บทที่ 31 ฉันจะได้อยู่กับเธออย่างแน่นอน
ชางหลิงพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้เธอเองก็คิดแต่ว่าจะเป็นคุณนายหยูถึงแม้ว่าจะชอบการออกแบบก็ตามที แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะอาศัยมันเพื่อเป็นการขยับตนเองให้สูงขึ้น ส่วนวันนี้ ก็ทำเพื่อต้องการล้างแค้นถึงได้เข้ามาเซิ่งซื่อแต่ไม่ได้คิดถึงเรื่องอาชีพอะไรเลย
“ผมให้เวลาคุณ 3 เดือน ถ้าคุณไม่สามารถทำตัวให้โดดเด่นมาจากคนกลุ่มที่มาใหม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องเปลี่ยนอาชีพไปเองซะ” โหมวยู่ทำราวกับไม่ได้พูดล้อเล่น สีหน้ายังคงเคร่งขรึมอยู่มาก
“ฉันทราบแล้ว” ชางหลิงก้มหน้าก้มตา เมื่อครู่ได้กวาดตามองอย่างพอใจไปแล้วรอบหนึ่ง
เธอลุกขึ้นจากนั้นก็ไปเก็บถุงที่ถูกที่ทิ้งกองไว้ที่พื้นพร้อมทั้งเอาทั้งหมดย้ายไปยังอีกห้องหนึ่งแทน ที่เดิมทีเป็นห้องหนังสือของโหมวยู่ แต่ว่าปกติแล้วเขาก็อยู่ที่นี่ไม่นานสักเท่าไหร่ ปกติจะจัดการเรื่องงานที่ห้องทำงานด้านล่างซะส่วนใหญ่ ดังนั้น สิ่งของต่างๆ ที่อยู่ในห้องก็ว่างเปล่าไปทั้งหมด
ชางหลิงจัดการแขวนเสื้อผ้าทุกตัว ตัวเธอเองก็วาดรูปเสื้อผ้าทุกตัวอย่างคร่าวๆ ไม่นานนัก ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกระดาษวาดรูปหล่นอยู่เต็มพื้น
เธอจัดอยู่ในสไตล์ราศีธนู ไม่ชอบที่ต้องทนอยู่ในกรอบการผูกมัด และก็ไม่อยากถูกคนอื่นคอยมาดูถูกตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว โหมวยู่ก็พูดแล้ว เธอก็ต้องทำออกมาให้เขาเห็นกับตาของตัวเองได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าหนังสือแจ้งรับเข้าทำงานจะเป็นการใช้เส้นถึงได้มาก็ตาม แต่ว่า เธอจะไม่ใช้เส้นไปตลอดชีวิต!
โหมวยู่ยืนอยู่ตรงประตู เมื่อมองชางหลิงลอดผ่านประตูที่ปิดไม่สนิทว่ากำลังวุ่นวายอยู่ภายในห้อง นิ้วเรียวยาวพลางหยิบดินสอขึ้นมาและวาดรูปเส้นโครงร่างลงในกระดานวาดรูป ตอนที่เธอกำลังตั้งอกตั้งใจอยู่ หัวคิ้วที่กำลังขมวดเข้าหากันแน่น จนทำให้ลายเส้นของเธอแสดงความดื้อรั้นออกมา
เมื่อยกดินสอขึ้น และปิดตาลงข้างหนึ่ง เพื่อคำนวณระหว่างตัวจริงกับรูปภาพ เมื่อประมาณการได้อย่างเรียบร้อยดีแล้ว เส้นมิติและโครงร่างก็เหมือนกับมีชีวิตที่กำลังขยับเขยื้อนอยู่ภายใต้เส้นดินสอของเธอ
“คุณชายรอง” ฉู่ฉือกดเสียงต่ำลง พลางเดินไปยังด้านข้างของโหมวยู่ พร้อมทั้งเอาเอกสารชุดหนึ่งยื่นให้ “จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
โหมวยู่ ไม่ได้ตอบอะไร พลันเดินก้าวออกไป เพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องรับแขกทันที
“คุณชายรอง การที่คุณปฏิบัติตัวเช่นนี้กับคุณชาง จะรุนแรงเกินไปไหม?” ฉู่ฉือเหล่ตามองตัวของชางหลิงที่อยู่ด้านใน “ผมเคยดูประวัติการทำงานและผลงานของคุณชาง เธอมีพรสวรรค์มากนักออกแบบขั้นสูง สามารถเข้ากลุ่มในแผนกออกแบบได้ทันที แต่ทำไมคุณต้องเลือกคุณชางฉิงด้วยล่ะ?”
