“ทำอะไรน่ะ?” เสียงของถงเอินดังขึ้นจากด้านนอก คนที่มุงดูอยู่ก็กระจายตัวออกไป พอเห็นคนที่มาพร้อมกับถงเอิน สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปหมด
โม่โม่! เธอมาด้วย?
“แต่ละคน ไม่ไปทำงาน มารวมกลุ่มกันตรงนี้ทำอะไร?” ถงเอินกอดอกเดินมาที่ห้องทำงานชางฉิง ชางฉิงตอนแรกยังมีสีหน้าได้ใจ พอเห็นโม่โม่ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
แต่ว่า พอนึกถึงคืนวันนั้นที่โหมวยู่พูดกับเธอ เธอก็ตั้งสติทำใจแข็งขึ้นมา ไม่ได้ขี้ขลาด
“ผู้อำนวยการถง” ชางฉิงเดินไปข้างๆถงเอิน “ชางหลิงบอกว่าฉันขโมยผลงานของเธอ แต่คุณก็รู้ ฉันส่งงานก่อน แต่เธอกลับใส่ร้ายฉันอยู่ได้”
ชางหลิงไม่ได้เงยหน้า แค่จับกระดาษในมือไว้แน่น มองปลายเท้าของตัวเอง
ตอนนี้ในหัวเธอเต็มไปด้วยคำพูดเมื่อกี้ของชางฉิง เมื่อคืนเธออยู่กับโหมวยู่ทั้งคืน……
“ชางหลิง” สายตาของถงเอินมองมา “เธอมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
ชางหลิงรู้ตัว ก็ยิ้มบางๆ
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
พอเธอพูดแบบนี้ออกไป คนด้านนอกก็พากันซุบซิบเสียงเบา “เมื่อกี้ยังทำตัวกล้า ตอนนี้ไม่กล้าแล้วล่ะสิ ขายขี้หน้าจริงๆ……”
ชางฉิงเชิดหน้าขึ้น ท่าทางภูมิใจสุดฤทธิ์
“ในเมื่อเป็นแบบนี้…….” ถงเอินเบี่ยงสายตาไปทางอื่น
“เธอก็คือชางหลิงเหรอ?” โม่โม่เดินเข้าไป มองเธออย่างละเอียด
ชางหลิงหัวใจบีบแน่น เธอเงยหน้าขึ้น สบตากับโม่โม่
เธอมองมาด้วยแววตาสำรวจ และยังมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันได้ยินว่า คะแนนวิชาเอกของเธอไม่เลว และยังได้รับรางวัลการออกแบบมากมาย” โม่โม่ยิ้ม ยื่นมือออกไป ชี้กระดาษในมือชางหลิง “ให้ฉันดูได้ไหม?”
ชางฉิงหรี่ตาลง กำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว
ชางหลิงก็รู้สึกตกใจ เธอยกมือขึ้น ยื่นกระดาษออกไป
“เหมือนกับงานออกแบบของชางฉิงเลย แต่ว่า มองออกว่า ลายเส้นเธอจัดการได้ดีมาก” โม่โม่ดูภาพนั้นอย่างละเอียด จากนั้นก็ยื่นให้ถงเอิน
“ผู้อำนวยการถง งานออกแบบของชางฉิงได้ที่หนึ่งของการแข่งขันต้นนี้ ได้รับการสนใจอยู่มาก เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อาจจะทำให้คนอื่นสงสัยได้ เอาแบบนี้ดีไหม เพื่อความยุติธรรม ฉันที่เป็นหนึ่งในกรรมการของการแข่งขัน แนะนำให้คุณชางหลิง ออกแบบชุดแต่งงานใหม่อีกครั้ง ถึงเวลาก็เข้าร่วมนิทรรศการเสื้อผ้าด้วยกัน คุณคิดว่าเป็นยังไง?”
“นี่มันยุติธรรมตรงไหน? ถ้าจะเอาความยุติธรรมจริง ก็น่าจะให้ชางฉิงออกแบบใหม่อีกครั้งด้วย” ซูเสี่ยวเฉิงพูดแทนชางหลิง “มีเวลาสองวัน แบบร่างกับการตัดเย็บไม่มีทางทำทันแน่”
“ชางฉิงเป็นดีไซเนอร์มือทอง จะทำใหม่เพราะเรื่องการคัดลอกเรื่องเล็กๆแบบนี้ได้ยังไง?” ถงเอินมองขวางซูเสี่ยวเฉิง สายตามีความตักเตือน
“แต่ว่า…….”
ชางฉิงยิ้มได้ใจ สายตามองไปที่ชางหลิง
“ได้ ฉันตกลง” ชางหลิงก้าวไปข้างหน้า มองหน้าชางฉิง แสยะยิ้มมุมปาก เธอชี้ไปที่งานออกแบบบนโต๊ะ พูดเน้นทีละคำว่า “ในเมื่อเธอว่านี่เป็นงานออกแบบของเธอ งั้นก็เอาความสามารถของเธอมาพิสูจน์สิ แบบร่างแค่ขั้นตอนแรก การตัดเย็บเป็นยังไงยังไม่มีการตัดสินเลย หวังว่า คุณจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังนะ”
บรรยากาศระหว่างทั้งสองดูเยือกเย็นมาก ชางฉิงมองเธอกลับ เลิกคิ้วขึ้น “ได้ งั้นก็ สองวันก็จะได้ผลสรุปกัน”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้……” โม่โม่เข้ามาตบบ่าชางหลิงเบาๆ “คุณชางหลิงต้องรักษาโอกาสนี้ดีๆนะ”
ชางหลิงหันหน้ากลับไป ไม่เข้าใจว่าโม่โม่คิดจะทำอะไร
“ยังมีคุณชางฉิง” แววตาโม่โม่ดูลึกซึ้งมาก “เธอเป็นดีไซเนอร์มือทองที่อายุน้อยที่สุดในเซิ่งซื่อ หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังนะ”
ชางฉิงรู้สึกผิด แต่ก็ยังพยักหน้ายิ้ม
“ใช่แล้ว” โม่โม่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เงยหน้าสบตาเธอ “วันก่อนที่ไฟดับ ฉันไปตรวจสอบดูกับโหมวยู่พอดี ตอนที่ดึกมากแล้วฉันเห็นไฟชั้นสามยังสว่างอยู่เลย กำลังจะไปดู โหมวยู่รู้ว่าฉันกลัวความมืด ก็เลยขึ้นไปดูคนเดียว ไม่คิดว่าจะเจอกับคุณชางฉิง คุณนี่พยายามจริงนะคะ ดึกมากแล้วยังไม่เลิกงานอีก น่านับถือจริงๆนะ”
ชางฉิงตกใจ
เสียงซุบซิบด้านนอกดังขึ้นกว่าเดิม
คำพูดของโม่โม่ ถือว่าคลายประเด็นที่ว่าก่อนหน้านั้นโหมวยู่ตั้งใจมาหาเธอ
นั่นสิ คุณโม่เป็นว่าที่ภรรยาของคุณชายรองโหมว ทุกคนต่างรู้กัน เขากับโม่โม่ไปตรวจสอบด้วยกัน บังเอิญเจอชางฉิง และยังอยู่ชั้นสามอีก งั้นก็หมายความว่า ชางฉิงอาจจะใช้โอกาสตอนที่ทุกคนกลับบ้านกันหมดแล้ว เปิดคอมของชางหลิง?
ชางชิงได้ยินเสียงนั้น ก็ร้อนรน “คุณโม่……”
“พอแล้ว เรื่องนี้ก็ตัดสินแบบนี้แล้วกัน” โม่โม่กลับหลังหัน ท่าทีหยิ่งผยอง
“ทุกคนแยกย้ายเถอะ” ถงเอินปัดมือขึ้น พูดกับทุกคนว่า “ทุกคนว่างกันมากหรือไง ในเมื่อชอบความคึกคักมาก คืนนี้ก็ทำโอทีเพิ่มคนละสองชั่วโมงไปเลย”
ทุกคนเงียบกริบ เดินกลับไปที่นั่งของตัวเอง
ถงเอินกับโม่โม่ยังไม่ได้ออกไป ชางหลิงยังยืนอยู่ที่เดิม รับรู้ได้ถึงชางฉิงที่มองค้อนมา
“ชางหลิง เธอโชคดีจริงๆนะ”
ชางหลิงไม่ได้สนใจเธอ
ลงจากตึกไป ชางหลิงว่าจะกลับห้องทำงานไปพร้อมกับซูเสี่ยวเฉิง แต่กลับเห็นโม่โม่หน้าประตู เธอเข้าใจว่าโม่โม่รอเธออยู่ ก็เลยหยุดลง
“ชางหลิง” โม่โม่ยิ้ม ยื่นมือไปจับมือเธอไว้ “พวกเรามาคุยกันหน่อยได้ไหม?”
ชางหลิงรู้สึกไม่ดี ลำบากใจ เพราะเรื่องของเธอกับโหมวยู่ถูกโม่โม่จับได้แล้วเหรอ? แล้วตอนนี้เธอจะมาแก้แค้นเหรอ?
แต่ว่า ทำไมเธอถึงช่วยเธอบนนั้นล่ะ?
ซูเสี่ยวเฉิงก็ตกใจ ชางหลิงเหลือบมองเธอ ให้เธอเข้าไปก่อน ตัวเองก็เดินไปสุดทางเดินของตึกกับโม่โม่
“คุณโม่……” ชางหลิงลังเล พูดก่อนว่า “คุณ…….”
“เธออยากถามว่าทำไมฉันถึงช่วยเธอล่ะสิ?” โม่โม่ถามแทนเธอ
ชางหลิงพยักหน้า
“เพราะฉันรู้อดีตของเธอไง และรู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับชางฉิงเป็นยังไง” โม่โม่พูดกับเธอตรงๆ “ชางฉิงเป็นน้องต่างแม่ของเธอ ก่อนหน้านั้น ยังแย่งว่าที่สามีเธอไปอีก”
ชางหลิงอึ้ง
โม่โม่รู้พวกนี้ได้ยังไง? นั่นก็หมายความว่า เธอก็รู้เรื่องตัวเองกับโหมวยู่ด้วยน่ะสิ……
“หลีซินเป็นเพื่อนสนิทของโหมวยู่ ในเมื่อเธอมาเซิ่งซื่อแล้ว คนกันเองฉันจะไม่ช่วยได้ยังไง” โม่โม่พูดอย่างเป็นมิตร
“หลีซิน?” ชางหลิงตกใจอีกแล้ว
โม่โม่คิดว่าเธอเป็นแฟนของหลีซินเหรอ?
“เธอไม่ต้องตกใจหรอก” โม่โม่ยิ้มอ่อนๆ “ฉันเห็นแล้วล่ะ เขามาส่งเธอทำงานทุกวัน มีอะไรต้องกลัวกัน ฉันไม่บอกใครหรอก”
“ฉัน……อืม……” ชางหลิงไม่รู้ว่าควรตอบยังไง ถ้าตอนนี้เธออธิบายว่าหลีซินกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันแต่อยู่กับโหมวยู่ คุณโหมวตรงหน้า จะฆ่าเธอเลยหรือเปล่านะ?
แต่ว่า……พอคิดแล้ว ชางฉิงแย่งว่าที่สามีเธอไป และเธอ ก็แย่งว่าที่สามีของโม่โม่ไปด้วย งั้นเธอกับชางฉิง มีความแตกต่างอะไรกันล่ะ?
“น้องสาวเธอคนนี้ รู้จักเอาชนะใจผู้ชายมาก” โม่โม่เปลี่ยนประเด็น กลับไปที่ตัวชางฉิงอีกครั้ง “แต่ว่า ที่นี่เป็นเซิ่งซื่อ ถ้าทุกคนรู้สึกว่าแค่ขึ้นเตียงประธานได้ก็สามารถได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ งั้นก็ดูถูกพวกเราที่เป็นเจ้าบ้านแล้วล่ะ”
ชางหลิงสูดหายใจเข้า เพราะเธอรู้สึกว่าทุกคำที่โม่โม่พูดมาเหมือนกำลังพูดให้ตัวเองฟังอยู่ ชางฉิงเป็นแบบนี้ เธอชางหลิง จะไม่ใช่แบบนั้นได้ยังไงล่ะ?
“คุณโม่ คุณหมายความว่า……”
“ฉันจะให้เธอเอาชนะชางฉิง” โม่โม่แน่วแน่มาก “นิทรรศการเปิดตัวเสื้อผ้าวันนั้น ฉันจะให้เธอกระชากหน้ากากของชางฉิงออกมา ต่อหน้าทุกคน”
สายตาชางหลิงเปล่งประกาย โม่โม่พูดต่อว่า “เธอวางใจได้ ฉันจะสนับสนุนเธอเต็มที่ ชางฉิง ไม่มีทางชนะเธอได้แน่นอน”