บทที่ 40 ผลกรรมของเขามาแล้ว
ฉินซางกลอกตามองบน ก็ได้ ไม่ยุ่งเรื่องของเขา ปล่อยให้พวกเขารักกันจนตายไปเลย
“ชางหลิงจิตใจเป็นเด็ก พักนี้มีเรื่องวุ่นวายไม่คาดคิดผุดขึ้นมามากมาย เอาไปฝากไว้กับใครก็ทำใจรับได้ยากอยู่สักหน่อย นายดูแลเองเถอะ ก็อย่าไปคิดบัญชีกับเธอเลย”ต้วนเหิงปลอบใจเขา
พวกเขาสี่คนพี่น้อง ตลอดมาโหมวยู่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิง ฉินซางเปลี่ยนแฟนสาวเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า หลีซินก็เป็นโสดตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ จะมีก็เพียงแต่ต้วนเหิงเท่านั้น ที่มีความสัมพันธ์ราบรื่นกับภรรยาของตัวเองมาโดยตลอด อย่างตอนนี้ลูกก็อายุสามขวบแล้ว
โหมวยู่กวาดตามองพวกเขาสองคนรอบหนึ่ง ท้ายที่สุดก็เอ่ยเบาๆ ว่า “พวกนาย…เอาใจผู้หญิงยังไงกันบ้าง?”
อีกนิดฉินซางก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมาอยู่แล้ว ลูกพี่ที่มีอำนาจทุกอย่างของพวกเขา ที่แท้ก็มีจุดอ่อนด้วย
“เรื่องนี้เหรอ…”ต้วนเหิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ภรรยาของฉันค่อนข้างจะอ่อนโยน พวกเราจะทำอะไรก็พูดคุยปรึกษากัน หลายปีมานี้ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน…”
โหมวยู่มุ่งเน้นความสนใจไปที่ฉินซาง
“อย่างอื่นอาจจะทำไม่เป็น แต่เรื่องเอาใจผู้หญิงนี้ฉันมืออาชีพ” จู่ๆ ฉินซางก็จริงจังขึ้นมา “ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตามใจเธอ เธอต้องการอะไร ก็ซื้อ ใครไปสะกิดให้เธอไม่พอใจ ก็จัดการ โกรธขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ก็อย่าไปถามเหตุผลเด็ดขาด ถ้าไปถามก็แสดงว่านายทำผิดแล้ว อย่าใช้เหตุผลกับเธอ สิ่งมีชีวิตอย่างผู้หญิงเนี่ย ไม่มีช่วงเวลาที่เธอทำผิดหรอก ต่อให้ทำผิด นั่นก็คือนายเป็นคนทำผิด”
เพราะงั้น เลยต้องสำนึกผิดก่อน?
โหมวยู่ขมวดคิ้วแน่น เขาอยู่มา 28 ปี เคยยอมรับผิดเพียงแค่ครั้งเดียว แต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมากแล้ว ตำแหน่งของเขา ฐานะของเขา ไม่เคยมีใครกล้ามาชี้นิ้วสั่งสอนว่าเขาผิดมาก่อน
“แต่ว่ามีเรื่องหนึ่ง…” ฉินซางทำทีมีลับลมคมใน “ทุกเดือนผู้หญิงจะมักจะมีไม่กี่วันนั้นที่จะเอาใจไม่ค่อยได้ ปกติช่วงนี้ขนาดแค่นายหายใจก็ยังผิดเลย ดังนั้น…ไม่มีทางแก้หรอก”
โหมวยู่ครุ่นคิด
หรือว่าชางหลิง ก็เป็นเพราะ…
“พูดถึงเรื่องนี้”ต้วนเหิงก็พูดแทรกแล้วพูดต่อทันที “ฉันที่เป็นพ่อคนแล้ว มีประสบการณ์มาก่อน ต้องขอเตือนนายประโยคหนึ่ง สถานะของนายกับชางหลิง คงไม่เหมาะที่จะมีลูก ทางที่ดีนายควรจะเก็บอาการไว้สักหน่อย ไม่งั้นถูกนายท่านที่บ้านนายรู้เข้าคง…”
เพราะสนิทกับโหมวยู่ที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่านายท่านของตระกูลโหมวเป็นคนอารมณ์ยังไง นั่นเป็นเรื่องที่เหมาะสมของโหมวยู่plus ทำอะไรขึ้นมาก็โหดเอาเรื่อง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางเลี้ยงคนนิสัยอย่างโหมวยู่ออกมาเป็นอย่างนี้ได้หรอก
ได้ยินต้วนเหิงเตือนอย่างนี้ ในใจโหมวยู่ก็บีบรัดขึ้นมาจริงๆ
เขาไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน อาการถึงเนื้อถึงตัวกันไม่กี่ครั้งล้วนเป็นไปโดยธรรมชาติ ยังไม่เคยคิดถึงด้านนี้มาก่อน
โหมวยู่ส่งเสียงพึมพำออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้น แล้วดึงประตูแล้วก็จากไป
“ชิชะ” ฉินซางกอดอก นั่งไขว่ห้าง ความชั่วร้ายในดวงตาสุนัขจิ้งจอกก็ยิ่งมากขึ้น “เด็กสาวชางหลิงนั่น ประมาทไม่ได้เลย นายเคยเห็นลูกพี่เป็นแบบนี้ไหมเนี่ย?”
