บทที่ 28 ให้โอกาสฉันอีกครั้ง
ฉินซางกับต้วนเหิงมองอึ้งค้างโดยสมบูรณ์ไปแล้ว บรรดาหัวหน้าแผนกคนอื่นๆ ก็อ้าปากค้างโดยแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างชางหลิง
ชางหลิงตกตะลึงตาค้าง หลีซินเด็กเลว เขาแค่บอกว่าโหมวยู่อยู่ที่ออฟฟิศ ไม่ได้บอกว่าในออฟฟิศยังมีคนอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง
“ขอโทษที่รบกวนค่ะ” สีหน้าของชางหลิงเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที เธอหยิบเสื้อคลุมของตัวเองขึ้นมา สวมมันโดยไม่ร้อนรน แล้วโค้งให้กับทุกคน ก่อนจะเดินออกไปอย่างใจเย็น
อย่างไรก็ตาม ไม่กี่วินาทีต่อมา มือเล็กๆ ก็ยื่นผ่านรอยแยกประตูเข้ามาอีกครั้ง เก็บเอาหมวกที่ทิ้งไว้ข้างในไป
ชางหลิงปิดประตู หลังจากแน่ใจว่าพวกเขามองไม่เห็นเธอ จึงเปลี่ยนท่าทีทันที ชักเท้าวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆๆๆๆ” ฉินซางเป็นคนแรกที่ระเบิดเสียงหัวเราะ “บอสครับ มองไม่ออกเลยนะครับว่าคุณมีช่วงเวลาที่สนุกแบบนี้”
อย่างไรก็ตาม จนเมื่อเขาหัวเราะจบ ถึงได้พบว่าทุกคนที่นี่ไม่มีการเคลื่อนไหวเลย ตรงกันข้ามกลับลดลมหายใจ กลัวว่าจะถูกคุณชายรองโหมวสั่งให้ไปแทงตาจนบอด
แล้วเสียงหัวเราะของฉินซางก็ลดลงทันที
“ดำเนินการต่อ” สายตาของโหมวยู่กลับไปที่รายงาน
ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงต้วนเหิง ดำเนินการรายงานผลกำไรประจำเดือนที่ถูกขัดจังหวะไปอย่างระมัดระวัง…
ชางหลิงวิ่งไปตลอดทางจนกลับไปที่ห้องชั้นบน
เยี่ยมมาก อับอายขายขี้หน้ามาก ตอนแรกแค่อยากแกล้งโหมวยู่ ตอนนี้คนทั้งnovaรู้แล้วว่าเธอมีงานอดิเรกที่น่าอัศจรรย์แบบนี้
เธอพยายามคิดหาทางแก้ไข ทว่าทันทีที่นึกถึงโหมวยู่ที่นั่งอยู่ในออฟฟิศหน้าดำมืดจนหมึกจะหยด เธอก็อดไม่ได้ที่จะขนลุก
เขาจะไม่ไล่เธอออกไปจากที่นี่ใช่ไหม อย่าว่าแต่ไม่ได้เข้าบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปเลย แม้แต่ประตูnovaก็เข้าไม่ได้อีกต่อไป
ชางหลิงรู้สึกหงุดหงิด เหวี่ยงเสื้อกันลมและหมวกทิ้งไปบนเตียง ล้มตัวนอนคว่ำเหมือนอัมพาตทั้งตัว
และตอนนี้ ประตูห้องถูกผลักเปิดออก ร่างของโหมวยู่ปรากฏอยู่ที่หน้าประตู
ชางหลิงหันหน้ากลับไป เมื่อเห็นเขาก็ลุกขึ้นยืนทันที
“คุณชายรอง คุณจบการประชุมเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”
โหมวยู่จ้องเธอเขม็ง ดวงตาเป็นประกายร้อนแรง
เขาอยากจะจบการประชุม เพราะขณะที่ดูรายงานที่น่าเบื่อเหล่านั้น แต่จิตใจของเขากลับมีแต่ชางหลิงที่สวมเครื่องแบบนักศึกษาเย้ายวนล่อตาล่อใจ