โหมวยู่หยิบเอกสารที่อยู่ในมือฉู่ฉือมา เมื่อเปิดออกแล้ว ภายในเป็นข้อมูลเอกสารทุกอย่างของชางฉิง
“มีพรสวรรค์แต่ไม่รู้ว่าจะเอาเท้าแตะพื้นให้ตั้งมั่นได้ยังไง ก็เหมือนเรียนวิทยายุทธ์แต่ไม่เรียนการเรียนตั้งท่า ภายนอกก็ดูดีแต่ไม่ภายในไม่ได้เรื่องสักอย่าง” โหมวยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฉู่ฉือไม่กล้าส่งเสียง ความจริงแล้วเขารู้ว่าสิ่งที่โหมวยู่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อฝึกฝนชางหลิง ก็แค่ คุณชายรองของเขานั้นเกิดมาในครอบครัวทางทหาร ตั้งแต่เด็กก็ถูกนายท่านอบรมสั่งสอนมาอย่างเข้มงวดจนถึงตอนโต ด้วยวิธีการฝึกอย่างทรมานของเขา ก็ไม่รู้ว่าชางหลิงจะสามารถทนรับไว้ได้ไหม
โหมวยู่เซ็นชื่อตนเองลงด้านล่างของเอกสาร ท่าทางตวัดปากกา ช่างสง่างามหนักแน่น
ชางหลิงหมกมุ่นทั้งคืน จนถึงช่วงรุ่งสางไปแล้วในที่สุดก็ทนไม่ไหวเลยได้แต่นั่งพิงกำแพงแล้วหลับไป
โหมวยู่ผลักประตูห้อง ก็เห็นกระดาษวางอยู่บนพื้นเกลื่อนกลาดจนเขาไม่มีที่จะยืน เขาก้มตัวลงเพื่อเก็บกระดาษทุกใบขึ้นมา จากนั้นก็วางลงบนด้านข้างอย่างแผ่วเบา พลันตนเองก็เดินมาอยู่ด้านหน้าของชางหลิง
เด็กน้อยคนนี้ถือว่ามีความเข้มแข็งไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาก็แค่ทำท่าตักเตือนไปเล็กน้อยเอง แต่เธอก็ขมีขมันอย่างมากจริงๆ
เดิมเป็นคนที่ไม่ได้สนใจใคร่ดีอะไรอยู่แล้ว แถมตอนนอนยังขมวดหัวคิ้วอีก ใต้ตายังมีถุงใต้ตาคล้ำออกมาให้เห็น
โหมวยู่เขยิบเข้าไปจ้องมองเธอ จนรู้สึกว่าหัวใจบางส่วนที่ถูกปิดตายมันเริ่มซาบซึ้งขึ้นมาแทน
เด็กคนนี้ ถ้าว่านอนสอนง่ายเหมือนตอนหลับแบบนี้ก็คงจะดีไม่น้อย
โหมวยู่พลันยื่นมือออกไปสัมผัสกับหัวคิ้วของเธอ ชางหลิงเริ่มขยับตัว พร้อมทั้งบ่นพึมพำออกมา
“ผู้ชายนิสัยเหมือนหมา…..”
วินาทีนั้นใบหน้าของโหมวยู่หม่นหมองลงทันที
ที่แท้ ถ้าเธอเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ ก็ไม่ใช่ชางหลิงนะสิ
มือที่ยื่นออกไปก่อนหน้านี้รีบดึงกลับมาทันที เขาค่อยๆ อุ้มตัวเธอขึ้น จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าไปยังห้องนอน
ชางหลิงไม่ได้ตกใจจนตื่นขึ้นมาเลย แถมยังนอนหลับสบายใจเฉิบ โทรศัพท์ที่วางอยู่ในห้องหนังสือจนลืมไปแล้ว เมื่อกดปิดเสียงเป็นระบบสั่นไปแล้ว ใครก็ไม่เห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์มันกะพริบอยู่ตลอดเวลา
หยูเฉินโทรศัพท์หาชางหลิงซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็ไม่มีคนรับสายตลอดเวลา
“พี่เฉิน พี่ไม่จำเป็นต้องไปลงทุนลงแรงให้มันเสียประโยชน์อีกแล้ว พี่สาวเขาไม่รับโทรศัพท์พี่หรอก”
เดิมที่ต้องเป็นห้องหอของหยูเฉินกับชางหลิง ชางฉิงนั่งอยู่บนโซฟา แล้วยิ้มไปด้วยพูดกับหยูเฉินไปด้วย
