บทที่ 35 ใครจะไปหึงคุณ
“หลิงหลิงรอฉันด้วย” ซูเสี่ยวเฉิงรีบกวาดข้าวเข้าปากไปหลายคำ จากนั้นก็ตามเธอไป
หลังจากที่เงาของเด็กสาวทั้งสองคนหายวับไปที่ตรงประตูแล้ว โหมวยู่ถึงได้เงยหน้าขึ้นมา เขามองไปทางประตู และวางตะเกียบลง
คุณโม่โม่เองก็มองไปทางประตูอยู่แวบหนึ่ง พลันคิดตาม” โหมวยู่ คุณกำลังมองอะไรอยู่เหรอ?”
โหมวยู่กวาดตามองถาดอาหารของชางหลิง แล้วลุกขึ้นทันที
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อาหารทุกอย่างเปลี่ยนเป็นผัดผักแทน”
ชางหลิงสั่งอาหารมาสี่อย่าง ในนั้นไม่มีผักสักอย่าง หลายวันที่คบหากันมานั้นเขาก็มองออกว่า เธอเป็นคนเลือกกินอาหาร พวกผักแทบไม่แตะสักนิด
ดังนั้น เขาเลยต้องแก้นิสัยเสียของเธออันนี้ให้ได้ซะ
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงต่างอ้าปากค้างกันเป็นแถว โดยเฉพาะคนที่รับผิดชอบ ราวกับเหมือนว่าตนเองฟังผิดไปเช่นนั้น บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปมันเกิดอะไรขึ้น? ท่านประธานถึงได้มีคำสั่งลงมาให้ลดระดับอาหารให้ร้านอาหาร นี่มันเป็นการเพิ่มรายได้ประหยัดค่าใช้จ่ายเหรอ?
จิตใต้สำนึกของคุณโม่โม่พลางรีบคลำเอวตนเองทันที เนื้อที่อยู่ด้านหน้านาทีเริ่มไม่อร่อยขึ้นมาแล้ว นี่โหมวยู่กำลัง…บอกเธอเป็นทางนัยว่าเธออ้วนแล้วใช่ไหม ถึงได้ให้เธอลดน้ำหนัก?
ชางหลิงโมโหจัดพลันเดินออกจากตึกเซิ่งซื่อทันที ซูเสี่ยวเฉิงก็ตามไป วิ่งจนหายใจหอบแฮ่กๆ
“แกทำอะไรเนี่ย? ต่อมไร้ท่อผิดปกติเหรอไง? ก็แค่ชางฉิงเท่านั้นเอง ต้องโกรธถึงขั้นนี้เลยเหรอ?”
ชางหลิงหยุดเท้าลง
ใช่สิ ทำไมแกถึงโกรธถึงขั้นนี้ด้วย? ก็แค่เพราะว่าชางฉิงเหรอ? แล้วทำไมเมื่อตอนที่เห็นนั่งคุณโม่โม่อยู่ด้วยกันกับโหมวยู่ ถึงได้รู้สึกลำบากใจและอยากจะหนีไปซะอย่างไม่เคยมีมาก่อนล่ะ?
หรือว่า เธอรู้สึกกับโหมวยู่จริงๆ …
เป็นไปไม่ได้! ชางหลิงรีบปฏิเสธให้ตนเองทันที
เธอหันศีรษะกลับไป พร้อมทั้งมองซูเสี่ยวเฉิงที่วิ่งตามเธอมาตลอดทาง พลันรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที
ซูเสี่ยวเฉิงมาที่บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปก็เพื่อเธอ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันทั้งชีวิต แม้ว่าซูเสี่ยวเฉิงปกติแล้วจะดูพึ่งพาอาศัยอะไรไม่ได้ แต่ทุกครั้งก็ยืนอยู่ข้างเธออย่างไม่มีเงื่อนไข
“ไอ้หยา ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่เบื่อว่ากับข้าวที่ร้านอาหารนั่นมันไม่อร่อย ไปกัน ฉันจะพาแกไป nova ร้านอาหารตรงนั้นมัน 7 ดาวเลยนะแก เราไปหาของดีมือใหญ่กินกันเถอะ”
“จริงเหรอ?” เมื่อได้ยินของกิน ตาเปล่งประกายทันที พลางเอาเรื่องมีเมื่อครู่ไปทิ้งไว้ด้านแล้วแทนแล้ว
หลีซินปรากฏตัวอยู่หน้าบริษัทอย่างตรงเวลา เพื่อรับพวกเธอกลับ
เด็กสาวทั้งสองคนกินมื้อนี้อย่างอิ่มหมีพีมันแล้ว ผ่านไปไม่นาน พ่อกับแม่ของซูเสี่ยวเฉิงก็สั่งให้เธอกลับบ้าน เธอไม่ได้รีรออยู่นาน พลันรีบกลับก่อนทันที
ชางหลิงถ่ายรูปป้ายทะเบียนรถแท็กซี่เอาไว้พลางมองซูเสี่ยวเฉิงที่จากไป ในใจพลันรู้สึกผิดหวังเหมือนต้องสูญเสียอะไรไป
เธอช่างอิจฉาจริงๆ เป็นครอบครัวเล็กๆ ที่รักใคร่สามัคคี พ่อกับแม่ก็รักใคร่กันมาก วันที่ออกมาทำงานวันแรก มีพ่อแม่ที่คอยนึกถึงอยู่ตลอด เธอแค่รับผิดชอบความสุขที่ไม่มีที่มาไป ก็เหมือนกับปลาเค็มตัวหนึ่งที่ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น
แล้วเธอล่ะ?