ต้องบอกว่าผู้หญิงคนนี้หาวิถีทางที่ถูกต้องพบแล้ว เพียงแต่การยั่วยวนเขาต่อหน้าคนมากมาย มันน่าลงโทษจริงๆ
“ฉัน…ฉันไปเตรียมน้ำอาบให้คุณนะ” ทันทีที่เห็นการแสดงออกของชางหลิงก็รู้ว่าเขากำลังคิดว่าจะอบรมเธออย่างไรแน่นอน จึงรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ อยากหนีจากที่เกิดเหตุ
แต่น่าเสียดาย เธอเพิ่งจะพุ่งเข้าไป โหมวยู่ก็ก้าวเข้ามาที่ประตูแล้ว เตะประตูปิดด้วยเท้าข้างเดียว กับมือที่คว้าชางหลิงเอามาไว้ในอ้อมแขนแน่นหนา
“ตอนนี้ที่นี่ไม่มีคนนอก เธอสามารถเล่นสนุกได้เต็มที่”
ชางหลิงถูกโหมวยู่กอดแน่น เขาปราบเธอด้วยมือข้างเดียว อย่างไรเธอก็ไม่สามารถขัดขืนได้
“คุณชายรอง ฉัน…” ชางหลิงพยายามคิดหาข้ออ้างหลบหนี แต่โหมวยู่อุ้มเธอขึ้นแล้วไปโยนลงบนเตียง ความรู้สึกไร้น้ำหนักทำให้เธอร้องอุทาน และวินาทีถัดมา ร่างของโหมวยู่ก็ขึ้นมาคร่อมแล้ว
“วันนี้ฉันมีความสุขมาก” โหมวยู่กระซิบเสียงต่ำ ดวงตาของชางหลิงเป็นประกาย มุมปากก็ยกขึ้นด้วย
ในที่สุดเขาก็ยอมรับว่าเขามีความสุข หมายความว่าเธอสามารถเข้าบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปได้แล้วใช่ไหม
กำลังจะถามคำถามของตัวเองออกมา จูบของโหมวยู่ก็ลดลงมาแล้ว เสียงของเธอถูกปิดกั้นเอาไว้ระหว่างริมฝีปากและฟัน
ชางหลิงรู้สึกเพียงร่างกายตัวเองยิ่งแห้งผากและร้อนรุ่ม
ครั้งก่อนหน้านี้กับโหมวยู่ หลังจากเธอดื่มก็เมามึนงง ไม่รู้เลยว่าเป็นความรู้สึกอะไร เมื่อตื่นได้สติ ความรู้สึกทุกประเภทถึงกระจ่าง
“โหมวยู่…” รู้สึกได้ว่าโหมวยู่เข้ามาใกล้ทีละสเต็ป ชางหลิงตัวสั่นสะท้านเล็กน้อย
“เรียกสามี” โหมวยู่เอื้อมมือไปกดปิดไฟในห้อง…
จนกระทั่งท้องฟ้านอกหน้าต่างค่อยๆ สว่างขึ้น ชางหลิงก็อ่อนแรงหลับสนิทไป
ผลของความโลภ ก็คือตลอดทั้งวันเธอไม่ได้ลุกจากเตียงเลย ทั้งง่วงทั้งเหนื่อย และปวดเมื่อยทั้งตัว
ชางหลิงนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน งัวเงียมึนเบลอ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังปลุกเธอ
เธอมองดูชื่อสองพยางค์หยูเฉินบนหน้าจอ เกิดอาการงุนงงไปครู่หนึ่ง ตอนแรกก็อยากจะตัดสายโทรศัพท์ แต่ผีผลักให้กดรับ
“หลิงหลิง” น้ำเสียงทางฝั่งหยูเฉินแหบแห้ง “คุณอยู่ไหนน่ะ ผมไปตระกูลชางมา ไม่เจอคุณ คุณลุงชางบอกว่าเขาตัดพ่อตัดลูกกับคุณแล้ว มันเป็นความจริงเหรอ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย” ชางหลิงยิ้มเยาะ
