ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 22 บังคับให้สารภาพ

บทที่ 22 บังคับให้สารภาพ

บทที่ 22 บังคับให้สารภาพ

ประตูถูกปิดอีกครั้ง โหมวยู่เดินทางเข้ามาที่นี่ แล้วพูดเพียงไม่กี่คำ จ้าวหลันจือยังไม่ทันได้สติว่ามันเป็นสถานการณ์อะไร กระทั่งโหมวยู่ไปไกลแล้ว เธอถึงเพิ่งเข้ามาใกล้ชางฉิง

“ลูกสาว เขาหมายความว่าอะไร”

ชางฉิงกำขอบผ้าห่มแน่น โกรธแค้นมาก “ยกผลประโยชน์ให้นังชางหลิงสารเลวนั้นจริงๆ!”

เดิมที่คิดว่าจะใช้เรื่องนี้จัดการเธอให้สาสม ไหนเลยจะคิดว่าห้องน้ำยังติดกล้องวงจรปิดด้วย! ถ้ากล้องวงจรปิดนี้ตกไปถึงมือของตำรวจ สุดท้ายแล้วไม่เพียงแต่เธอจะโดนข้อหาหมิ่นประมาท บางทีคนทางฝั่งตระกูลหยูก็อาจจะไม่ให้อภัยเธอเลย

“งั้นตอนนี้จะทำยังไง จะปล่อยชางหลิงไปแบบนี้เหรอ” จ้าวหลันจือไม่เต็มใจอย่างมาก

“ในโชคร้ายมีโชคดีอันยิ่งใหญ่ คุณไม่เห็นเหรอ คุณชายรองโหมวมาหาถึงหน้าประตูแล้ว เขาเปิดประตูบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปให้ฉันด้วยมือของเขาเอง ตราบใดที่ฉันได้เข้าประตูตระกูลโหมว การบดขยี้ชางหลิงให้ตาย มันไม่ง่ายราวพลิกฝ่ามือหรอกเหรอ”

ภายในสถานีตำรวจ

“มีใครอยู่ไหม! ปล่อยฉันออกไป!” ชางหลิงถูกขังอยู่ในห้องเล็กๆ เธอเกาะลูกกรงเหล็กพร้อมกับตะโกนออกไปข้างนอก

“พวกคุณยังไม่พิจารณาคดีก็เอาฉันมาขังแล้ว หรือว่าคิดจะทรมานให้ยอมสารภาพ” หลังจากโวยวายมานาน ชางหลิงก็หมดแรงแล้ว ทรุดนั่งลงกับพื้น

ตอนที่เธอถูกพามาที่นี่ เดิมทีอยู่บนรถได้คิดถึงสิ่งที่ควรพูดตอนลงบันทึก แต่มันแปลกมาก พวกเขาพาเธอมาที่นี่ โดยที่ไม่สอบถามอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แค่ขังเธอเอาไว้

พวกเขาต้องการอะไร หรือว่าพวกเขาสมรู้ร่วมคิดกับชางฉิงอยู่ก่อนแล้ว คิดจะพิพากษาเลยทันทีงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรสังคมก็ปกครองด้วยกฎหมายนะ

ทันทีที่นึกถึงชางฉิง ชางหลิงก็โมโหขึ้นมาอีกครั้ง

ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาเธอประสบกับกลอุบายใส่ร้ายแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับไม่รู้จักจำจึงให้ชางฉิงฉวยโอกาสได้ทุกครั้งไป แล้วก็พลันนึกไปถึงชางหวยซูกับหยูเฉินที่มองเธอด้วยสายตาแบบนั้น เธอปรารถนาจะพุ่งออกไปจากที่นี่ เพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของชางฉิงต่อหน้าพวกเขาด้วยตาตัวเอง

หยูเฉินบอกว่าเธอชั่วร้าย ทั้งทั้งที่คนที่ชั่วร้ายมันคือชางฉิง!