หลังจากที่ชางหวยซูตัดพ่อตัดลูกกับเธอแล้วนั้น เธอก็ไม่ได้รับสายโทรศัพท์ของเขาแม้แต่สายเดียว ตั้งแต่เกิดเรื่องหยูเฉินกับชางฉิงในวันนั้นจนถึงวันนี้ เขาก็ไม่เคยเอ่ยปากถามสักคำว่าเธอพักอยู่ที่ไหน ไม่เคยถามไถ่ว่ากินข้าวนอนหลับสุขสบายอยู่ไหม เมื่อเอ่ยปากมีแต่คำสบถด่าทอทั้งสิ้น
ความรู้สึกมันจืดชืดจนมาถึงทุกวันนี้ ส่วนโหมวยู่นั้น…
เขาก็ต้องแต่งงานเร็วๆ นี้แล้ว ถึงตอนนั้น ตามที่คาดเอาไว้ขนาด nova คงไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะลงหลักปักฐานต่อได้ ในคืนเข้าหอสาวงามของเขา คงไล่ตะเพิดเธอออกจากประตู แล้วเธอก็ตกระกำลำบากไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วนอนอยู่ข้างถนน …
น่าเวทนาเสียจริง! ชางหลิงไม่กล้าจินตนาการให้เห็นของตนเองที่ต้องไปนั่งเป็นขอทานอยู่ตามถนน
ดังนั้น เธอต้องอยู่ในบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อแก้แค้น ยังต้องรับประกันให้ตนเองได้รับชัยชนะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอนาคต
ชางหลิงขอให้หลีซินจัดเตรียมเตียงเล็กๆ ให้เธอหนึ่งเตียง และเก็บกวาดห้องหนังสือ มุมห้องมีที่ว่างอยู่ คอมพิวเตอร์ โต๊ะหนังสือ ทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้ครบหมดแล้ว ห้องหนังสือที่ว่างเปล่าพลันกลายเป็นห้องทำงานที่เป็นของเธอโดยเฉพาะทันที การกินการนอนก็สามารถทำได้ในห้องทุกอย่าง
หลังจากที่จัดเตรียมสิ่งของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้านหน้าคอมพิวเตอร์ที่เธอก็จดบันทึกแบรนด์เสื้อผ้าทั้งหมดที่ผ่านมาหลายปีของบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป ทุกสไตล์ต่างจำขึ้นใจเป็นอย่างดี ลายที่พิเศษหน่อยเธอก็เริ่มลงมือจัดการวาดภาพเองเลย แบบง่ายหน่อยก็ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเอา
ตอนที่โหมวยู่กลับมานั้น พลันรู้สึกตงิดๆ ว่าที่นี่มีบางอย่างไม่เหมือนเดิม เมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องนอนแล้ว ในห้องพลันว่างเปล่า เดิมทีที่มีร่องรอยของชางหลิงอยู่มันกลับว่างเปล่า ขนาดเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้หายไปทั้งหมด
เขาขมวดคิ้วเป็นเส้นตรงสามเส้น ในใจพลันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมากระแทกใส่ ความรู้สึกเจ็บปวดมันพุ่งตีขึ้นมา
เธอไปแล้วเหรอ?
