บทที่ 18 เล่นไพ่นกกระจอกไม่ได้เหรอ?
หยูเจิ้งหงมองบัตรใบนั้น และต้องตะลึงอย่างมาก
นี่คือ……
บัตรผ่านที่ทั้งโลกมีแค่สองใบ ได้ยินว่าหนึ่งใบอยู่ในมือพี่ใหญ่ของโหมวยู่โหมวฉี่ และอีกใบ อยู่กับชางหลิงงั้นเหรอ?
“ชางหลิง เธอได้มาจากไหนกัน?” หยูเจิ้งหงตะลึง คนที่มีบัตรใบนี้ได้ นั่นก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกับคุณชายรองโหมวแน่นอน
ชางฉิงก็ไม่อยากจะเชื่อ ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เห็นสีหน้าของหยูเจิ้งหง ความมั่นใจในตัวเธอ เหมือนถูกของอะไรล้มทับ
“ไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันได้มาจากไหน ผู้จัดการหวาง ฉันถามหน่อยว่า ฉันเหมาได้ไหม?” ชางหลิงเชิดหน้าขึ้น หยิ่งผยองอย่างหนัก
ผู้จัดการหวางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหันหลังออกไปคุย ไม่นาน เดินเข้ามาด้วยอาการถ่อมตัว
“จะรับใช้คุณชางเต็มที่ครับ” เขาโน้มตัวลงต่อหน้าชางหลิง
“เธอ……” จ้าวหลันจืออึ้งไปทันที
ทุกคนก็ต่างตะลึงจนพูดไม่ออก
“พี่” ชางฉิงเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ก็เข้าไปดึงแขนเสื้อชางหลิงพูดเสียงอ่อนว่า “ฉันรู้ว่าพี่อยากทำให้ฉันดูมีหน้ามีตา แต่ว่า แบบนี้ดูอลังการไปหรือเปล่า”
เธอคิดผิดไปจริงๆ คิดว่าตระกูลหยูก็ถือว่าเป็นตระกูลเศรษฐีในเมืองหนาน ไม่คิดว่าชางหลิงไปหาตระกูลใหญ่กว่าแบบนี้ได้ยังไง
แต่ว่า หุ้นของnovaมีสี่อัน ขอแค่ไม่ใช่โหมวยู่ งั้นก็ยังชนะเธอไม่ได้อยู่ดี
“ใครบอกว่าฉันจะทำเพื่อเธอกัน?” ชางหลิงสะบัดชางฉิงออกอย่างไม่เกรงใจ “ทำไม เธอยังไม่ตื่นหรือว่ายังฝันอยู่กันแน่? นอนกับพี่เขยตัวเองยังไม่พอ ตอนนี้ยังคิดจะให้ฉันจัดงานแต่งให้อีกหรือไง? ถึงฉันจะจัดให้จริง คนที่พวกเธอเชิญมากล้ากินไหม? ไม่กลัวฉันจะวางยาพิษหรือไง?”
“เธอ!” ชางหวยซูโมโหจัด เสียงของชางหลิงก็ดังพอสมควร คนที่มามุงดูเมื่อกี้ยังไม่ไปไหน พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ ก็ต่างซุบซิบกันขึ้นมาทันที
“งั้นเธออยากทำอะไร?”
“ฉันเหมาเอาไว้เล่นไพ่นกกระจอกไม่ได้เหรอ?” ชางหลิงกอดอก ท่าทางดูภูมิใจมาก “ผู้จัดการหวาง ที่นี่ไม่มีกฎห้ามให้เล่นไพ่นกกระจอกหรอกนะ”
ผู้จัดการหวางยิ้ม “ทำตามที่คุณชางสั่งเลยครับ”
“หลิงหลิง” หยูเฉินขมวดคิ้ว “เธออย่าทำแบบนี้ได้ไหม”
เขารู้นิสัยของชางหลิงดี เป็นนิสัยที่มีแค้นแล้วต้องชำระ แต่ว่า ยังไงนี่ก็เกี่ยวข้องกับหน้าของตระกูลทั้งสองฝ่าย เธอทำแบบนี้เกินไปแล้วหรือเปล่า
“ไม่เป็นไรหรอก” ชางฉิงปลอบใจทุกคน “พี่สาวมีความสนใจนี้ พวกเราก็อย่าแย่งเธอเลย ยังไงตอนนี้การ์ดก็ยังไม่ได้แจกออกไป พวกเราเลืกวันอื่นกันก็ได้”
“ไม่ว่าพวกเธอเลือกวันไหน ที่นี่ก็จะไม่ว่างทั้งนั้น” ชางหลิงกะพริบตา “ฉันจะเล่นไพ่นกกระจอกในวันที่พวกเธอแต่งงาน”
“ชางหลิง!” ชางหวยซูโกรธมาก ยกมือขึ้นจะตบเธอ “วันนี้ฉันจะสั่งสอนเธอให้หลาบจำ”
ชางหลิงรู้ว่าชางหวยซูกำลังจะตบตัวเอง เธอรีบหลบได้ทัน ชางหวยซูตบไม่โดนเธอ
“คิดว่าฉันจะปล่อยให้พ่อตบได้อีกหรือไง?” ชางหลิงมองค้อน “พ่อ เป็นลูกสาวเหมือนกัน แต่งงานเข้าตระกูลหยูเหมือนกัน งานแต่งของหนูพ่อไม่เคยเข้ามาถามไถ่เลย พูดแค่ว่าอย่าให้มากเกินไป แต่พอเป็นชางฉิง พ่อก็จะจัดแบบใหญ่โตงั้นเหรอ? หลังจากที่แม่ตายแล้วพ่อบอกว่าสงสารหนูไม่ใช่หรือไง? ทำไมตอนนี้ถึงลำเอียงแบบนี้ล่ะ?”