“หลิงหลิง…” หยูเฉินพูดแล้วก็หยุด “ผมรู้ว่าผมพูดอะไรไปมากเท่าไรก็แก้ไขความผิดพลาดของผมไม่ได้ แต่ผมมีความลำบากใจจริงๆ ผมอยากแต่งงานกับคุณจริงๆ ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไปจริงๆ เพียงแต่…คืนวันรับปริญญา ผมดื่มมากไป จึงคิดว่าชางฉิงเป็นคุณ”
ชางหลิงนิ่งเงียบไม่ตอบ
“จริงๆ นะ ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น ผมแทบไม่เคยเมาเลย แต่วันนั้นผมไม่รู้ว่าโดนอะไร มันควบคุมตัวเองไม่ได้”
“ต่อให้ครั้งแรกคุณไม่มีสติ แต่หลายครั้งหลังจากนั้น ก็ไม่มีสติด้วยงั้นเหรอ ต้องเมาแบบไหน ถึงสามารถทำให้คุณพาชางฉิงไปห้องหอของเราได้ พูดคำไพเราะสวยหรู ที่จริงก็เป็นแค่การหาข้ออ้างมารองรับการทรยศของตัวเอง”
“แต่ผมไม่เคยคิดจะแต่งงานกับเธอ วันนั้นเธอส่งข้อความหาผมว่าถ้าผมไม่ไป เธอจะเปิดเผยเรื่องนี้ ผมไม่มีทางเลือก…หลังจากที่ไปแล้ว เธอยั่วยวนผม ผมเป็นผู้ชายปกติ ก็เลย…”
“คุณหยุดพูดได้แล้ว” ชางหลิงรู้สึกคลื่นไส้ “ฉันไม่อยากนึกถึงมันอีก”
“หลิงหลิง ผมรู้ว่าผมไม่สมควรได้รับการให้อภัย แต่ผมอยากจะบอกคุณว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่ผมชอบมีเพียงคุณคนเดียว สาเหตุที่บอกว่าจะแต่งงานกับเธอ เป็นเพราะว่าเธอท้อง ทำเพื่อรักษาหน้าของตระกูลผม แต่ตอนนี้ไม่มีลูกแล้ว ระหว่างผมกับเธอ ก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงานกันแล้ว”
“หยูเฉิน!” ชางหลิงประหลาดใจมาก “คุณรู้ไหมว่ากำลังพูดอะไร คุณทำลายชีวิตแต่งงานของฉันไปแล้ว ตอนนี้คุณยังทำลายการแต่งงานของชางฉิงอีกเหรอ”
“การทำลายหนึ่งครั้งกับทำลายสองครั้งมีอะไรแตกต่างกัน ช่วงนี้ชีวิตผมเลวร้ายยิ่งกว่าตาย ผมเสียใจภายหลังมากจริงๆ แทนที่จะปล่อยให้ผมแต่งงานกับเธอแล้วเสียใจภายหลังไปตลอดชีวิต ไม่สู้ทุ่มหม้อให้แตกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า หลิงหลิง ผมรักคุณ คุณให้โอกาสผมอีกครั้งนะ ให้ผมชดเชยให้คุณได้ไหมครับ”
ชางหลิงวางโทรศัพท์มือถือลง ฟังเสียงของหยูเฉินอีกฝั่ง ในใจมีแต่ความสับสน
พวกเขาอายุได้สิบเจ็ดปีเท่ากัน ผ่านวัยรุ่นที่ยาวนาน แต่เดิมเป็นทองคำและหยกบริสุทธิ์ในสายตาของทุกคน ข่าวการแต่งงานทันทีที่เรียนจบมีกี่คนที่อิจฉา
เธออยากเป็นภรรยาของเขาจริงๆ เคยอยากใช้ชีวิตร่วมกับเขาจริงๆ แต่ตอนนี้ ระหว่างพวกเขา มันได้สลายไปในทิศทางตรงกันข้ามแล้ว
