พอเปิดประตูเข้าไป ชางหลิงก็รู้สึกมีคนมากมายต่อว่าเธออยู่ ทุกคนต่างซุบซิบกันเสียงเบา เหมือนจะพูดเรื่องลอกเลียนแบบอะไรทำนองนั้นนะ
ชางหลิงไม่เข้าใจ เดินไปที่ทำงาน ถึงเห็นว่าที่นั่งตัวเองถูกคนสาดน้ำซุปบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เหลือตรงที่นั่งตัวเอง และซูเสี่ยวเฉิงกำลังช่วยเธอจัดการอยู่
ทุกคนต่างมองขวางเธอ ท่าทีรังเกียจมาก
ชางหลิงเดินเข้าไปใกล้ ดึงซูเสี่ยวเฉิงขึ้นมา ถึงเห็นว่า ดวงตาสองข้างของซูเสี่ยวเฉิงแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าร้องไห้มา
“ใครเป็นคนทำ?” ชางหลิงถามเธอ
ซูเสี่ยวเฉิงอ้ำอึ้งพูดไม่ออก คนข้างๆกลับเดินเข้ามา
“นี่ ยัยนักลอกกล้ามาทำงานสักทีนะ ฉันคิดว่าเธอไม่กล้าเสียอีก ต่อไปก็จะไม่มาแล้ว”
คนคนนี้ชื่อว่าหลิวจื่อเวย เป็นพนักงานใหม่ที่เข้ามาพร้อมกับพวกชางหลิง
“ลอก?” ชางหลิงไม่เข้าใจ “ฉันไปลอกของใคร?”
“ดูสิยังไม่ยอมรับอีก?” คนรอบข้างต่างซุบซิบกันขึ้นมา
“เธอน่ะ เธอลอกผลงานของชางฉิงไม่ใช่เหรอ? แต่น่าเสียดาย ฝีมือไม่ผ่าน ชางฉิงได้ที่หนึ่งของการแข่งขันการออกแบบขั้นต้น และผลงานที่เธอลอกมา ไม่ได้ลอกผลงานที่ดีของคนอื่น เอาแบบร่างไปส่ง ไม่อายเหรอ?” หลิวจื่อเวยพูดอย่างดูถูก
ชางหลิงข่มอารมณ์ไว้ เธอหันกลับไปมองซูเสี่ยวเฉิง เธอก็ยื่นกระดาษมา
“นี่เป็นผลงานออกแบบของชางฉิง”
ชางหลิงมองกระดาษแผ่นนั้น หายใจไม่ออก แทบจะเป็นลม
นี่เป็นผลงานของเธอนี่ การวาดและเส้นเหมือนกันหมดเลย ชางฉิงแค่ระบายสีชมพูลงไปก็เท่านั้น ก็กลายเป็นที่หนึ่งแล้วเหรอ?
แต่ว่า ชางฉิงได้งานออกแบบนี้ไปได้ยังไง?
ชางหลิงนึกถึงวันเลิกงานที่ไฟดับกะทันหัน ก็คิดได้ว่าต้องเป็นฝีมือชางฉิงแน่
“ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน ชางฉิงเนี้ยเป็นดีไซเนอร์อัจฉริยะที่คุณชายรองโหมวเชิญมาเองเลยนะ ยังกล้าลอกผลงานของคนอื่นอีก ตอนนี้ทั้งเซิ่งซื่อต่างต่อว่าพวกเราว่าพนักงานใหม่ที่เข้ามามีจอมขโมยเข้ามา บอกว่าพวกเราทุกคนก็ต่างไม่ใช่คนดีอะไร ขี้หนูเม็ดเดียวพลอยทำซุปเน่าทั้งหม้อ” หลิวจื่อเวยมองบนเธอ
ชางหลิงบีบกระดาษไว้แน่น ได้ยินคำพูดของหลิวจื่อเวย และมองแววตาที่สงสัยและดูถูกของคนอื่น ก็โกรธจนเลือดพุ่งกระฉูด จากนั้นก็วิ่งออกไปทันที
“เสี่ยวหลิงหลิง!” ซูเสี่ยวเฉิงรีบตามไป
ชางหลิงวิ่งขึ้นไปถึงชั้นห้าแบบไม่หยุด เป็นเวลาที่ทุกคนทำงานพอดี การบุกเข้ามาของชางหลิง ดึงดูดสายตาของทุกคนทันที
“ชางฉิง ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ชางหลิงเปิดประตูห้องทำงานของชางฉิง
ชางฉิงกำลังดื่มกาแฟด้วยท่าทีที่สง่างาม เห็นท่าทางเธอที่โกรธจัด รู้สึกลนลานใจ แต่ไม่นานก็ผ่อนคลายลง
“ชางหลิง? ทำไมเหรอ มาหาฉันมีอะไรหรือเปล่า?”
ชางหลิงเอากระดาษฟาดไปที่โต๊ะชางฉิง “นี่เป็นงานออกแบบของฉัน เธอขโมยเหรอ!”