ปีนั้นตอนที่แม่ตาย ชางฉิงเจ็ดขวบ เด็กอายุเจ็ดขวบ ไม่น่าเชื่อว่าเธอสามารถมองดูแม่เธอฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตา จงใจไม่โทรฉุกเฉิน ภายหลังยังโกหกว่าเธออยู่ข้างนอกตลอดไม่ได้เข้ามาเลย

แต่ลองคิดดูแล้ว ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ชางหวยซูพาชางฉิงกลับมาที่บ้านตระกูลชางเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน ในบ้านก็ไม่เคยสงบอีกเลย หลังจากแม่เธอรู้ว่าชางหวยซูนอกใจเธอก็เศร้าโศกหดหู่อยู่ตลอดเวลา สุดท้ายก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าจนฆ่าตัวตายในที่สุด และหลังจากแม่ตายไม่ถึงครึ่งปี จ้าวหลันจือก็เข้ามาอยู่ในบ้าน กลายเป็นแม่เลี้ยงของเธอ

เรื่องมันจะบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นคนไม่เอาไหน แต่อย่างไรก็เป็นคนที่เห็นผลประโยชน์มาก่อน เพราะฉะนั้นต่อให้ถูกแม่รู้เรื่องของจ้าวหลันจือสองแม่ลูกก็ไม่มีการหย่า และเพียงแค่รับชางฉิงกลับมา เพราะเขารู้ว่าธุรกิจของตระกูลชางยังต้องเพิ่งแม่ช่วยพยุง

ยิ่งไปกว่านั้น สามารถอนุญาตให้ชางฉิงเข้าบ้านมาได้ นั่นหมายความว่าแม่ยอมรับการมีอยู่ของชางฉิงแล้ว เธอมีบุคลิกแบบนั้น มันเป็นไปได้อย่างไรที่จะทุกข์ทรมานจากโรคซึมเศร้า แถมยังเดินเข้าเส้นทางแห่งการฆ่าตัวตายอีก

หรือว่าการตายของแม่มีบางอย่างผิดปกติ และมันเกี่ยวข้องกับจ้าวหลันจือสองแม่ลูก

ชางหลิงขบกัดฟัน ทันทีที่นึกถึงความเป็นไปได้นี้ เธอก็ยิ่งเกลียดชัง แต่ตอนนี้เธอถูกขังอยู่ที่นี่ แถมแม่ลูกชั่วยังอยู่ข้างนอกคอยแพร่กระจายข่าวลืออีก

เธอต้องออกไป ต้องไปสืบหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของแม่ แก้แค้นให้เธอ

ภายนอกมีเสียงเดินดังมา ชางหลิงลุกขึ้น กำลังคิดว่ามีความหวัง หยูเจิ้งหงก็ปรากฏตัวตรงหน้าเธอ

“ลุงหยู?” ชางหลิงรู้ดีว่าการปรากฏตัวของ หยูเจิ้งหงในเวลานี้ไม่ใช่การมาเยี่ยมเธอ จึงก้าวถอยหลังทันที

“ฉันไม่กล้าถูกเรียกว่าลุงหรอก” หยูเจิ้งหงยิ้มชวนขนลุก “สำหรับฆาตกร สมควรเรียกฉันว่าลุงงั้นเหรอ”

“ฆาตกรเหรอ” ชางหลิงแปลกใจ แต่เมื่อคิดทบทวนดู หรือว่าทางชางฉิง…

“เธอฆ่าหลานชายของฉัน ไม่ใช่ฆาตกรหรือไง” หยูเจิ้งหงมือไพล่หลัง เหลือบมองไปข้างๆ มีคนเอากุญแจมาไขปลดล็อกประตู

“คุณคิดจะทำอะไร” ชางหลิงตกใจ ข้างๆหยูเจิ้งหง มีคนเดินเข้ามาสองคน นำเอกสารมาวางตรงหน้าเธอ จากนั้นชางหลิงก็เห็นคำบนนั้นผ่านแสงสลัว ถึงได้พบว่ามันเป็นบันทึกที่สมบูรณ์แล้ว แต่สิ่งที่เขียนไว้บนนั้นทั้งหมดมันกลับตรงข้ามกับความเป็นจริง

“เซ็นชื่อซะ เธอทำความผิด โดยธรรมชาติแล้วควรถูกลงโทษ” หยูเจิ้งหงท่าทียโสโอหัง

“คุณต้องการให้ฉันสารภาพงั้นเหรอ” ชางหลิงหันมองเขา “ฉันไม่เคยลงบันทึก เรื่องมันไม่ได้เหมือนอย่างที่เขียนไว้บนนี้ คุณมีสิทธิ์อะไรมาบิดเบือนความจริง”