หยูเฉินวางโทรศัพท์ลง จากนั้นก็ใช้สายตาหันมามองชางฉิงที่มีแต่ความระแวดระวังอย่างเต็มเปี่ยม “ฉันต้องการจะฟังจากปากของเธอเอง”
“พี่เฉิน พี่ไม่เชื่อฉันเหรอ?” ชางฉิงจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ “สตีเฟ่นเป็นเพื่อนของฉันจริงๆ พี่ก็รู้นี่ พิธีงานแต่งงานแบบต่างประเทศมันค่อนข้างเปิดเผย เราไม่ได้เจอกันมานานแล้วเลยนัดกันไปกินข้าว พี่สาวทำให้ฉันต้องเสียลูกไป ฉันเลยไปหาเขาเพื่อไปต่อว่าเล็กน้อย เขาอยากจะพูดเหตุผลให้ฉันฟังไม่กี่คำเอง ใครจะไปคิดเล่าว่า แฟนหนุ่มของพี่สาวก็เข้ามาทำร้ายเขาทันที”
ชางฉิงพูดไป น้ำตาก็ไหลพราก
“นั่นไม่ใช่แฟนหนุ่มของเธอหรอก” หยูเฉินไม่ได้สนใจความสัมพันธ์ระหว่างสตีเฟ่นกับชางฉิงเลยว่าเป็นอะไรกัน ก็แค่คับข้องใจกับคำพูดที่ชางฉิงพูดออกมาเรื่องระหว่างชางหลิงและ หลีซิน “ฉันเข้าใจหลิงหลิงดี เธอคงไม่ได้เร่งรีบที่จะมีแฟนหนุ่มได้เร็วขนาดนี้”
ชางฉิงปาดน้ำตา “พี่เฉิน ฉันรู้ว่าพี่ยังมีความรู้สึกกับพี่สาวอยู่ ก็เลยเข้าข้างเธออยู่แล้ว แต่ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลีซินพวกเราทุกคนก็เห็นเต็มสองตา ถ้าพี่ไม่เชื่อ ก็ไปดูที่ nova สิ ระยะนี้พี่สาวก็ไม่ได้กลับบ้านเลยแล้วจะไปนอนอยู่ที่ไหนล่ะ? เธออยู่กับหลีซินมาตั้งนานแล้ว ไม่งั้น ระยะเวลาไม่กี่วัน เธอจะได้รับบัตรผ่านเข้าออกของ nova ได้ยังไงล่ะ”
“คุณหยุดพูดสักที!” น้ำเสียงหยูเฉินแข็งกร้าวขึ้น จนทำให้ชางฉิงตกใจขวัญหนีดีฝ่อทันที
“ฉันเคยพูดแล้ว เธอไม่อาจจะชอบคนอื่นได้” หยูเฉินแอบกำหมัดตนเองเอาไว้แน่น
เมื่อเห็นท่าทางของหยูเฉินแล้ว ชางฉิงรู้ทันทีว่าคำพูดของตนเองนั้นได้เกินเลยไปแล้ว พลันยกมือขึ้นปาดน้ำตาพร้อมทั้งแสยะยิ้มมุมปากไปด้วย
“พี่เฉิน ใกล้จะถึงวันงานแต่งงานของเราแล้ว พี่ …” ชางฉิงแอบลองถามเขา
หยูเฉินถูกดึงอารมณ์ของตนเองกลับมาเพราะคำพูดนี้ของชางฉิง เมื่อเห็นว่าชางฉิงกำลังร้องไห้เป็นวักเป็นเวนอย่างกับพายุถล่มอยู่ด้านหน้า นัยน์ตาของเขาเริ่มแสดงอาการขอโทษเล็กน้อย
“ฉิงฉิงคุณเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง ทว่า…คุณก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ว่าคนที่ผมชอบ เป็นพี่สาวคุณมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
ชางฉิงแสร้งทำท่าสะพรึงอย่างตกใจ น้ำตาหลั่งไหลพรั่งพรูมากกว่าเก่า
“พี่เฉิน….พี่ไม่ต้องการฉิงฉิงแล้วใช่ไหม? เพราะว่าฉันไม่ยอมฮึดสู้เพื่อปกป้องลูกของเราไว้ใช่ไหม?” ชางฉิงเริ่มร้อนรน พร้อมทั้งเขยิบไปทางด้านหน้าเพื่อจับมือของหยูเฉินเอาไว้
“ฉันรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับคุณเลย” หยูเฉินดันมือของตัวเองออก “ฉิงฉิงฉันทำผิดกับคุณ แต่ว่า ฉันไม่อาจจะก้าวผ่านหลุมดำหลุมนั้นที่อยู่ในใจได้จริงๆ ฉันกับพี่สาวของคุณคบหาดูใจกันนานมากแล้ว ความรู้สึกระหว่างเรามันไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่จะลืมไปได้ ฉันอยู่กับคุณ แต่หัวใจของฉันคิดถึงแต่เธอ ถ้าเป็นแบบนี้มันจะไม่ยุติธรรมสำหรับคุณเลย”