ห้องทำงานเป็นแบบโปร่งใส พอเปิดประตูเข้าไป เสียงด้านในก็ดังออกมาด้วย คนที่อยู่ชั้นสามเมื่อกี้ก็ขึ้นมาดูด้วย
“ฉันขโมยงั้นเหรอ?” ชางฉิงหัวเราะ “ชางหลิง งานออกแบบนั้นฉันส่งไปก่อน และส่งแบบฉบับสมบูรณ์ด้วย แต่เธอล่ะ? เธอส่งวันที่สอง ขนาดสีก็ยังไม่ได้ระบายเลย ยังไงก็ต้องคำนึงถึงเรื่องก่อนหลังไหม ทำไมฉันส่งก่อนถึงขโมยได้ล่ะ?”
“เมื่อวานฉันไม่ได้มาทำงานเพราะไม่สบาย ไม่ได้ระบายสีเพราะบริษัทไฟดับ เรื่องไฟดับเธอเป็นคนสินะ เธอใช้วิธีสกปรกแบบนี้เอางานออกแบบของฉันไป” ชางหลิงตะคอกเสียงดัง
“เธออย่ามาใส่ร้ายกันแบบนี้นะ! ตอนนี้คนในเซิ่งซื่อทั้งหมดต่างก็รู้แล้วว่าเธอลอกงานของฉัน ฉันยังไม่ได้ไปไถ่ถามโทษจากเธอก่อน เธอกลับมาใส่ร้ายฉันก่อนสินะ? คืนนั้นที่ไฟดับ หาสาเหตุได้ตั้งนานแล้ว ช่างไฟเสี่ยวหวางไม่ทันระวังไปดึงคัตเอ๊าต์ลงต่างหาก เธอมาโทษฉันทำไมกัน” ชางฉิงยังได้เปรียบอยู่
“ฉันมีหลักฐานนะ!” เพื่อนร่วมงานชายด้านนอกยกมือขึ้นพูดแทนชางฉิง “เมื่อวานเสี่ยวหวางถูกตักเตือนไปแล้วล่ะ”
ชางหลังกัดฟัน “ได้ ถึงแม้เรื่องไฟดับเธอจะไม่ได้ทำ พวกเราก็ตรวจสอบกล้องวงจร! ฉันจะดูสิว่าคืนนั้นเธอได้อยู่ชั้นสามหน้าโต๊ะคอมฉันหรือเปล่า”
“เธอหาเหตุผลเก่งจริงนะ” ชางฉิงหัวเราะ “วันก่อนเสี่ยวหวางมาซ่อมเพราะกล้องวงจรเสีย ชางหลิง เธออย่าหาเหตุผลมาใส่ร้ายฉันได้ไหม”
“ใช่ ตัวเองลอกคนอื่นแล้ว ยังจะมาใส่ร้ายคนอื่นอีก เป็นคนยังไงเนี้ย”
“นั่นสิ ฝ่ายบุคคลทำหน้าที่ยังไงกัน ทำไมถึงรับคนแบบนี้เข้ามาทำงานได้ ขายหน้าจริงๆ……”
คนด้านนอกต่างซุบซิบกันใหญ่
“ถึงแม้กล้องวงจรตึกนี้จะพังแล้ว พวกเราก็ตรวจสอบกล้องวงจรด้านนอกได้ ดูสิว่าเธอออกจากตึกนี้คนสุดท้ายหรือเปล่า เธอบอกว่าฉันลอกงานของเธอ วันนั้นฉันเลิกงานเร็วมากทุกคนต่างรับรู้กันหมด หลายวันแล้ว นอกจากฉันจะประชุมเช้าแล้วฉันก็ไม่เคยมาชั้นห้าอีกเลย ฉันจะเอาโอกาสที่ไหนมาลอกเธอ แต่เธอล่ะ ถ้าเธอกลับคนสุดท้าย นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเธอตกเป็นผู้ต้องสงสัย?”
ชางหลิงไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่ เรื่องนี้เกี่ยวกับชื่อเสียงและอนาคตของเธอ เธอจะไม่ยอมถูกชางฉิงทำร้ายได้อีกแน่
“นี่……” ชางฉิงก้มหน้าลง สีหน้าดูลนลานมาก
“ชางฉิง พวกเราไปตรวจสอบกล้องวงจร ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยไม่ต้องกังวล ไม่กลัวเธอไปตรวจสอบหรอก?” เพื่อนร่วมงานชายด้านนอกพูดขึ้น
“นั่นสิ ไปดูกล้องวงจรกัน……”
ชางหลิงพูด “ทำไม ไม่กล้าเหรอ? เธอรู้สึกผิดน่ะสิ?”
“ทุกท่าน” ชางฉิงลุกขึ้น ท่าทางดูลำบากใจ “คืนนั้นฉันออกไปคนสุดท้ายก็จริง”
พอเธอพูดแบบนี้ ทุกคนก็ตะลึงกันหมด
ชางหลิงมองเธออย่างรังเกียจ ดูสิ หางจิ้งจอกโผล่ออกมาแล้วสินะ
“แต่ว่า ที่ฉันออกไปคนสุดท้าย เพราะคุณชายรองบอกว่าให้ฉันรอเขา ทุกคนไปดูกล้องวงจรได้ คืนนั้น ฉันกับเขาออกไปพร้อมกัน ยังคุยกันในตึกนี้อีก……”
ชางหลิงมือที่กำไว้แน่นก็คลายออก
คนด้านนอกตกใจกันหมด คุณชายรองโหมว ที่แท้ ข่าวลือก็เป็นเรื่องจริง ชางฉิงกับคุณชายรองโหมวมีความสัมพันธ์กันจริงๆ
“ที่นี่ไฟดับ คุณชายรองเป็นห่วงฉัน ตั้งใจมาหาฉันน่ะ ตอนแรกก็ว่าจะไม่พูด แต่ในเมื่อทุกคนอยากดู ฉันก็พูดออกมาตอนนี้เลยจะดีกว่า” ชางฉิงพูดอย่างเขินอาย แววตาดูเหมือนหญิงสาวที่กำลังตกหลุมรัก
ชางหลิงอึ้งอยู่กับที่ พูดไม่ออกสักคำ
คืนก่อน……โหมวยู่ยังมาช่วยเธอ แต่ว่า ก่อนที่จะช่วยเธอ เขากลับ……อยู่กับชางฉิงงั้นเหรอ?
“ฉันก็ว่า ชางฉิงต้องเป็นแฟนคุณชายรองโหมวแน่ ก่อนหน้านี้ยังส่งดอกไม้ วันก่อนยังส่งสร้อยคอให้กัน เมื่อวานตอนเลิกงาน ฉันยังเห็นชางฉิงขึ้นรถคุณชายโหมวเลยนะ……”
เสียงนั้นดังเข้ามาในหูชางหลิงเรื่อยๆ
คืนเมื่อวานโหมวยู่ไม่กลับมา หลีซินบอกว่ากลับบ้านตระกูลโหมวไปแล้ว……
ชางฉิงค่อยๆเดินไปข้างๆชางหลิง กระซิบเบาๆว่า “คืนเมื่อวาน ฉันอยู่กับคุณชายรองโหมวตลอดทั้งคืน เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ถ้าเกี่ยวข้องไปถึงคุณชายโหมว ถึงแม้เธอจะถูกต้อง ก็ไม่มีคนยืนข้างเธอหรอก ฉันเป็นผู้หญิงของเขา เป็นคุณนายในอนาคตของเซิ่งซื่อ เธอมีสิทธิอะไรมาแข่งกับฉัน?”
“ไม่สนุกเลย เธอถูกไล่ออกจากเซิ่งซื่อเร็วไปนะ”
ชางหลิงเหม่อลอย……
อยู่กับโหมวยู่ตลอดทั้งคืน?
ชางหลิงมองตาโต
“ฉันเป็นพยานให้ชางหลิงได้ ฉันเห็นเธอวาดเองกับตา ฉันยังมีแบบร่างของเธอด้วยนะ” ซูเสี่ยวเฉิงเอากระดาษออกมา “พวกเธอดูสิ นี่เป็นแบบร่างของชางหลิง เธอพยายามมากจริงๆ เธอไม่ได้ลอกนะ!”
ซูเสี่ยวเฉิงเอากระดาษพวกนั้นให้ทุกคนดู แต่ทุกคนกลับเบี่ยงตาออกไปอย่างรังเกียจ
“แบบร่างอะไร เป็นแค่วิธีหลอกคน ขี้ขโมย! ขยะ! ออกไปจากเซิ่งซื่อนะ!”
“ใช่! ออกไปจากเซิ่งซื่อนะ!”
……
“ไม่ใช่นะ ทุกคนดูสิ ทุกคนดูดีๆ……” เปรียบเทียบกันแล้ว คำอธิบายคนเดียวของซูเสี่ยวเฉิงดูไม่มีแรงเลย
ชางหลิงเดินเข้าไป เอากระดาษในมือซูเสี่ยวเฉิงมา
“ไม่มีประโยชน์หรอก อย่าเสียแรงไปเลย” นิ้วมือเธอสั่นเทา
ชางฉิงพูดถูก ไม่มีคนกล้าขัดแย้งกับคุณชายรองโหมว ดังนั้นเรื่องนี้ เธอทำอะไรไม่ได้หรอก
แค่เธอไม่เข้าใจ……ทำไมถึงเป็นแบบนี้……ผู้ชายที่ตอนแรกยังปกป้องเธออยู่ ทำไมถึงไปอยู่กับอีกคนได้ในไม่นาน
หยูเฉินเป็นแบบนี้ โหมวยู่ก็เป็นแบบนี้ พวกเขาพูดปลอบเธอและหลอกเธอ อีกด้านก็ไปอยู่กับชางฉิงรวมตัวกันหลอกเธอและหักหลังเธอ