บทที่ 26 เอาใจให้ฉันมีความสุข
“คุณบอกฉันมาตามตรง โหมวยู่ซื้อเธอโดยบอกว่าตราบใดที่เธอปล่อยฉัน เขาก็จะให้เธอเข้าบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปไปเป็นดีไซเนอร์ใช่ไหม” ชางหลิงไล่บี้ถามเขา
หลีซินสัมผัสจมูก ตึงเครียดขึ้นมาทันที
“เอ่อ…ปกติแล้วบอสจะมีแผนของเขา หรือไม่…คุณควรกลับไปถามเขาด้วยตัวเองนะ”
“หึ!” ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ชางหลิงก็พุ่งออกไปทันที หลีซินตามอยู่ข้างหลังอย่างหมดหนทาง
ผู้หญิงที่กำลังหึงไม่สามารถไปยั่วได้ เขายังเป็นแค่ลูกน้องเพียงแต่ไม่รู้ว่าถ้าพี่สะใภ้เผชิญหน้ากับบอส ใครจะมีอำนาจเหนือกว่ากัน
ชางหลิงกลับไปที่nova เดิมทีอยู่ที่โรงพยาบาลยังโกรธจนภายในเดือด รังกำลังถูกไฟไหม้ เมื่อกลับไปที่ชั้นบน เห็นโหมวยู่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์
ท่าทางสงบนิ่งยิ่งทำให้เธอโกรธมากขึ้น แต่เมื่อได้เห็นอาหารอร่อยๆ บนโต๊ะก็ขยับเข้าไปนั่ง แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมากิน
โหมวยู่วางหนังสือพิมพ์ เหลือบมองไปยังชางหลิงที่เงียบไม่พูดจา จึงเงยหน้าส่งสายตาถามหลีซิน
หลีซินยักไหล่ ส่งสัญญาณว่าไม่มีอะไรเกี่ยวกับตัวเอง
“แพ้อีกแล้วหรือไง” โหมวยู่หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอีกครั้งและพูดอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ
ชางหลิงไม่ตอบกลับ แค่ยัดของกินเข้าปากตัวเอง แก้มบวมขึ้น เหมือนกระรอกน้อยกำลังกิน
โหมวยู่ขมวดคิ้ว มองเธอตาวาว
“ฉันทานอิ่มแล้ว” ชางหลิงวางตะเกียบลง เอาผ้าเช็ดปากมาเช็ดปากตัวเอง ลุกขึ้นและจะออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้” โหมวยู่ส่งเสียงเย็น
เท้าของชางหลิงหยุดก้าว ดื้อรั้นไม่หันหน้ากลับไป
“หลีซิน ในเมื่ออาหารพวกนี้ไม่อร่อย พวกพ่อครัวก็ไม่ต้องเก็บไว้ ไล่ไปให้หมด” โหมวยู่อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่แม้แต่จะเลื่อนสายตาขึ้นมอง
“ได้ครับ” หลีซินตัวสั่นตอบรับ
“ได้อะไรล่ะ!” ชางหลิงหันไป “ฉันพูดตอนไหนว่าอาหารไม่อร่อย”
เธอกลับไปที่นั่งแล้วนั่งลง กอดอก ไม่อยากมองหน้าโหมวยู่
“ดีไซเนอร์ขยะคนเดียวบอกว่าจะรับเข้าทำงานก็รับเลย แต่พ่อครัวไม่กี่คนกลับยอมไม่ได้”
ชางหลิงบ่นพึมพำอย่างทนไม่ไหว
โหมวยู่อ่านความคิดของเธอ ไม่ใช่แค่การโกรธภายนอกธรรมดา แต่ยังถูกชางฉิงยั่วโมโหมาด้วย
“ฉันเป็นประธานของบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป ฉันอยากเก็บใครก็เก็บ อยากไล่ใครก็ไล่ ยังต้องปรึกษาคุณด้วยเหรอ”
ชางหลิงกัดฟัน ถูกผู้ชายคนนี้ทำให้โกรธจนจะตาย
เขารู้ว่าเธอเกลียดชางฉิงมาก แต่ก็ยังยืนยันจะรับชางฉิงเข้าทำงานที่บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป เห็นได้ชัดว่าต้องการตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอถูกไหม
แต่ถ้าฟังคำพูดเขาให้ละเอียด เหมือนเขาเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ให้กับชางหลิงอีกครั้ง