“หยูเฉิน” ชางหลิงพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก “ฉันเคยบอกคุณเกี่ยวกับแม่ของฉัน ก็น่าจะรู้ว่าฉันเกลียดการนอกใจและการทรยศหักหลัง แม่ของฉันเคยเลือกที่จะให้อภัย ถึงขั้นการยอมรับลูกสาวนอกสมรสของพ่อฉัน แต่แล้วผลที่ตามมาล่ะ ผลที่ได้คือเธอเป็นภาวะซึมเศร้า เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ รอยร้าวในความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะแก้ไขยังไงมันก็ปลอม ฉันจะจดจำได้อยู่เสมอ จะอยู่ในหัวใจของฉันเหมือนหนามแหลมคม ยังไงก็ไม่ลบเลือน”
“ผมรู้ รู้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นต่อไปผมจะดูแลคุณเป็นสองเท่า หลิงหลิง ผมตัดชุดแต่งงานใหม่ให้คุณแล้ว ห้องหอของเราผมก็เปลี่ยนเตียงแล้วด้วย คุณยกโทษให้ผมสักครั้งนะ เรามาเริ่มต้นใหม่ได้ไหม”
เริ่มใหม่งั้นเหรอ พูดง่ายเกินไปไหม ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสิ้นสุดลงตั้งแต่เขากับชางฉิงมีอะไรกันแล้ว ตอนนี้ต่อให้เขาไม่แต่งกับชางฉิง เธอก็จะไม่แต่งงานกับเขา
ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เธอได้จดทะเบียนสมรสกับโหมวยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีโหมวยู่ ก็จะไม่ให้อภัยหยูเฉิน
“หลังจากนี้อย่าติดต่อฉันอีก” ชางหลิงพูดอย่างเย็นชา “คิดเสียว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”
“หลิงหลิง…”
เสียงของหยูเฉินยังดังต่อ แต่ชางหลิงตัดสายไปแล้ว
ห้าปี ข้ามผ่านวันคืนมากกว่าพัน พวกเขานั่งอยู่ในห้องเรียนเดียวกัน มีความสุขด้วยกัน เสียใจด้วยกัน สอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน เรียนคณะเดียวกัน
ชางหลิงคิดว่าตลอดชีวิตนี้ของเธอ จะจบลงในนามภรรยาของหยูเฉิน ไม่เคยคิดหาหนทางอื่น แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว
ไฟพลันสว่างทั่วห้อง โหมวยู่เดินเข้ามาทางประตู ชางหลิงหลบตาโดยจิตใต้สำนึก ไม่อยากให้อาการตาแดงของเธอถูกเขาเห็นเข้า
“นอนบนเตียงของฉัน แต่หลั่งน้ำตาให้ผู้ชายอีกคนงั้นเหรอ” โหมวยู่น้ำเสียงเย็นยะเยือก แต่การแสดงออกไม่ได้บ่งบอกถึงการตำหนิ
ชางหลิงห่อตัวในผ้าห่ม เหลือบมองเขา
“คุณคิดว่าฉันอยากนอนเตียงของคุณเหรอ” ถ้าไม่ใช่เพราะจดทะเบียนสมรสกับเขาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพื่อการเข้าสู่บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ป เธอปรารถนาที่จะอยู่ห่างจากภูเขาน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่อย่างเขายิ่งไกลยิ่งดี
โหมวยู่เข้ามาแล้วโยนเอกสารลงบนเตียง “วันจันทร์หน้า ไปรายงานตัวเข้าบริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปให้ตรงเวลา”