอะไรกันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ในขณะที่เธอยังคงโหยหาชีวิตที่แสนหวานหลังแต่งงาน ในขณะที่เธอกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตของพวกเขาด้วยความสุขใจมากล้น แฟนที่เธอรักมาห้าปี กลับมีสัมพันธ์ซึ่งกันและกันมาตั้งนานกับน้องสาวของเธอ แต่ยังพาเธอมาในเรือนหอของพวกเขาอีก แค่คิดก็ขยะแขยงแล้ว
“พี่คะ หนูผิดเอง!” ชางฉิงที่อยู่ในสายร้องห่มร้องไห้ “พี่อย่าโทษพี่เฉินเลยนะ หนูไปอ่อยเขาเอง พี่สบายใจได้เลย หนูจะอธิบายความผิดให้พี่เอง หนูจะจัดการเรื่องนี้ให้ดี”
“เสี่ยวฉิง คุณจะทำอะไร?” ทางสายมีเสียงป๊าบลอยมา ดูท่าแล้วน่าจะเป็นเพราะหยูเฉินโยนโทรศัพท์ลงพื้นอย่างรีบร้อน
“ฉันไม่มีหน้าไปพบพี่อีกแล้ว ให้ฉันตายเถอะ” ชางฉิงพูด ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป ทางนุ้นวุ่นวายไปหมด
“หวยซู ช่วยเสี่ยวฉิงด้วยเถอะ เธอก็เป็นลูกสาวของนายเหมือนกันนะ!” จ้าวหลันจือแม่เลี้ยงก็คอยพูดอยู่ข้างๆ
ชางหลิงวางโทรศัพท์ นั่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
เมื่อวาน เธอเอา “หลักฐาน”ไปพบคุณพ่อของตัวเองเป็นคนแรก แต่ยังไม่ทันได้พูด จ้าวหลันจือก็โวยวายขึ้นก่อน บอกว่าหยูเฉินมาอ่อยชางฉิงก่อน ให้หยูเฉินรับผิดชอบชางฉิง
เรื่องราวรู้ไปถึงคุณปู่คุณย่า สุดท้าย เพื่อระงับเรื่องอื้อฉาวนี่ จึงตัดสินใจเปลี่ยนคนก่อนแต่งงาน พูดอีกอย่างว่า เธอชางหลิง ที่เป็นผู้เสียหาย ไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่พอ ยังถูกเตะออกจากงาน
เรือนหอที่เธอตั้งใจเตรียม ของใช้ในงานแต่ง รวมถึงสามีของเธอ ถูกชางฉิงแย่งไปหมด……
ชางหลิงเดินออกจากห้องน้ำด้วยความสิ้นหวัง
“คุณชาง” หยูเฉินเฝ้ารออยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นว่าชางหลิงด้วยตาที่แดงก่ำก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแค่เรียกเธออย่างเคารพ
เมื่อได้ยินเสียงของหยูเฉิน ชางหลิงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทางตัวเองนี้ยังมีปัญหาอีกเรื่อง
“ไปเถอะ” เธอฝืนยิ้ม