“แต่ว่า งานแต่งงานของเรามันใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว พ่อของฉันก็หวังให้เราสองคนอยู่ด้วยกัน แล้วคุณเกิดจะมาพูดว่าจะไม่แต่งงานในก็คือไม่แต่งตอนนี้เนี่ยนะ ฉัน…จะไปบอกกับพวกท่านอย่างไรดี? พี่เฉิน พี่ไม่เห็นใจฉันไม่เป็นไร แต่ต้องเห็นว่าพ่อแม่ของฉันปฏิบัติต่อพี่ดีขนาดนั้น เรื่องนี้เราไม่สามารถพูดคุยกันได้อีกสักหน่อยเหรอ?” ชางฉิงสะอึกสะอื้น อย่างน่าสมเพชเวทนา
“ฉิงฉิง” หยูเฉินประคองเธอเอาไว้ “ฉันรู้ ความจริงแล้วคุณก็ไม่ได้มีความรู้สึกมากมายเท่าไหร่กับฉันหรอก งานรับปริญญาเราสองคนดื่มกันมากไป จากนั้น คุณก็ท้องลูกของฉัน ดังนั้นเราเลยจำต้องมาอยู่ด้วยกัน ความคิดของลุงชางฉันย่อมรู้ดี แม้ว่าไม่ได้แต่งงานกับคุณก็ตาม เรื่องที่ตระกูลหยูเคยตกปากรับคำสัญญากันไว้ว่าจะช่วยเหลือตระกูลชาง ให้ผ่านศึกหนักไปได้ ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด คุณวางใจได้เลย เขาจะไม่โทษคุณหรอก”
“แต่ว่า….” ชางฉิงอยากพูดแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ฉิงฉิง นี่คือสิ่งที่ฉันจะชดใช้ให้คุณ ต่อไปคุณก็ต้องตามหาคนที่เหมาะสมสำหรับคุณได้อย่างแน่นอน ส่วนฉันนั้น ฉันชอบพี่สาวของคุณจริงๆ ถึงแม้ว่าเธอทำผิดมหันต์จนตระกูลหยูไม่อาจรับได้ ฉันก็ยินยอมออกไปจากตระกูลหยูเพื่อไปใช้ชีวิตที่เรียบง่ายที่สุดกับเธอ”
ชางฉิงได้ยินคำพูดของหยูเฉินแล้ว สีหน้ายิ่งดูไม่ได้หนักขึ้นกว่าเก่า
เธอประเมินความรู้สึกของหยูเฉินที่มีต่อชางหลิงต่ำเกินไป เขายินยอมที่จะไม่เอาการใช้ชีวิตแบบคุณชายน้อยของตระกูลหยู เพื่อจะไปใช้ชีวิตตกทุกข์ได้ยากอยู่กับชางหลิงอย่างนั้นเหรอ?
“พี่เฉิน คงต้องเป็นฉันที่ต้องขอโทษพี่ พี่จิตใจแน่วแน่อยู่กับพี่สาว ฉันยินยอมให้พวกคุณได้สมปรารถนา เพียงแต่ ฉันกลัวว่าคุณจะถลำลึกกับความรักเกินไปจนถอนตัวไม่ขึ้น จนในที่สุดจะทำให้ผิดหวัง…” ชางฉิงเสียใจเหลือเกิน “ตอนนี้พี่สาวเขา…”
“ฉันต้องได้อยู่กับเธออย่างแน่นอน” นัยน์ตาของหยูเฉินมีแต่ความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก “บนโลกใบนี้ ไม่มีใครที่จะสามารถรักเธอได้มากกว่าฉัน”
ชางฉิงหรี่ดวงตาลง พร้อมทั้งแอบยิ้มอย่างเย็นชาอย่างเงียบๆ
ก็ได้ ตราบใดที่ชางหลิงไม่ได้เข้ามาเพลิดเพลินความสุขในตระกูลหยูเธอกับหยูเฉินจะอยู่หรือไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไร? เธอกังวลว่าหยูเฉินจะเข้ามาพัวพันอีก ทางที่ดีที่สุดก็คือก่อเรื่องถึงขนาดหลีซินยังต้องไปจากเธอ
ผู้หญิงคนอย่างชางหลิง ก็คู่ควรกับการใช้ชีวิตไปกับคนไร้ประโยชน์อ่อนปวกเปียกอย่างหยูเฉินไปจนแก่จนเฒ่า