“เธออยากให้คนรักก็ต้องทำตัวให้น่ารักด้วยสิ!” ชางหวยซูชี้หน้าเธอ “ถูกเอาใจตามใจตั้งแต่เด็กจนโตจนเสียนิสัยไปแล้ว เธอเป็นเด็กดีเหมือนน้องสาวได้สักครึ่งไหม? เพราะฉันรู้สึกผิดกับเธอ เธอเลยทำตัวโอหังในบ้าน ตอนนี้ยังมาทำตัวน่าอับอายข้างนอกอีก?”
เหอะ! เธอทำตัวโอหังงั้นเหรอ? ชางหลิงทุกข์ในแทนตัวเองจริงๆ
“หนูไม่เป็นเด็กดีเหมือนเธอหรอก เด็กดีจนไปนอนกับพี่เขยตัวเอง” ชางหลิงมองด้วยสายตาที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“หลิงหลิง!” หยูเฉินรีบเข้าไปห้ามเธอ กวาดสายตามองรอบข้าง “เธออย่าพูดอีกเลย พวกเรากลับไปคุยกันดีๆก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาทะเลาะกันที่นี่?”
“นายคิดว่าตัวเองยังมีหน้าอีกเหรอ?” ชางหลิงไม่ยอมแพ้ในคำพูด แต่ว่า หยูเฉินกับพวกเขายืนด้วยกันด่าเธอ ทำให้เธอรู้สึกเสียใจอย่างห้ามไว้ไม่ได้
ตั้งแต่อายุสิบเจ็ด พวกเขาตกลงสอบเข้ามหาลัยเดียวกัน สาขาเดียวกัน เขารู้ว่าเธอชอบอะไร รู้ว่าเธอคิดอะไร
ทั้งที่เขารู้ว่าเธอเกลียดจ้าวหลันจือกับชางฉิงมากแค่ไหน ทั้งที่รู้ว่าเธออยากจะหนีออกจากบ้านแบบนั้นมากแค่ไหน แต่ว่า ในตอนที่เธอมีความหวังนั้น ก็กลับผลักเธอตกลงไปข้างใต้เหว
“พี่คะ ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง ปล่อยทุกคนไปเถอะ ใส่อารมณ์ที่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว” ชางฉิงร้องไห้อย่างหนัก
ชางหลิงเห็นท่าทางแบบนี้ของชางฉิงจนชินไปแล้ว เธอแสยะยิ้มเย็นชา จากนั้นก็กลับหลังหันเดินออกไปอย่างเด็ดขาด
พอแล้ว เธอพอแล้วจริงๆ ทั้งที่ทุกคนดูออกว่านี่เป็นแค่การแสดง แต่คนที่เธอรักมากที่สุดกลับมองไม่ออก……
ด้านหลังวุ่นวายกันไปหมด หลีซินยังไงก็เป็นนักธุรกิจ รีบเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์อย่างเร็ว
ชางหลิงเดินออกจากห้องโถงงานเลี้ยง ท่าทางหยิ่งผยองเมื่อกี้ก็หายไปจนหมด ความน้อยใจเอ่อล้นเต็มอก เธอรีบเข้าไปหลบในห้องน้ำ ไม่อยากให้คนเห็นท่าทีเศร้าโศกของตัวเอง
ถ้าเป็นไปได้ เธออยากให้พ่อลูกปรองดอง แต่ไม่ใช่ศัตรูเหมือนอย่างตอนนี้
ถ้าเป็นไปได้ เธออยากเหมือนกับชางฉิง แค่ร้องไห้ต่อหน้าหยูเฉินก็ได้รับการปกป้องจากเขา
ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทั้งที่เธอแค่อยากมีชีวิตมั่นคง แต่ทำไมชีวิตธรรมดาแบบนี้พอมาถึงตัวเธอเองกลับเป็นความคาดหวังอย่างหนึ่งล่ะ?
ชางหลิงล้องหน้าที่อ่างล้างมือ เงยหน้าขึ้น กลับเห็นหลังกระจกมีคนเดินออกมาช้าๆ
“พี่คะ” ชางฉิงไม่รู้ว่ามาอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้ากลับไม่ใช่หน้าตาที่น่าสงสารเหมือนเมื่อกี้แล้ว แต่เป็นใบหน้าที่เย็นชา “เป็นอะไรไปเหรอ? พังงานแต่งของฉัน ก็ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมาแอบร้องไห้ที่นี่ล่ะ?