“ก็ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันก็จะไปเป็นดีไซเนอร์ที่บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปด้วย” แววตาของชางหลิงเป็นประกายวิบวับ คำนวณผลประโยชน์ในใจ
โหมวยู่ วางหนังสือพิมพ์ลง นิ้วเคาะโต๊ะจนเกิดเสียงเบาๆ
ชางหลิงวิ่งไปหาโหมวยู่และย่อตัวลง เงยหน้ามองเขาตาปริบๆ “คุณชายรอง คุณดูสิ ไม่ว่าจะคุณสมบัติหรือทักษะ ฉันก็ดีกว่าชางฉิง คุณรับฉันเข้าไป จะไม่มีทางเสียหาย คุณวางใจ ฉันสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างมาก ตราบใดที่มันเป็นสองเท่าของชางฉิงก็พอ”
โหมวยู่หรี่ตา
“ได้ๆๆ เรื่องค่าจ้างคุณเป็นคนดูให้ ตราบใดที่ฉันเข้าไปได้ ฟรีทั้งหมดก็ได้ ทำได้ไหม” เธอสองมือเท้าคาง ดวงตากลมโตกะพริบปริบ
โหมวยู่เมินหนีไม่สนใจเลย
“โธ่เอ๊ย คุณชายรอง คุณชายรองคนดี คุณสัญญากับฉันสิ” ชางหลิงเขย่าขากางเกงของเขา “ฉันจะทำงานเป็นม้าเป็นวัวให้คุณฟรีๆ คุณสงสารสาวน้อยตัวเล็กๆ เถอะ ดีร้ายยังไงฉันก็เรียนด้านดีไซเนอร์มานะ คุณจะให้ฉันทิ้งวิชาชีพของฉันไม่ได้นะ ว่างไปวันๆ ไม่ทำการทำงาน”
หลีซินกลั้นยิ้ม แต่เมื่อขยับดวงตาไปเห็นสายตาของโหมวยู่ ก็รีบยืนตัวตรง “บอสครับ ผม…ผมนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องบางอย่างต้องทำ ออกไปก่อนนะครับ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ออกจากสถานที่เกิดเหตุด้วยอัตราความเร็วจนเกือบจะเป็นสายลม
“ไม่ตกลงก็ช่างเถอะ ฉันจะไปสัมภาษณ์ที่บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปด้วยตัวเอง ฮึ!” ชางหลิงเห็นโหมวยู่ทำหน้าไม่ดีอยู่ตลอดเวลา ก็รู้ว่าคนคนนี้ใจแข็งไร้ความรู้สึก จึงไม่ใช้แก้มร้อนไปแนบก้นเย็น
“ฉันบอกแล้วเหรอว่าไม่สัญญากับเธอ” ชางหลิงเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็วอย่างกับพลิกหน้าหนังสือ ก้มหัวโค้งคำนับให้โหมวยู่
“ดูการแสดงของเธอ” โหมวยู่ลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าที่ถูกเธอจับกำจนยับ “เอาใจให้ฉันมีความสุข แล้วฉันจะให้เธอไป”
คิ้วของชางหลิงขมวดจนกลมอีกครั้ง “งั้นฉันไปสัมภาษณ์ดีกว่า”
ใครจะไม่รู้ว่าเขาเป็นยมบาลหน้าเย็น จนถึงตอนนี้เธอยังไม่เคยเห็นเขายิ้มเลย ต่อให้ยิ้มก็เย็นชามาก เอาใจให้เขามีความสุข มันยากสำหรับเธอมากกว่าการสัมภาษณ์เสียอีก
“ชางฉิงไปเป็นทีมดีไซเนอร์แนวหน้าของบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป” โหมวยู่ยกยิ้มมุมปาก
ผู้ชายคนนี้ ต่ำช้าเกินไปจริงๆ ดีไซเนอร์แนวหน้า เด็กใหม่เข้าไป สามปีห้าปียังไม่สามารถสะสมจนได้เหรียญเงินเลย ขณะที่ทีมดีไซเนอร์แนวหน้า คนกวาดพื้นลวกๆ ข้างในยังเหนือกว่าเหรียญทองด้วยซ้ำ
ในเมื่อเธอเข้าไปเพื่อต่อสู้กับชางฉิง แล้วจะแพ้เธอตั้งแต่เริ่มได้อย่างไร
สายตาของโหมวยู่มองพิจารณาเธอหัวจดเท้า ชำเลืองมองบางเบา “คิดเอาเอง”
เขามือไพล่หลังเดินออกไป เหลือชางหลิงอยู่ที่เดิม มองตัวเองขึ้นลงรอบหนึ่งแล้วก็พลันหน้าแดง
อย่างที่คิดเลย! ผู้ชายทุกคนเป็นผู้ชายหลอกลวง!