โหมวยู่เดินจ้ำอ้าวออกมา หลังจากที่ไปดูในห้องรับแขกรอบหนึ่งแล้ว จากนั้นก็เปิดประตูห้องหนังสือ
ในห้องดำสลัว มีเพียงหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่วางใกล้โต๊ะเท่านั้นที่ยังคงสว่างไสวอยู่ ชางหลิงนอนพาดอยู่บนโต๊ะ สภาพเหนื่อยล้าจนเผลอหลับไปแล้ว
โหมวยู่กวาดตามองรอบๆ ห้อง จนรู้สึกว่าที่นี่ปรับปรุงใหม่ทั้งหมด สิ่งของของเธอนั้นถูกย้ายมาหมดแล้ว ขนาดเตียงก็ยังได้จัดเตรียมไว้แล้วเลย
แม้ว่ารู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่ได้ไปไหนในใจพลันถอนหายใจทันที แค่ว่า การที่เธอตั้งแง่ขีดเส้นระหว่างเธอกับเขาอย่างชัดเจนแบบนี้ มันยิ่งทำให้รู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีอย่างไม่รู้ตัว
เขาไม่ทันระวังจนเหยียบดินสอที่ตกอยู่ที่พื้น จนมันส่งเสียงรบกวนชางหลิงที่เพิ่งจะนอนเมื่อครู่ เธอลืมตาขึ้นมา จึงมองเห็นโหมวยู่ยืนอยู่ตรงนั้น
เมื่อเห็นว่าชางหลิงตื่นนอนแล้ว นัยน์ตาของโหมวยู่ก็มืดหม่นลง
“ทางที่ดีคุณอธิบายสักหน่อย ว่านี่มันหมายความว่าอย่างไร?” เขาชี้ไปที่เตียงเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังของเธอ
“จะหมายความว่าอะไรได้อีกล่ะ?” ชางหลิงที่ยังไม่หายโกรธอยู่ โหมวยู่ใช้คำพูดเช่นนี้พูดออกมา เธอยิ่งต่อต้านมากขึ้นกว่าเดิม
“ฉันก็แค่อยากมีความเป็นส่วนตัวไม่ได้เหรอ? ถ้าคุณรู้สึกว่าฉันมาครอบครองห้องหนังสือของคุณแล้วทำให้คุณไม่พอใจ พรุ่งนี้ฉันจะย้ายออกก็แค่นั้นเอง”
“ย้ายออก?” หัวคิ้วของโหมวยู่ยิ่งขมวดแน่นขึ้น เธอยังอยากจะย้ายออกเหรอ? เพิ่งเข้ามาทำงานที่บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปแท้ๆ ยังไม่สามารถยืนได้ตรงด้วยลำแข้งตนเองเลย เธอก็ออกไปดื้อๆ เลย?
“ทำไม? เป็นเพราะว่าเมื่อวานหยูเฉินมาหาคุณใช่ไหม?” ชางหลิงพูดออกมาแบบนี้ เขาพลันคิดถึงเรื่องเมื่อวานที่หลีซินมาแจ้งเขาว่าหยูเฉินมาที่ใต้ตึกแล้วต้องการรับเธอไป
ชางหลิงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ช่างจับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆ เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับหยูเฉินล่ะ? เขาสามารถพูดได้ว่าจะอยู่กับคุณโม่โม่ก็จะอยู่กับคุณโม่โม่ได้ ส่วนเธอก็ไม่สามารถย้ายออกไปหาห้องบ้านเช่าหรือไง?
เขาเป็นคนใกล้จะแต่งงานอยู่รอมร่อแล้ว ถึงตอนนั้นมีคนมาคว้าตัวแล้วป่าวประกาศว่าเธอคือเมียน้อยเหรอ เธอไม่กลัวขายหน้าบ้างหรือไง?
“แล้วเพราะอะไรฉันต้องไปเกี่ยวข้องกับคุณด้วย?” ชางหลิงโมโหจัด “คุณรู้สึกว่าคุณมีบุญคุณกับฉันมากตอนที่ฉันขายหน้าที่สุดคุณรับอนุเคราะห์ฉันเอาไว้ใช่ไหม คุณคิดว่านอกจากคุณแล้วฉันไม่มีสถานที่อื่นให้ไปใช่ไหม?”
พูดพล่ามไปเรื่อย ชางหลิงก็โมโหกระฟัดกระเฟียดพร้อมทั้งเดินออกไปทางด้านนอก แต่ว่า โหมวยู่ ยื่นมือออกมา พร้อมทั้งขวางทางเธอเอาไว้
“ฉันไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น” เขาพูดอธิบายแบบธรรมดาออกมา
“คุณหมายความว่ายังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉัน เพราะยังไงเราสองคนไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ นี่ ถึงตอนนั้นคุณก็ไปแต่งงานกับคุณโม่โม่แล้ว ฉันก็ย่อมต้องไปอยู่ในที่ฉันอยู่ดี ฉันจะกลับไปคืนดีกับหยูเฉินหรือว่าจะไปคบกับผู้ชายคนอื่น คุณก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง!” ชางหลิงโมโหมาก ความโกรธที่อัดแน่นอยู่เต็มอก จนทั้งหมดมันกลายเป็นความโกรธเดือดพล่านที่มิอาจต้านทานไว้ได้
ชางหลิงผลักโหมวยู่ เพื่อต้องการจะเดินไปด้านนอก แต่ว่าโหมวยู่ไม่ได้ทำให้เธอสมใจอยาก พลางใช้มือข้างหนึ่งเกี่ยวกระหวัดเธอให้ถูกจองจำอยู่ในอ้อมกอด
เขาไม่ได้พูดอะไร ได้แต่หลับตาลง พร้อมทั้งอนุญาตให้ชางหลิงอยากจะโหวกเหวกโวยวายยังไง ก็ไม่ยอมปล่อยสักนิด
“คุณปล่อยฉันนะ!” ชางหลิงใช้พละกำลังอย่างหนักหน่วงในการดิ้นรน เมื่อเห็นว่ายังไงก็มิอาจหลุดพ้นได้ เธอจึงทุบไปที่แผ่นอกกำยำของโหมวยู่ “ฉันไม่ต้องการให้คุณมายุ่ง คุณไปมีความสุขกับคุณโม่โม่เถอะ ฉันก็จะใช้ชีวิตที่มีความสุขแบบฉัน”
เมื่อคำพูดหลุดออกมาแล้ว ชางหลิงถึงได้เข้าใจทันที สิ่งที่ตนเองสนใจที่สุดนั้นคือ เขาอยู่กับคุณโม่โม่
โหมวยู่ยิ้มเล็กน้อย เดิมทีความโกรธที่เพิ่มพูนขึ้นนั้นตอนนี้ได้มลายหายไปตั้งแต่แรกแล้ว เขาคิดว่าเป็นเพราะว่าหยูเฉินเธอเลยต้องการจะไป ตอนนี้ดูแล้ว เป็นเพราะว่าเขากับคุณโม่โม่ต่างหาก
“คุณหึงผมเหรอ?” โหมวยู่กอดเธอเอาไว้แน่น พร้อมทั้งกระซิบข้างหูเธอ
“ใครกันที่หึงคุณ” ชางหลิงกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น พลันหันศีรษะไปอีกทาง
“อ้อ” โหมวยู่เริ่มสนุกขึ้นมาทันที “งั้น … คุณไปเถอะ”
เขาปล่อยมือทันที
ชางหลิงตะลึง เธอได้แต่ยืนเซ่อซ่าอยู่ที่เดิม เมื่อเงยหน้าขึ้น พลันเห็นโหมวยู่ที่แสดงท่าทางแล้วแต่
เขายอมปล่อยให้เธอไปจริงๆ เหรอ? ที่แท้ก็ไม่มีความรู้สึกกับเธอสักนิด? ขนาดจะง้อสักหน่อยยังไม่มีเลย ปล่อยเธอไปดื้อๆ ซะงั้น?
ความจองหองเมื่อครู่พลันลดระดับลงทันที นัยน์ตาของชางหลิงพลันมีน้ำตาเอ่อล้นออกมา ไม่ถึงวินาที น้ำตาก็ร่วงไหลหล่นลงมาเป็นเปลาะๆ
“ฉันรู้ว่า … ฉันรู้ว่าคุณคิดยังไง คุณก็แค่หวังให้ฉันไป! ปากคุณที่พูดว่าไม่ยอมหย่า ก็เพราะว่าสงสารฉัน วันนี้เลยให้งานฉันทำ เลยคิดจะตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างเรา…”
ยังไม่ทันพูดจบ โหมวยู่โน้มศีรษะลงมาเพื่อจูบปากของเธอ ชางหลิงถูกบังคับจนได้ลิ้มลองน้ำตาของตนเอง โหมวยู่เริ่มจู่โจมเข้ามาเรื่อย พร้อมทั้งกดศีรษะของเธอเอาไว้แน่น
“อื้อ ….” ชางหลิงผลักปฏิเสธเขา แต่ว่ามือของโหมวยู่ได้ตรึงเธอเอาไว้ จนทำให้เธอขยับเขยื้อนไม่ได้