ต้วนเหิงมองสำรวจฉินซางครั้งหนึ่งแล้วก็ลุกขึ้น “สองสามวันนี้เราก็อย่าติดต่อกันเลย ฉันรู้สึกว่านายจะหาเรื่องยุ่งยากมาให้ฉัน”
“เฮ้ย!” เมื่อเห็นว่าต้วนเหิงเองก็ไปเหมือนกัน ฉินซางร้องออกมาอย่างไม่ยินยอมประโยคหนึ่ง “อย่าไร้เยื่อใยต่อกันขนาดนี้สิ”
โหมวยู่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ครู่หนึ่ง เขาใคร่ครวญถึงคำพูดของฉินซาง ที่จริงแล้วก็มีหลักการอยู่ แต่ว่าตนเองก็หมดหนทาง จึงหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดเว็บไซต์ป๋ายตู้
ผู้หญิงเป็นประจำเดือนสามีต้องทำอะไรบ้าง?
คำตอบมากมายปรากฏอยู่บนหน้าจออย่างหนาแน่น ซื้อผ้าอนามัย นวดท้อง ทำน้ำตาลทรายแดงผสมน้ำ คอยระมัดระวังเรื่องให้ความอบอุ่น…
สิบนาทีให้หลัง โหมวยู่ก็เข็นรถเข็น พร้อมทั้งยืนอยู่ในซูเปอร์มาเก็ตแล้ว
เขาเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าโซนของใช้สตรีอยู่เป็นนาน นานแล้วก็ยังทำใจไม่ได้สักที
“คุณผู้ชายคนนี้ มาซื้อของแทนแฟนสาวสินะ” คุณป้าพนักงานรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของเขา เดินหน้าเข้ามาพูดคุย
“ผมเปล่า…”
“มาๆๆ ฉันจะแนะนำให้”
โหมวยู่กำลังเตรียมจะแก้ตัว แต่คุณป้าคนนี้ก็ลากรถเข็นช้อปปิ้งของเขาเข้าไปด้านในด้วยความกระตือรือร้นแล้ว
โหมวยู่ไม่มีทางเลือก ได้แต่มองซ้ายขวา แล้วก้าวตามไป
“นี่มีแบบผ้าฝ้าย แล้วก็มีแบบตาข่าย ยี่ห้อพวกนี้ใช้ดีทั้งนั้นเลยนะ ทั้งแบบกลางวันและกลางคืนก็มีหมด คุณต้องการหาแบบไหนล่ะ” คุณป้าชี้ผ้าอนามัยหลากหลายสีสันพวกนั้น ใบหน้ายิ้มแย้ม
โหมวยู่จะเข้าใจเรื่องพวกนี้เสียที่ไหนกัน เพียงแค่คิดว่าของพวกนี้จะถูกเอาไปใช้ยังไง ก็อดคิดถึงชางหลิงขึ้นมาไม่ได้ ติ่งหูก็เริ่มแดงขึ้นมา
“อายอะไรกัน สมัยนี้ไม่เหมือนพวกป้าสมัยนู้นแล้ว ของหลายอย่างแฟนหนุ่มก็เป็นคนมาซื้อทั้งนั้น” คุณป้ายิ้ม หยิบของจำนวนหนึ่งลงมาจากชั้น
งั้นเหรอ? โหมวยู่กวาดตามองรอบหนึ่ง ดูเหมือนว่า เขาจะละเลยการดูแลเธอมากเกินไป จึงเกิดเป็นความข้องใจระหว่างคนสองคนขึ้นมาได้
“เอาที่แพงที่สุด” เขากล่าวเบาๆ
“จ้า ได้เลยๆ” คุณป้าได้ยินที่เขาพูด ก็เอาทุกยี่ห้อทุกขนาดมาให้เขาเลือกจำนวนหนึ่ง แล้วยังพาเขาไปซื้อน้ำผสมน้ำตาลทรายแดงกับถุงร้อนอีกด้วย
โหมวยู่ถือถุงสองใบใหญ่ยืนอยู่หน้าซูเปอร์มาเก็ต ยิ้มอย่างกับตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก
โหมวยู่นะโหมวยู่ กรรมของนายมาแล้วจริงๆ
กลับถึงที่พัก ไฟห้องชางหลิงก็ดับไปแล้ว โหมวยู่ไม่ได้เปิดไฟ ย่างเท้าเบาๆ วางของไว้บนพื้นอย่างระมัดระวัง
คนบนเตียงมีเสียงหายใจเล็กน้อย โหมวยู่นั่งลงตรงข้างเตียง อาศัยแสงสว่างจากนอกหน้าต่างมองเธออยู่เป็นนาน
“โหมว…” ชางหลิงพลิกตัว ปากพึมพำเสียงเบา
โหมวยู่เลิกคิ้ว ขยับเข้าใกล้เธออีกหน่อย
“โหมวยู่…นายสารเลว…” ชางหลิงพึมพำ
โหมวยู่ยกยิ้มมุมปาก
ควรจะดีใจกับตัวเองสักหน่อยหรือเปล่า อุตส่าห์ได้เลื่อนตำแหน่งจากผู้ชายหมาๆ เป็นคนสารเลวเนี่ย
——
เสียงนาฬิกาปลุกได้ผลชะงัดจริงๆ ชางหลิงใช้เพลงที่ตนเองชอบที่สุดตั้งเป็นเสียงปลุกด้วยความยินดี นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน เธอก็อยากจะลากเพลงนี้เข้าบัญชีดำเสียแล้ว
เธอลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยสภาพเหมือนซอมบี้และหัวฟูเหมือนสุ่มไก่ พลางขยี้ตา ในห้องก็ยังว่างเปล่าเหมือน…เอ๋? นั่นมันอะไรนะ?
ชางหลิงถูกถุงสองใบใหญ่ที่อยู่บนพื้นดึงดูดความสนใจ ยังไม่ทันใส่รองเท้าด้วยซ้ำก็เดินเข้าไปดู
ค้นๆ อยู่สักพัก ก็เห็นผ้าอนามัยกับน้ำตาลทรายแดงห่อใหญ่ และยังมีถุงร้อนอีกสองสามใบ ชางหลิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง นี่เป็นของที่ท่านเทพองค์ใดเตรียมไว้ให้เธอกัน? หลีซินเหรอ? แต่เขารู้ได้ยังไงว่าประจำเดือนเธอใกล้จะมาแล้ว?
คงไม่ใช่เพราะโหมวยู่หรอกนะ เขาดูไม่เหมือนคนที่จะซื้อของอะไรพวกนี้ให้เธอได้เลย
ไม่สนแล้ว กำลังกังวลอยู่เลยว่าจะต้องหาเวลาไปซื้อ ในเมื่อมาส่งถึงประตูแล้ว เธอจะไม่รับก็เสียเปล่า
ชางหลิงรับของจากคนลึกลับกลับเอาไว้โดยไม่คิดอะไรมาก เรื่องที่ไม่พอใจเมื่อวานก็เหมือนจะถูกชำระออกไปส่วนหนึ่ง หลังล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วหลีซินก็ไปส่งเธอที่ล่างตึกบริษัทเหมือนอย่างเคย
“พี่สะใภ้” หลีซินนำกล่องอาหารที่เตรียมไว้นานแล้วส่งให้ถึงมือเธอ “ยังไงเดี๋ยวตอนบ่ายให้ผมมาส่งอีกรอบดีกว่า ข้าวทิ้งไว้นานแล้วจะไม่อร่อย”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันใช้ไมโครเวฟอุ่นเอาหน่อยก็ใช้ได้แล้ว จะได้ลดภาระของนายไปอีก” ชางหลิงคลี่ยิ้มสดใส
หลีซินไม่มีทางเลือก พร้อมทั้งยัดน้ำตาลทรายแดงสองถุงเล็กเข้ามาไว้ในมือเธอ “อย่าลืมว่าต้องละลายอันนี้ด้วยนะครับ”
ชางหลิงมองน้ำตาลทรายแดงในมือ ดูตกตะลึง ในใจท่วมท้นไปด้วยความอบอุ่น
“หลีซิน ขอบคุณนะ” เธอมองหลีซิน สายตาจริงใจ “คุณเป็นผู้ชายที่อบอุ่นจัง”
“หา?” หลีซินงงงวย
“ฉันไปก่อนนะ บ๊ายบาย!” ไม่รอให้เขาตอบกลับ ชางหลิงก็หิ้วกล่องอาหารวิ่งเข้าบริษัทไปแล้ว
หลีซินมองตามเงาหลังของเธอ ก็ยิ่งสับสน น้ำตาลทรายแดงเป็นลูกพี่ให้เขาเป็นคนเตรียมไว้ เขาบอกว่าพี่สะใภ้จะต้องลืมแน่ ดังนั้นจึงกำชับให้เขาเอาติดตัวไว้ เป็นแค่งานง่ายๆ เท่านั้น พี่สะใภ้ขอบคุณเขาจริงจังเกินไปหรือเปล่า
วันยุ่งๆ หนึ่งวันได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
การประกวดนักออกแบบที่ผ่านๆ มา มีแต่นักออกแบบเหรียญเงินขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถเข้าร่วมได้ แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าทำไมถึงลดเกณฑ์ลง ทุกคนไม่ว่าใครก็สามารถเข้าร่วมได้ ไม่สนเกรด ดังนั้น ทั้งภาคส่วนของแผนกออกแบบจึงเกิดเป็นพายุถล่มครั้งยิ่งใหญ่
“หลิงหลิง เมื่อกี้ฉันเพิ่งได้ยินมาว่า กลุ่มที่สี่มีคนใหม่ที่ถูกคัดออกอีกแล้ว” ซูเสี่ยวเฉิงเข้าไปพูดใกล้ๆ หูของ ชางหลิง
“เร็วขนาดนี้เชียว?” ชางหลิงประหลาดใจ นี่เพิ่งเริ่มต้นมาแค่สามวันเอง เริ่มประเมินเร็วขนาดนี้เลย?
“ใช่แล้ว ได้ยินว่าตอนปฐมนิเทศเมื่อวาน ปรึกษากันเรื่องแผนภาพการออกแบบของนักออกแบบเหรียญทองคนหนึ่งกับการออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของอีกแบรนด์หนึ่งมันคล้ายคลึงกัน ก็เลยถูกไล่ออกเลยล่ะ”
ซูเสี่ยวเฉิงสั่นสะท้าน “ในเซิ่งซื่อขาดสถานะอันดับไปอีกนิดเดียวก็เหมือนห่างไปไกลเลย นักออกแบบเหรียญทองคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องรอรับอนุญาตจากเบื้องบนก็ได้ ก็สามารถไล่คนใหม่ออกได้ คิดๆ แล้วก็น่ากลัวทั้งนั้น”
ชางหลิงเองก็เกิดความรู้สึกประหม่าขึ้นมาบ้าง ดังนั้น เป็นเพราะชางฉิงรู้เรื่องพวกนี้ ถึงได้กล้าพูดคำพูดพวกนั้นออกมาสินะ
ดูท่าแล้ว เธอคงจะไม่อาจนั่งรอความตายได้ ต้องรีบหาทางออกให้ได้โดยเร็วซะแล้ว