โหมวยู่เดินตรงไปที่โรงยิมชั้นล่าง ตอนที่อยู่กองทัพมีการพัฒนานิสัยในการออกกำลังกายทุกวัน ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะถูกปลดประจำการมาสามปีแล้ว ก็ยังออกกำลังกายเป็นประจำ
ถุงมือชกมวยทรงพลังกระแทกกับกระสอบทราย จนเกิดเสียงดังอื้ออึง ผมสั้นของชายหนุ่มเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หยาดเหงื่อไหลจากแก้มของเขาซึมเข้าไปในเสื้อผ้า เสื้อผ้าที่เปียกชื้นแนบเนื้อเปิดเผยเส้นกล้ามเนื้อบางเบา
“บอสครับ” หลีซินได้รับข้อความของเขา อันดับแรกจึงรีบมาที่นี่
“ขึ้นมา” โหมวยู่หยุดการเคลื่อนไหว จับหยุดกระสอบทรายที่ยังคงสั่นไว้
หลีซินในใจไร้ความเพลิดเพลิน แต่ก็ยังขึ้นไป เขาเพิ่งก้าวขึ้นเวที โหมวยู่ก็เหวี่ยงกำปั้นเข้าหาเขาแล้ว หลีซินก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เคลื่อนกายไปด้านข้าง หมุนตัวคล่องแคล่ว หลีกเลี่ยงการโจมตีของเขา
“บอส!” หลีซินไม่เข้าใจว่าทำไม
“ก่อนหน้านี้ฉันสั่งนายว่ายังไง” โหมวยู่กดเสียงต่ำ “การแก้ปัญหา ให้กำปั้นไม่ได้”
ไม่นานหลีซินก็เข้าใจชัดเจนว่าโหมวยู่กำลังสั่งสอนเขาเรื่องจ้าวหลันจือ ท่าทีจึงอ่อนลงทันที “ขอโทษครับพี่ใหญ่ ผมแค่อยากสอนบทเรียนให้เธอ แต่ว่าเธอเป็นคนประเภทที่น่ารังเกียจ ผมเห็นเธอลงมือโหดร้ายกับพี่สะใภ้แบบนั้น จึงแค่อยากระบายความโกรธให้เธอครับ”
โหมวยู่ส่งเสียงเยาะขึ้นมา “เธออายุเท่าไรนายอายุเท่าไร ฉันต้องการให้นายอยู่ข้างเธอ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอสร้างปัญหา นายดีนี่ ยังไปสมรู้ร่วมคิดด้วยงั้นเหรอ”
หลีซินก้มศีรษะลง เงียบเชียบไม่ส่งเสียง
“ผมรู้ว่าผิดแล้วครับ แล้วแต่พี่ใหญ่จะลงโทษครับ” หลีซินแสดงความจริงใจ “อยู่ข้างนอก มันแตกต่างกับกองภาคสนามเรา” โหมวยู่สีหน้าเฉียบคม “การจัดการคนคนหนึ่ง ต้องเลือกจุดอ่อนของเธอ ที่สามารถทำให้คนอื่นลงมือได้ ไม่ต้องเปลืองแรงตัวเอง”
หลีซินตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าโหมวยู่จะสั่งให้เขาเป็นคู่ซ้อมมวยเพื่อเป็นการลงโทษ เขายังไม่ลืม ครั้งล่าสุดที่เป็นคู่ซ้อมโหมวยู่ มือของเขาต้องพันไว้หนึ่งเดือนเลย
และในขณะที่เขากำลังหวาดกลัว ก็พลันเหลือบไปเห็นร่างเล็กๆ อยู่ด้านหลังลู่วิ่ง
ชางหลิงหลบอยู่ตรงนั้นลับๆ ล่อๆ กำลังจดๆ จ้องๆ มาทางนี้
“หักเงินเดือนสามเดือน ไปรับโทษจากพี่รองของนาย” แล้วโหมวยู่ก็เห็นชางหลิงที่ทำท่าทางพยายามเข้ามาใกล้ จึงพูดออกมา
“ครับ” หลีซินลงจากเวที ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งพระคุณชางหลิงที่ช่วยชีวิต
เห็นหลีซินออกไปแล้ว ชางหลิงที่ซ่อนอยู่ข้างหลังลู่วิ่งก็โผล่หัวออกมา
โหมวยู่นั่งลง ถอดถุงมือออก คลายเกลียวขวดน้ำ ดื่มหมดในอึกเดียว
ชางหลิงรีบวิ่งเข้าไป มือสองข้างยื่นผ้าขนหนูไปวางไว้ข้างๆ เหมือนสุนัขรับใช้ “คุณชายรองลำบากแล้ว เช็ดเหงื่อเถอะ”