หยูเจิ้งหงส่งเสียงเยาะ “ความจริงคืออะไรฉันไม่สนใจ ฉันแค่อยากให้เธอรู้ว่าอย่ามางัดข้อกับตระกูลหยูเป็นดีที่สุด ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ลูกชายฉันจะทำผิดต่อเธอ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราตระกูลหยูจะสามารถยอมให้เธอทำอัปยศอดสูได้ ถ้าฉันควบคุมเธอไม่ได้ คนอื่นก็จะคิดว่าแค่เด็กสาวโง่ๆ คนเดียวฉันก็ปราบไม่ได้”

“เพราะแบบนี้คุณจึงอยากให้ฉันสารภาพ ไม่ใช่เพราะเรื่องของชางฉิงเลยสักนิด” ชางหลิงหัวเราะเยาะกับตัวเอง

“ตระกูลชางเล็กๆ ไม่อยู่ในสายตาฉันหรอก เดิมทีก็ไม่เหมาะกับลูกชายฉันอยู่แล้ว เด็กแท้งไป ฉันยังสามารถหาผู้หญิงที่ดีกว่านี้มาให้กำเนิดหลานของฉันได้” หยูเจิ้งหงไม่มีการปกปิดอะไรเลยแม้แต่น้อย

ชางหลิงยิ้มซีดเซียว อย่างที่คาดไว้ ในสายตาพวกเขา ชีวิตคนจะสำคัญอะไร ไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับศักดิ์ศรีของพวกเขา

“มันเป็นเพราะเธอ” หยูเจิ้งหงมองเธอเขม็ง “ชางหลิง เธอสามารถเอาบัตรผ่านnovaมาได้ ตอนแรกฉันยังมองเธอสูงส่ง น่าเสียดายที่เธอโง่เกินไป เธอที่มีการพึ่งพาคนอื่นแบบนั้น เดิมทีควรจะมีทางเลือกที่ฉลาด แต่ดันเป็นวัยรุ่นอวดดี ทำอะไรไม่ใช้สมอง”

ตอนนี้ต่อให้เธอจะคบกับหลีซินจริง แต่ปัญหามันปรากฏออกไปแล้ว ใครก็สามารถมาสะสางให้เธอได้

พูดจบ หยูเจิ้งหงก็ส่งสายตา คนที่อยู่ข้างชางหลิงเข้ามาจับมือเธอทันที กำลังจะกดลงไปประทับตรา

“ปล่อยฉัน ฉันไม่เซ็น!” ชางหลิงดิ้นรนอย่างดุเดือด

แต่กำลังของผู้ชายแข็งแกร่งกว่าเธอมากเกินไป การต่อต้านของเธอก็เหมือนกับมดแดงเขย่าต้นไม้ ไม่นาน นิ้วของเธอก็ย้อมสีแดงไปแล้ว ถูกจับบังคับกดลงไปบนเอกสาร…

“อย่า——-” ชางหลิงกรีดร้อง

“หัวหน้าส่วนหยู!” ชายในชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้ามา เมื่อเห็นภาพของชางหลิงก็หน้าซีดเผือด เข้ามากระซิบข้างหูหยูเจิ้งหง

“อะไรนะ” ไม่รู้ว่าผู้ชายในชุดสูทพูดอะไร หยูเจิ้งหงสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน มองไปทางชางหลิงอย่างสงสัยมาก

“เขาพูดอย่างนั้นจริงเหรอ” หยูเจิ้งหงคอนเฟิร์มกับเขาอีกครั้ง

ชายชุดสูทพยักหน้า

ชางหลิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่ชายสองคนที่กำลังจับควบคุมเธอคลายมือออก หลังจากหยูเจิ้งหงส่งสายตาให้ พวกเขาก็หยิบเอกสารบนพื้นขึ้นมาแล้วออกไป

“ชางหลิง” หยูเจิ้งหงเหลือบมองเธออย่างเย็นชา “ครั้งนี้ถือเป็นโชคใหญ่ของเธอ อย่างดีเธอก็แค่ทำให้ฉันจำไว้นานขึ้นอีกหน่อย คราวหน้าถ้าตกอยู่ในมือฉันอีก จะไม่โชคดีแบบนี้แน่”

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท