บทที่ 36 สบายแล้วก็เลยไม่อยากไปใช่ไหม
เรื่องราวระหว่างพวกเขาสองคนยังไม่ทันคุยกันให้รู้เรื่องเลย? เขาไม่ยอมอธิบายอะไรสักประโยค? แค่รู้ใช้วิธีรังแกเธอ เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันแน่?
“คุณปล่อยฉันนะ ….” ชางหลิงต้องการจะผลักเขาออก แต่ว่าโหมวยู่ก้มตัวลงพลันอุ้มตัวเธอขึ้น จากนั้นก็ก้าวไปไม่กี่ก้าว ทั้งสองคนก็ล้มตัวลงบนเตียง
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วที่คุณรู้สึกว่าที่นี่มันเปลี่ยนอารมณ์ งั้นก็ลองสักหน่อย” พูดจบ มือของโหมวยู่ก็ลูบคลำบริเวณแผ่นหลังเนียนละเอียดของเธอ
“คุณมันไร้ยางอาย!” ชางหลิงพยายามต่อต้านจนไม่ไหว ได้แต่ยอมปล่อยให้โหมวยู่ครอบครองเตียงเล็กๆ ของเธอไป พร้อมทั้งทิ้งน้ำหนักกดทับร่างกายเธอ
โหมวยู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มือก็คอยลูบไล้ร่างกายของเธอ …
เสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้น จนปลุกเธอให้ตื่นจากความฝัน เมื่อลืมตาขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของโหมวยู่
เตียงมันยาวแค่ 1.20 เซนติเมตรเอง ผู้ชายที่ตัวโตอย่างโหมวยู่ที่นอนอยู่นั้นมันเบียดเสียดกันมากจริงๆ ดังนั้น แถมทั้งคืน เธอก็นอนหลับอยู่บนตัวเขา
โหมวยู่ยังไม่ตื่น ชางหลิงพลันใช้สองมือดันตนเองให้ลุกขึ้น ด้วยท่าทางที่นั่งอยู่บนตัวเขานั้น เลยได้มองจ้องหน้าของอย่างพินิจพิจารณา
ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมเช่นเขา ใกล้ชิดเธอและอยู่กับเธอเช่นนี้ จะให้คิดยังไงก็รู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง
เขาคือโหมวยู่เลยนะ คนตั้งมากมายคาดหวังว่าจะสามารถเข้าหาคุณชายรองโหมวได้ แล้วทำไมต้องมาอยู่กับคนที่แสนธรรมดาอย่างเธอด้วยล่ะ? เป็นเพราะว่าเหตุการณ์ผิดพลาดในวันนั้นเหรอ?
“มองพอหรือยัง?” โหมวยู่ลืมตาขึ้น แล้วประสานสายตากัน บรรยากาศเริ่มเงียบลงทันที
“ฉัน…คุณตื่นตอนไหนเนี่ย?” ชางหลิงเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วโดยจับได้เช่นนั้น
“ถ้าคุณไม่ยอมไป วันนี้ก็อย่าคิดจะหนีไปอีกแล้ว” โหมวยู่พูดเตือนเธออย่างเป็นมิตร
ชางหลิงถึงนึกขึ้นได้ว่าท่าทางของทั้งสองคนนั้นมันช่างร้อนรุ่มมาก ทั้งสองคนต่างอยู่ในสภาวะวาบหวามกันอยู่…
“ฉัน ฉันไปทำงานก่อน” ชางหลิงราวกับวิ่งหนีตาย
หลังจากมีการอบรมเมื่อวานนี้ วันนี้ชางหลิงเลยตั้งใจที่จะไปเร็วสักหน่อย พร้อมทั้งใส่รองเท้าที่เหมาะสมสำหรับการเดิน เหมาะสมกับสถานการณ์หรือเปล่าก็ไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกแล้ว ถูกโหมวยู่ทรมานมาทั้งคืน เธอสามารถเดินได้ตรงตามปกติก็ถือว่าร่างกายแข็งแกร่งมากแล้ว
“หลิงหลิง คอแกมีอะไรติดอยู่เหรอ?” เมื่อเจอชางหลิงสิ่งแรกที่เรียกความสนใจซูเสี่ยวเฉิงได้ก็คือรอยจี้แดงบนลำคอของเธอ “หรือว่าแกกับหลีซิน… ไม่ใช่ว่าเขา…”
“พูดมั่วอะไรเนี่ย?” ชางหลิงรีบปิดลำคอของตนเองไว้ โหมวยู่น่าไปตายซะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอต้องมาทำงานยังจะสร้างหลักฐานการลงโทษให้เธออีก นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกที่ทำให้เธอถูกคนหัวเราะเยาะหลอกเหรอ
“ฉันเป็นลมพิษ มันร้อนขึ้นมาเอง” ชางหลิง จัดการติดกระดุมเม็ดบนสุด เพราะว่านี่สามารถปิดบังรอยเหล่านั้นได้ทั้งหมด
เหรอ? ซูเสี่ยวเฉิงรู้สึกแปลกประหลาดมาก แต่ว่า เธอแต่งงานหลอกๆ กับหลีซิน คงไม่เกิดเรื่องพรรค์นั้นขึ้นแหละ…
“ระวังหน่อย งานในวันนี้คือการสร้างความคุ้นเคยกับแผนกออกแบบและเพื่อนร่วมงานรวมถึงเนื้อหาของงาน หัวหน้าทีมจะจัดที่นั่งที่ดีที่สุดให้กับพวกคุณ ทดลองงานสามเดือน ทุกวันอยู่ในช่วงการประเมิน ทุกวันต่างตั้งใจทำงานเถอะ” หวางเหม่ยลี่ยังคงใช้น้ำเสียงห้วนๆ เช่นเดิม
ทีมทั้ง 11ทีมต่างเดินไปหาหัวหน้าทีมของตนเองยังอาคารที่เกี่ยวข้อง ในมือของทุกคนต่างมีบัญชีรายชื่อกันคนละหนึ่งแผ่น ด้านบนเขียนคนรับผิดชอบทั้งตำแหน่งใหญ่ตำแหน่งเล็กทุกตำแหน่งทุกแผนกรวมทั้งเพื่อนร่วมงานของแผนกออกแบบของพวกเธอทุกคน
ชางหลิงเปิดดู พลันเห็นชื่อของโหมวยู่อยู่ในชื่อแรก ถัดมา มีชื่ออีกสองตัวอักษร——โหมวฉี่
“อาคารที่ 3 เป็นอาคารที่ทุกคนต้องมาทำงานสามเดือนต่อจากนี้ หัวหน้างานของพวกคุณ เจ้านายของพวกคุณคือนักออกแบบเหรียญทองของเซิ่งซื่อผู้อำนวยการถง ถงเอินทีมใหญ่ทุกทีมนอกจากผู้อำนวยการแล้ว ยังมีนักออกแบบเหรียญทองอีก 4 คน นักออกแบบเหรียญเงิน6คนและนักออกแบบเหรียญทองแดงอีก 20 คน” หัวหน้าพูดอธิบายอยู่ใจเย็น “ลำดับของทุกคนคือนักออกแบบทั่วไป นักออกแบบทุกคนต่างทุกประเมินกันทุกชั้น คนที่อยู่ในที่นี้ทั้ง 6 คน มากที่สุดอาจจะมีเพียงหนึ่งท่านที่สามารถอยู่ในเหรียญทองแดงได้ ฟังแล้วดูโหดร้าย แต่ว่าเรื่องก็เป็นเพราะเหตุนี้ ดังนั้นชื่อเสียงของเซิ่งซื่อถึงได้อยู่ในอันดับต้นๆ ในต่างประเทศ”
ทั้ง 6 คนต่างเงียบกริบ ชางหลิงกับซูเสี่ยวเฉิงสบตากัน เมื่อวานก็แค่ออเดิร์ฟเท่านั้นเอง การเปิดศึกต่อสู้แข่งขัน มันเริ่มมันนี้ต่างหาก
ทั้ง 66 คน แบ่งเป็น 11 ทีม แต่จะเหลือคนไว้ 10 คน นั่นก็หมายความว่า มีความเป็นไปได้มากว่าในทีมบางทีมจะไม่มีใครสักคนที่สามารถอยู่ต่อได้
ส่วนคนหลายคนที่อยู่ข้างกายพวกเธอนั้น ตอนนี้ยังสามารถยืนอยู่ที่นี่ แต่อีกเดี๋ยว ก็จะเริ่มเข้าการต่อสู้แล้ว
ชางหลิงแอบกำมือของตนเองเอาไว้แน่น เธอต้องอยู่ให้ได้ ไม่ใช่แค่นั้น เธอต้องพาซูเสี่ยวเฉิงไปฟาดฟันให้ออกจากกรอบที่ถูกล้อมนี่ มีแค่แบบนี้ เธอถึงได้เหมาะสมกับการที่เธอสละชีวิตเพื่ออยู่เป็นเพื่อนสร้างความสัมพันธ์กับสุภาพบุรุษหนุ่ม
“นี่คือตำแหน่งที่นั่งของพวกคุณ” หัวหน้าทีมเอาบัตรยื่นส่งให้ถึงมือพวกเขาทุกคน “ทุกอาคารใหญ่ของแผนกออกแบบ ชั้นแรกเป็นห้องตัดเย็บเสื้อผ้า ชั้นสองเป็นห้องตัวอย่างผ้า ชั้นสามเป็นห้องทำงานของนักออกแบบทั่วและนักออกแบบเหรียญทองแดงชั้นที่สี่คือนักออกแบบเหรียญเงินชั้นที่ห้าคือนักออกแบบเหรียญทองชั้นบนสุดคือห้องทำงานของผู้อำนวยการ หวังว่าทุกท่านที่อยู่ตรงนี้ จะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ” หัวหน้าทีมยิ้มให้อย่างเป็นทางการ ทว่ากลับทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“รุ่นพี่ของพวกคุณรอพวกคุณอยู่ที่ห้องประชุมชั้น5 ทุกคนเดินตามฉันมาเถอะ”
ชางหลิงกอดบัญชีรายชื่อเอาไว้ พลันสูดหายใจเข้าลึกๆ และก้มศีรษะลงมอง พร้อมทั้งขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกับทุกคน
แผนผังของชั้น 5 ใหญ่กว่าทุกชั้นที่อยู่ด้านล่าง นักออกแบบทุกคนต่างก็มีห้องทำงานเป็นของตนเอง ด้านบนก็มีชื่อเฉพาะที่เป็นของตนเอง ซูเสี่ยวเฉิงมองแล้วตาทอประกาย ช่างสวยงามและน่าอิจฉาเหลือเกิน
หางตาของชางหลิงเหล่ไปมอง ก็เห็นว่าในห้องทำงานทั้งสี่ห้องนั้น มีอยู่ 1 ห้องที่ว่างอยู่
หัวหน้าทีมเคาะประตูห้องประชุมขนาดใหญ่ จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไป ชางหลิงเดินเข้าไปในห้องประชุมเป็นคนแรก
เมื่อมองออกไปรอบๆแล้ว ก็เห็นว่าห้องประชุมมีสีสันสว่างสดใส มีกลุ่มบรรดาชายหญิงมากมายนั่งอยู่ด้านในด้วยความเข้มงวดมาก โต๊ะประชุมตัวยาว ผู้หญิงที่เป็นหัวหน้าอายุไม่ถึง 30 ปี แต่งกายด้วยชุดทำงานแบบเรียบๆ ผมบ๊อบเท พร้อมทั้งมองคนที่เข้ามาใหม่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มให้
“ผู้อำนวยการถง ฉันจัดการพาคนมาส่งแล้ว ต่างก็เป็นนักศึกษาที่เพิ่งจบการศึกษามาใหม่ มีตรงไหนที่ไม่รู้เรื่อง คุณช่วยดูแลสักหน่อย” หัวหน้าทีมโค้งทำความเคารพให้เธอ
“ลำบากหัวหน้าเซี่ยแล้ว” ถงเอินลุกขึ้น จากนั้นก็เดินมาด้านข้างของพวกเธอ
หัวหน้าเซี่ย เดินออกไปจากห้องประชุมแล้ว พอปิดประตูเสร็จเรียบร้อย ถงเอินก็เดินมาทางด้านหน้าของพวกเธอ พร้อมทั้งใช้สายตาพิจารณาพวกเขาอยู่รอบหนึ่ง พร้อมทั้งยิ้มให้อย่างเย็นชา จากนั้นก็หันศีรษะกลับไปหาคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุม
“ลำดับต่อไป ….” เธอดึงคอเสื้อของตนเอง น้ำเสียงเริ่มรำคาญมาก “ต้อนรับคนใหม่ของพวกเรากันเถอะ”